ราคาน้ำมันที่เข้าใกล้ $130 นั้นเป็นฝันร้ายของเงินเฟ้อ

อ่านบทความบนเว็บไซต์ของ FBS

ตลาดน้ำมันตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างรุนแรงจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นและอุปทานที่ลดลง กลุ่ม OPEC+ ไม่สามารถหรือไม่เต็มใจที่จะบรรลุเป้าหมายการผลิตตามที่ตนเองได้กำหนดไว้ และยืนกรานที่จะจำกัดการเพิ่มกำลังการผลิตไว้ที่ 400,000 บาร์เรลต่อวัน แม้ว่าราคาจะสูงขึ้นก็ตาม นอกจากนี้ เหล่าผู้ผลิตในสหรัฐฯก็ไม่สามารถหรือไม่เต็มใจที่จะเพิ่มปริมาณน้ำมันสำรองของสหรัฐฯ

เงินเฟ้อเป็นปัญหาอันดับหนึ่งของตลาด และทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะกลัวมัน เงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาได้พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี ที่ 7.5% ส่วนเงินเฟ้อในยูโรโซนแตะที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 5.8% ส่วนในสหราชอาณาจักรนั้นก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อได้พุ่งไปสูงถึง 5.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี

สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนมีแต่ทำให้สิ่งต่างๆแย่ลง หากการจัดหาน้ำมันและก๊าซของรัสเซียต้องหยุดชะงักลงเนื่องจากการคว่ำบาตรหรือโดยคำสั่งของ Kremlin เพื่อตอบสนองต่อการคว่ำบาตร สิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าวอาจทำให้ราคาเกิดความบ้าคลั่ง แม้ว่าก่อนที่เราจะเห็นผลกระทบที่แท้จริงต่ออุปสงค์ที่เกิดจากการที่น้ำมันของรัสเซียหายไปจากตลาด

ราคาน้ำมันดิบพุ่งไปแตะ $130 ต่อบาร์เรล

แม้ว่าจะมีมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก แต่จนถึงขณะนี้ก็ไม่ได้กำหนดเป้าหมายการส่งออกพลังงานของรัสเซีย แต่หลังจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย การขนส่งของรัสเซียก็กลายเป็นพิษต่อผู้ค้า บริษัทประกันภัย และเจ้าของเรือบรรทุกน้ำมันส่วนใหญ่ โรงกลั่นและผู้ค้าบางรายกังวลว่าธุรกรรมทางการเงินจะทำงานอย่างไรหลังจากที่ธนาคารรัสเซียถูกผลักออกจากระบบ SWIFT ส่วนคนอื่นๆก็พากันวิ่งหนีเพื่อหลีกเลี่ยงการทำร้ายชื่อเสียงของพวกเขา

ราคาน้ำมันอาจขึ้นถึงระดับไหน?

JPMorgan คิดว่า 66% ของน้ำมันรัสเซียจะพยายามหาผู้ซื้อและคาดว่าราคาน้ำมันดิบจะแตะระดับ $185 ภายในสิ้นปีนี้หากน้ำมันของรัสเซียยังไม่มีผู้ซื้อ หากภาคพลังงานของรัสเซียตกอยู่ภายใต้การคว่ำบาตร หรือหากเยอรมนีเปลี่ยนใจหยุดท่อส่งก๊าซ Nord Stream 2 และหากสหรัฐฯล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน ปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้อาจจำกัดอุปทานน้ำมันทั่วโลก ทั้งหมดนี้ร่วมกันก็จะผลักดันราคาให้สูงขึ้นไปได้อีก

ราคาน้ำมันที่สูงกว่า $125 นั้นมีความหมายอะไรต่อเงินเฟ้อ?

หากราคาพลังงานพุ่งขึ้น เงินเฟ้อก็จะเป็นสิ่งแรกที่ได้รับผลกระทบ สิ่งนี้จะส่งผลร้ายแรงต่อรัสเซีย แต่มันก็จะเพิ่มแรงกดดันต่อค่าครองชีพในตะวันตกด้วย

แม้ก่อนที่ราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นเหนือระดับ $110 ต่อบาร์เรล นักวิเคราะห์ได้ปรับลดการคาดการณ์การเติบโต และเพิ่มประมาณการเงินเฟ้อ หากภาคพลังงานของรัสเซียรวมอยู่ในรายการเป้าหมาย แสดงว่าน้ำมันและก๊าซจะมีราคาแพงขึ้นไปอีกนาน ในสถานการณ์ที่น้ำมันแตะถึงระดับ $150 และยังคงอยู่เหนือระดับ $100 จนถึงต้นปี 2023 แรงกดดันต่อผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจและภาคธุรกิจจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงด้วยต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น และความต้องการที่ลดลงจะส่งผลกระทบต่อผลกำไร สิ่งนี่จะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเปลี่ยนการชะลอตัวของเศรษฐกิจไปสู่ภาวะถดถอยด้วยอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก

XBRUSDWeekly.png

อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯจะไปถึงไหน?

ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะตอบสนองอย่างไรต่อเหตุการณ์น้ำมันสุดช็อคที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงกว่า $125 ต่อบาร์เรล

เศรษฐกิจสหรัฐฯสามารถทนต่อราคาน้ำมันได้เป็นเวลา 6 เดือนโดยเฉลี่ยที่ $100 แม้ว่ามันอาจทำให้ปัญหาเงินเฟ้อรุนแรงขึ้นก็ตาม อย่างไรก็ตาม เกือบเป็นที่แน่นอนว่าหากน้ำมันยังคงอยู่ที่ระดับ $125 มันจะทำให้การเติบโตหยุดชะงักและอัตราการว่างงานสูงขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะถดถอยได้ อีกคำถามหนึ่งคือธนาคารกลางจะตอบสนองอย่างไรต่อราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้กล่าวว่าเหตุการณ์ในยูเครนจะไม่หยุดยั้งแผนการของธนาคารกลางสหรัฐที่จะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย สิ่งที่ยังไม่ชัดเจนคือขอบเขตและความเร็วของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ในที่สุด ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการรุกรานยูเครนจะมาในรูปแบบของการชะลอตัวของการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐด้วยอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ในขณะที่เศรษฐกิจยุโรปอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย รัสเซียจะเข้าสู่ภาวะถดถอยแบบ double-digit

UsDollarDaily.png

ดัชนีดอลลาร์สหรัฐได้พุ่งขึ้นสู่ 99.00 สำหรับตอนนี้ เงินดอลลาร์ก็สนุกกับความต้องการเป็นที่หลบภัย แนวรับอยู่ที่ 97.50

ลงชื่อเข้าใช้

Amira Mohey

แบ่งปันกับเพื่อน:

คล้ายกัน

ข่าวล่าสุด

เปิดทันที

FBS เก็บรักษาข้อมูลของคุณไว้เพื่อใช้งานเว็บไซต์นี้ เมื่อกดปุ่ม "ยอมรับ" ถือว่าคุณยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเรา