บทความนี้จะแนะนำคุณเกี่ยวกับกลยุทธ์การซื้อขายที่ไม่ต้องใช้ปริมาณ ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค และรูปแบบราคา สิ่งที่คุณต้องทำคือให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของราคา ยินดีต้อนรับสู่บทเรียนเรื่องความไม่สมดุล
กลยุทธ์การเทรดด้วยโมเมนตัม
อัปเดทแล้ว • 2024-03-04
ในโลกของการเทรด Forex ที่ศักยภาพในการทำกำไรนั้นเป็นเป้าหมายสูงสุด เทรดเดอร์มักจะแสวงหากลยุทธ์เพื่อให้ได้เปรียบอยู่เสมอ การผสมผสานระหว่างตัวบ่งชี้ Moving Average Convergence Divergence (MACD) และ Relative Strength Index (RSI) ได้กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมท่ามกลางเทคนิคที่มีอยู่มากมาย บทความนี้จะสำรวจกลยุทธ์การเทรด MACD + RSI และวิธีการนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อระบุโอกาสในการเปิดคำสั่งซื้อขายในตลาด Forex
การตั้งค่ากลยุทธ์
ตราสาร: ตราสารใดก็ได้
ตัวบ่งชี้: Relative Strength Index (RSI), Moving Average Convergence Divergence (MACD) พร้อมการตั้งค่าเริ่มต้น
MACD เป็นออสซิลเลเตอร์โมเมนตัมที่ประกอบด้วยเส้นสัญญาณและฮิสโตแกรม ฮิสโตแกรมจะแสดงถึงความแตกต่างระหว่าง EMA ที่เร็วและช้า ในขณะที่เส้นสัญญาณก็คือเส้นฮิสโตแกรมแบบเรียบ เมื่อเส้นสัญญาณอยู่ต่ำกว่าเส้นฮิสโตแกรม แนวโน้มจะเป็นขาขึ้น มิฉะนั้นมันจะเป็นขาลง จุดตัดของเส้นทั้งสองจะให้สัญญาณซื้อหรือขาย
Relative Strength Index (RSI) เป็นออสซิลเลเตอร์โมเมนตัมที่ประเมินความเร็วและการเปลี่ยนแปลงของการเคลื่อนไหวของราคา การคำนวณ RSI เกี่ยวข้องกับการเปรียบเทียบขนาดของกำไรล่าสุดกับการขาดทุนล่าสุด ซึ่งจะให้ค่าระหว่าง 0 ถึง 100 ระดับ RSI ที่สูงกว่า 70 มักจะบ่งบอกถึงสภาวะการซื้อมากเกินไป ซึ่งบ่งบอกถึงการกลับตัวหรือการปรับฐานของราคาที่อาจเกิดขึ้น ในทางกลับกัน ระดับ RSI ที่ต่ำกว่า 30 มักจะบ่งบอกถึงสภาวะการขายมากเกินไป ซึ่งบ่งชี้ถึงการเคลื่อนไหวขาขึ้นของราคาที่อาจเกิดขึ้น
กรอบเวลา: H1 - H4
กฎการจัดการความเสี่ยง: 2-5% เป็นมาร์จิ้นจากยอดคงเหลือทั้งหมด
กฏการเปิด Long (ซื้อ)
- มองหาช่วงเวลาที่ RSI อยู่ต่ำกว่า 30 และเส้นสัญญาณ MACD อยู่เหนือเส้นฮิสโตแกรม
- รอจนกระทั่ง RSI พุ่งขึ้นเหนือ 30 และเส้นสัญญาณ MACD ตกลงต่ำกว่าเส้นฮิสโตแกรม
- เปิดคำสั่ง Buy
- ตั้ง Take Profit ที่ระดับแนวต้านหรือเมื่อมี “สัญญาณขาย” เกิดขึ้น
- ตั้งจุด Stop Loss ตามอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนของคุณ (แนะนำ 1:3 - 1:5) หรือใต้ระดับต่ำสุดล่าสุด
กฏการเปิด Short (ขาย)
- มองหาช่วงเวลาที่ RSI อยู่เหนือกว่า 70 และเส้นสัญญาณ MACD อยู่ใต้เส้นฮิสโตแกรม
- รอจนกระทั่ง RSI ร่วงลงต่ำกว่า 70 และเส้นสัญญาณ MACD พุ่งขึ้นสูงกว่าเส้นฮิสโตแกรม
- เปิดคำสั่ง Sell
- ตั้ง Take Profit ที่ระดับแนวรับหรือเมื่อมี “สัญญาณซื้อ” เกิดขึ้น
- ตั้งจุด Stop Loss ตามอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนของคุณ (แนะนำ 1:3 - 1:5) หรือเหนือระดับสูงสุดล่าสุด
ข้อมูลสำคัญ
เช่นเดียวกับกลยุทธ์อื่น ๆ การใช้ MACD และ RSI ร่วมกันก็ไม่อาจรับประกันผลลัพธ์ได้ 100% อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎเพื่อปรับปรุงผลลัพธ์
- ขอแนะนำให้เปิดคำสั่งซื้อขายตามแนวโน้ม ในการทำเช่นนี้ คุณต้องขยายกรอบเวลาให้ใหญ่ขึ้นแล้วกำหนดทิศทางทั่วไป
- แนะนำให้ตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit มากกว่า 1:2 อัตราส่วน 1:3 ถึง 1:5 ถือว่าเหมาะสมที่สุด
เทรดกับ FBS โดยใช้ MACD และออสซิลเลเตอร์ RSI แล้วกลายเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง!
คล้ายกัน
ตัวบ่งชี้ DeMarker ได้ถูกคิดค้นและอธิบายโดย Thomas DeMark
Bill Williams เป็นผู้สร้างตัวบ่งชี้ยอดนิยม: Awesome Oscillator, Fractals, Alligator และ Gator
-
จะเริ่มเทรดอย่างไร?
หากคุณอายุ 18 ปีขึ้นไปคุณสามารถเข้าร่วม FBS ได้และเริ่มต้นการเดินทาง FX ของคุณ ในการซื้อขายคุณจะต้องมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์และมีความรู้ที่เพียงพอเกี่ยวกับวิธีการทำงานของสินทรัพย์ในตลาดการเงิน เริ่มด้วยการศึกษาขั้นพื้นฐานด้วย สื่อการเรียนรู้ฟรี และ สร้างบัญชี FBS คุณอาจต้องการทดสอบสภาพแวดล้อมด้วยเงินเสมือนจริงผ่านบัญชีทดลอง เมื่อคุณพร้อมเข้าสู่ตลาดจริงแล้ว ก็เริ่มทำการซื้อขายเพื่อที่จะได้ประสบความสำเร็จ
-
จะเปิดบัญชี FBS ได้อย่างไร?
คลิกที่ปุ่ม 'เปิดบัญชี' บนเว็บไซต์ของเราแล้วไปที่ Trader Area ก่อนที่คุณจะเริ่มซื้อขายได้ โปรไฟล์ของคุณจะต้องได้รับการยืนยันเสียก่อน ยืนยันอีเมลและเบอร์โทรศัพท์ของคุณ จากนั้นให้ทำการยืนยันตัวตนของคุณ ขั้นตอนนี้จะช่วยรับประกันความปลอดภัยของเงินและตัวตนของคุณ เมื่อคุณผ่านการตรวจสอบทั้งหมดแล้ว ให้ไปที่แพลตฟอร์มการซื้อขายที่ต้องการ แล้วเริ่มซื้อขายได้เลย
-
จะถอนเงินที่ทำได้กับ FBS ได้อย่างไร?
กระบวนการนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย ไปที่หน้า การถอนเงิน บนเว็บไซต์หรือส่วนการเงินของ FBS Trader Area และเข้าไปที่การถอนเงิน คุณจะได้รับเงินที่ทำได้รับผ่านระบบการชำระเงินเดียวกับที่คุณใช้ในการฝากเงิน ในกรณีที่คุณฝากเงินเข้าบัญชีผ่านหลายวิธี ให้ถอนกำไรของคุณผ่านวิธีเดียวกันในอัตราส่วนตามยอดเงินที่ฝากเข้ามา