กรอบเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเทรด
หนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด หากไม่มีสิ่งนี้แล้วการเทรดก็คงจะเป็นไปไม่ได้ คือกรอบเวลานั่นเอง
มาดูเรื่องกรอบเวลาและวิธีการนำไปใช้งานกัน หลังจากที่อ่านบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้วิธีการใช้งานหลายกรอบเวลาพร้อม ๆ กันในการเทรดของคุณ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเทรดของคุณได้เยอะมาก
กรอบเวลาคืออะไร?
กรอบเวลาคือช่วงเวลาของการเคลื่อนไหวของราคา
ตัวอย่างเช่น หากกรอบเวลาคือ 5 นาที นั่นหมายความว่าคุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของราคาทุก ๆ 5 นาที บนกราฟของสินทรัพย์ที่คุณเลือก และการใช้กราฟแท่งเทียนญี่ปุ่นหรือกราฟแท่ง นั่นหมายความว่าแท่งเทียน/แท่งกราฟใหม่จะปรากฏบนกราฟทุก ๆ 5 นาที
หากกรอบเวลาคือ 1 วัน แท่งเทียนหรือแท่งกราฟใหม่ก็จะปรากฏขึ้นทุกวันทำการใหม่
ในการเทรดให้ประสบความสำเร็จ ก่อนอื่นคุณต้องเลือกกรอบเวลาที่คุณจะใช้ในกลยุทธ์การเทรดและที่จะรับสัญญาณจากระบบเทรดเพื่อเปิด/ปิดธุรกรรม
กรอบเวลานี้เรียกว่ากรอบเวลาเทรด
เมื่อเลือกกรอบเวลาคุณควรคำนึงถึงกฎต่อไปนี้:
ยิ่งเลือกกรอบเวลาสูงขึ้น ความแม่นยำของสัญญาณก็จะยิ่งสูงขึ้น และความเสี่ยงก็จะยิ่งต่ำลง
ยิ่งเลือกกรอบเวลาต่ำลง ความแม่นยำก็จะยิ่งต่ำลง และความเสี่ยงก็จะยิ่งสูงขึ้น
ในกรอบเวลาที่สูงขึ้น แนวโน้มราคาจะแข็งแกร่งกว่ากรอบเวลาที่ต่ำกว่าเสมอ ตัวอย่างเช่น หากราคากำลังขยับขึ้นในกรอบเวลารายวัน (แนวโน้มขาขึ้น) และราคากำลังเคลื่อนลงในกรอบเวลา 4 ชั่วโมงของสินทรัพย์เดียวกัน (แนวโน้มขาลง) แนวโน้มขาขึ้นจะยังคงแข็งแกร่งกว่าแนวโน้มขาลง
กรอบเวลาใดคือกรอบเวลาหลักของตลาด Forex?
กรอบเวลาหลัก ๆ ในตลาด Forex ได้แก่ 1 นาที, 5 นาที, 15 นาที, 30 นาที, 1 ชั่วโมง, 4 ชั่วโมง, 1 วัน, 1 สัปดาห์ และ 1 เดือน
กรอบเวลาถัดไปแต่ละรายการจะเป็นกรอบเวลาที่มีอายุมากที่สุดเมื่อเทียบกับกรอบเวลาก่อนหน้า
กรอบเวลาก่อนหน้าแต่ละรายการจะเป็นกรอบเวลาที่มีอายุน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับกรอบเวลาถัดไป
การแบ่งกรอบเวลาที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็นกลุ่มต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ ได้แก่ ต่ำ กลาง และสูง
กรอบเวลาต่ำ คือ 1 นาที 5 และ 15 นาที
กรอบเวลากลาง คือ 30 นาที 1 ชั่วโมง และ 4 ชั่วโมง
กรอบเวลาสูง คือ 1 วัน 1 สัปดาห์ และ 1 เดือน
โดยการวิเคราะห์กรอบเวลาที่ต่ำกว่า เราจะวิเคราะห์พฤติกรรมราคาในระยะสั้นของสินทรัพย์ ส่วนการตรวจสอบกรอบเวลาระยะกลาง เราจะวิเคราะห์แนวโน้มระยะกลาง และจากการวิเคราะห์กรอบเวลาที่สูงขึ้น เราจะเห็นแนวโน้มระยะยาว
กรอบเวลาใดดีที่สุดสำหรับการเทรด?
มันไม่มีแนวคิดเรื่องกรอบเวลาที่ดีที่สุดในการเทรด หรือกลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการเทรดหรอกนะ
การเลือกกรอบเวลาขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวของเทรดเดอร์ล้วน ๆ ไม่ว่าจะตามอารมณ์ของเขา/เธอ กลยุทธ์การเทรดที่เขา/เธอเลือก และสินทรัพย์ที่จะเทรด สิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ในตลาดคือการที่บางกลยุทธ์ที่ทำงานได้ดีในกรอบเวลาต่ำอาจทำงานได้ไม่ดีในกรอบเวลากลางหรือสูง และในทำนองกลับกัน แต่ตลาดนั้นก็เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ การที่กลยุทธ์ที่เลือกมานั้นไม่สามารถใช้การได้อีกต่อไปในกรอบเวลาหรือสินทรัพย์ที่เลือกก็อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน ดังนั้น เทรดเดอร์จะต้องตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนกลยุทธ์ เปลี่ยนกรอบเวลา หรือละทิ้งการวิเคราะห์สินทรัพย์นั้น ๆ ไป
กรอบเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเทรดแบบ Scalping
เทรดเดอร์ที่เทรดในกรอบเวลาที่ต่ำกว่าจะถูกเรียกว่าเทรดเดอร์ Scalper
การเทรดแบบ Scalping เป็นแนวทางที่เสี่ยงที่สุดในการเทรด โดยธรรมชาติแล้วมันจะเกี่ยวข้องกับการทำกำไรให้ได้สูงที่สุด
เทรดเดอร์ Scalper จะพยายามทำเงินจากกรอบเวลาที่สั้นมาก ๆ ของการเคลื่อนไหวของราคา และมักจะเปิดและปิดคำสั่งซื้อขายเป็นจำนวนมาก
ในความเห็นของเรา กรอบเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเทรดแบบ Scalping ไม่ใช่ 1 นาที แต่เป็น 5 นาที เพราะการเทรดแบบ Scalping บนกรอบเวลา 1 นาทีนั้นมีความเสี่ยงมากเกินไป
กรอบเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเทรดแบบรายวัน
การเทรดแบบรายวัน เป็นรูปแบบการเทรดที่เปิดและปิดคำสั่งซื้อขายภายในหนึ่งวันทำการ เทรดเดอร์ที่ใช้รูปแบบการเทรดนี้จะถูกเรียกว่าเทรดเดอร์รายวัน (Day Trader)
เทรดเดอร์รายวันจะใช้กรอบเวลาระยะกลางเป็นหลัก ซึ่งกรอบเวลาที่เหมาะสมมากที่สุดคือกรอบเวลา 1 ชั่วโมง
เทรดเดอร์รายวันจะได้รับความเสี่ยงน้อยกว่าเทรดเดอร์ Scalper และพวกเขาจะไม่ถือคำสั่งซื้อขายข้ามคืน
กรอบเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเทรดแบบ Swing
การเทรดแบบ Swing คือการเทรดภายในหนึ่งสัปดาห์
เทรดเดอร์ Swing จะพยายามจับความเคลื่อนไหวของราคาระหว่างสัปดาห์ ดังนั้นพวกเขาจะใช้กรอบเวลาระยะกลางและสูง
กรอบเวลาที่เหมาะสมกับการเทรดแบบ Swing คือ 4 ชั่วโมง และ 1 วัน
กรอบเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเทรดแบบ Position
การเทรดแบบ Position จะเกี่ยวข้องกับการใช้กรอบเวลาที่สูงขึ้น
นี่เป็นวิธีการเทรดที่ใช้เวลานานที่สุด
คำสั่งซื้อขายจะถูกเปิดเอาไว้เป็นเวลาหลายสัปดาห์ และบางครั้งก็เป็นเวลาหลายเดือน
ในกรณีนี้ กรอบเวลาที่เหมาะสมคือ 1 วัน และ 1 สัปดาห์
การวิเคราะห์หลายกรอบเวลา
เดี๋ยวเรามาดูวิธีเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเทรดโดยการใช้หลายกรอบเวลาพร้อม ๆ กัน
Alexander Elder นักวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีชื่อเสียง ได้นำเสนอระบบสามหน้าจอที่จะใช้สองกรอบเวลาพร้อมกันเพื่อทำการตัดสินใจอย่างสมดุล กรอบเวลาแรกคือกรอบเวลาเทรด ซึ่งจะเป็นกรอบเวลาที่ใช้เพื่อตัดสินใจเปิด/ปิดตำแหน่ง
กรอบเวลาที่สองคือกรอบเวลาตรวจสอบ มันจะเป็นกรอบเวลาที่อยู่ใกล้กรอบเวลาเทรดมากที่สุด Elder ได้เสนอให้หากรอบเวลาตรวจสอบโดยการคูณกรอบเวลาเทรดด้วย 3, 4 หรือ 5 ตัวอย่างเช่น สำหรับกรอบเวลาเทรด 1 ชั่วโมง กรอบเวลาตรวจสอบก็จะเป็น 1 ชั่วโมง x 4 = 4 ชั่วโมง สำหรับกรอบเวลาเทรด 1 วัน กรอบเวลาตรวจสอบจะเป็น 1 วัน x 5 = 1 สัปดาห์
ดังนั้น แต่ละรูปแบบการเทรดก็จะมีกรอบเวลาตรวจสอบของตัวเอง หรือที่เขาเรียกกันว่ากรอบเวลาแนวโน้ม
หลักการพื้นฐานของการใช้สองกรอบเวลาคือในตอนที่เปิดคำสั่งซื้อขาย แนวโน้มของทั้งสองกรอบเวลาไม่ควรขัดแย้งกัน
ตัวอย่างเช่น เรากำลังเทรดในแนวโน้มและจะเปิดคำสั่งซื้อขายขาขึ้นในกรอบเวลา H1 ในกรณีนี้ ในกรอบเวลา H4 แนวโน้มจะต้องเป็นขาขึ้นด้วย แต่ถ้าหากแนวโน้มในกรอบเวลา H4 เป็นขาลง คุณก็ไม่ควรเปิดธุรกรรมใด ๆ
ในทำนองเดียวกัน สมมติว่าเทรดเดอร์ Swing เปิดคำสั่งซื้อขายขาลงในกรอบเวลา D1 โดยเทรดในทิศทางของแนวโน้มปัจจุบัน ในกรณีนี้ แนวโน้มในกรอบเวลา W1 จะต้องเป็นขาลง
สรุป
การเลือกและใช้กรอบเวลาอย่างถูกต้องนั้นเป็นส่วนสำคัญที่สุดของทุกระบบเทรด
กรอบเวลาจะให้ข้อมูลอันมีค่าเกี่ยวกับจุดที่ราคาสามารถไปได้ ดังนั้นมันจึงเป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุดของเทรดเดอร์
เริ่มการเทรดอัปเดทแล้ว • 2023-06-15
บทความอื่นๆ ในส่วนนี้
- McClellan Oscillator
- กลยุทธ์การซื้อขายด้วยตัวบ่งชี้ Aroon
- ความแข็งแกร่งของสกุลเงิน
- Renko chart
- ประเภทของแผนภูมิ
- จะใช้ Heikin-Ashi อย่างไร?
- นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
- Pivot Points
- ตัวบ่งชี้ ZigZag คืออะไร?
- Moving Average: วิธีง่ายๆในการหาเทรนด์
- Williams’ Percent Range (%R)
- Relative Vigor Index (ตัวบ่งชี้ RVI) คืออะไร?
- โมเมนตัม
- Force index
- ตัวบ่งชี้ Envelopes คืออะไร?
- Bulls Power และ Bears Power
- Average True Range
- จะเทรดจากการตัดสินใจของธนาคารกลางอย่างไร?
- CCI (Commodity Channel Index)
- Standard deviation
- Parabolic SAR
- การซื้อขายด้วย Stochastic Oscillator
- Relative Strength Index (RSI)
- MACD (Moving Average Convergence/Divergence)
- ออสซิลเลเตอร์
- ตัวบ่งชี้ ADX: วิธีใช้สำหรับการวิเคราะห์แนวโน้ม Forex อย่างมีประสิทธิภาพ
- Bollinger bands
- ตัวบ่งชี้เทรนด์
- การแนะนำตัวชี้วัดทางเทคนิค
- แนวรับและแนวต้าน
- แนวโน้ม
- การวิเคราะห์ทางเทคนิค
- ธนาคารกลาง: นโยบายและผลกระทบ
- ปัจจัยพื้นฐาน
- การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานในการเทรด Forex และการเทรดหุ้น
- การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน vs การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค