ความแข็งแกร่งของสกุลเงิน

จะเลือกสกุลเงินที่จะซื้อขายในวันนี้ยังไงดี? คุณสามารถเลือกตราสารที่จะซื้อขายได้โดยใช้ปฏิทินการซื้อขายและค้นหาเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อตราสาร นอกจากนี้ การวิเคราะห์ทางเทคนิคก็อาจให้คำแนะนำเกี่ยวกับสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มที่ดีได้ด้วยเช่นกัน ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น โดยในบทความนี้ คุณจะได้รู้เกี่ยวกับความแข็งแกร่งของสกุลเงินและวิธีที่คุณสามารถใช้ตัวบ่งชี้ง่าย ๆ นี้เพื่อทำให้การซื้อขายของคุณขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมากขึ้น

จากบทความนี้ คุณจะรู้ว่าความแข็งแกร่งของสกุลเงินคืออะไร, Currency Strength Meter (CSM) คืออะไร, วิธีคำนวณความแข็งแกร่งของสกุลเงิน และวิธีการใช้มันกับการวิเคราะห์ประเภทต่างๆ ตัวอย่างต่าง ๆ จะช่วยให้คุณเข้าใจหัวข้อนี้ได้ดีขึ้นและนำความรู้ใหม่นี้ไปใช้ได้ทันทีหลังจากที่คุณอ่านจบ

ประเด็นสำคัญ

  1. ความแข็งแกร่งของสกุลเงินวัดอำนาจเชิงสัมพัทธ์ของสกุลเงินหนึ่งเมื่อเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่ง และส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน
  2. Currency Strength Meter (CSM) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวัดความแข็งแกร่งของสกุลเงินแต่ละสกุลผ่านปัจจัยพื้นฐานหรือการเคลื่อนไหวที่สัมพันธ์กันของสกุลเงินหนึ่งต่ออีกสกุลเงินหนึ่ง
  3. ความแข็งแกร่งของสกุลเงินคำนวณจากข้อมูลปัจจัยพื้นฐานหรือข้อมูลราคา
  4. ความแข็งแกร่งของสกุลเงินทำหน้าที่เป็นตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจที่มีค่าซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานะทางการเงินและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศหนึ่ง ๆ โดยธนาคารนำข้อมูลนี้ไปใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงิน
  5. นักวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้ตัวบ่งชี้ความแข็งแกร่งของสกุลเงินเพื่อระบุแนวโน้มในตลาด Forex

ความแข็งแกร่งของสกุลเงินคืออะไร?

ความแข็งแกร่งของสกุลเงินวัดอำนาจเชิงสัมพัทธ์ของสกุลเงินหนึ่งเมื่อเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่ง และส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน สกุลเงินที่แข็งค่าจะมีอุปสงค์สูง มูลค่าเพิ่มขึ้น และมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ในขณะที่สกุลเงินที่อ่อนค่าจะมีมูลค่าลดลงและไม่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

คุณสามารถมองว่าความแข็งแกร่งของสกุลเงินเป็นตัวบ่งชี้ที่สะท้อนถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินได้ เช่น ข้อมูลปัจจัยพื้นฐาน การดำเนินการของเศรษฐกิจโดยรวม และอัตราดอกเบี้ย ในการคำนวณความแข็งแกร่งของสกุลเงิน มักจะเปรียบเทียบสกุลเงินหนึ่งกับสกุลเงินอื่นโดยใช้ตะกร้าที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เช่น ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับดัชนีดอลลาร์สหรัฐได้ที่ ช่อง Telegram ของเรา

Currency Strength Meter (CSM) คืออะไร

Currency Strength Meter (CSM) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวัดความแข็งแกร่งของสกุลเงินแต่ละสกุล CSM จะแสดงความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ของแต่ละสกุลเงินตามเวลาจริง ช่วยให้เทรดเดอร์และนักลงทุนสามารถระบุได้อย่างรวดเร็วว่าสกุลเงินใดกำลังแข็งค่าหรืออ่อนค่า

โดยปกติแล้วมันจะแสดงความแข็งแกร่งของแต่ละสกุลเงินในระดับ 0 ถึง 10 โดยตัวเลขที่สูงกว่าจะแสดงถึงสกุลเงินที่แข็งแกร่งกว่า CSM สามารถนำมาใช้ได้ในหลากหลายวิธี เช่น ใช้กำหนดคู่สกุลเงินที่จะซื้อขายหรือใช้เป็นสัญญาณสำหรับการเข้าและออกจากการซื้อขาย ในหัวข้อถัดไป เราจะเจาะลึกถึงวิธีการคำนวณความแข็งแกร่งของสกุลเงินและใช้เป็นตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจ

1.jpg

ที่มา: https://currencystrengthmeter.org/

วิธีการคำนวณความแข็งแกร่งของสกุลเงิน?

การคำนวณความแข็งแกร่งของสกุลเงินมีสองประเภท ได้แก่ คำนวณตามข้อมูลปัจจัยพื้นฐาน และคำนวณตามข้อมูลราคา โดยทั่วไปแล้ว ความแข็งแกร่งของสกุลเงินตามข้อมูลราคาจะคำนวณจาก DXY (ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับดัชนีสกุลเงินอื่น ๆ หากคู่สกุลเงินบางคู่ (ตัวอย่างเช่น NZDUSD) อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น คุณก็จะสามารถระบุได้ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นเนื่องมาจากการแข็งค่าของ NZD หรือการอ่อนค่าของ USD ตัวบ่งชี้นี้มักจะคำนวณจากสกุลเงินหลัก ซึ่งคิดเป็น 90% ของปริมาณการซื้อขายของตลาด Forex ทั้งหมด

โดยการคำนวณตามปัจจัยพื้นฐานจะวัดด้วยการใช้รายงานเศรษฐกิจที่สำคัญต่าง ๆ รวมเข้าด้วยกัน เช่น GDP, PMI, CPI และอัตราดอกเบี้ย คุณสามารถดูข้อมูลเหล่านี้ได้ตามเวลาจริงด้วยปฏิทินเศรษฐกิจของเรา

ถึงแม้ว่าเทรดเดอร์จะสามารถคำนวณความแข็งแกร่งของสกุลเงินได้ด้วยตัวเอง แต่โดยปกติแล้วเทรดเดอร์จะไม่วิเคราะห์ความแข็งแกร่งของสกุลเงินเองหรอกนะ แต่จะใช้ CSM แทน Currency Strength Meter จะเปรียบเทียบระหว่างสกุลเงินหลักต่าง ๆ ที่จับคู่กัน (USD, GBP, EUR, CHF, JPY, CAD, NZD และ AUD) และบอกให้ทราบถึงความแข็งแกร่งของสกุลเงินที่เกี่ยวข้อง

วิธีการคำนวณก็จะแตกต่างกันไป แต่มักจะเกี่ยวข้องกับการถ่วงน้ำหนักของปัจจัยต่าง ๆ การสร้างดัชนี และทำให้ผลลัพธ์เป็นมาตรฐานในระดับ 0 ถึง 10 อย่างไรก็ตาม ลักษณะการคำนวณที่เป็นอัตนัยหมายความว่าการคำนวณนั้นอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับวิธีการและแหล่งข้อมูลที่ใช้ อย่างไรก็ดี Currency Strength Meter นำเสนอมุมมองตามเวลาจริง ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์เทรดได้ดีขึ้น

บริษัทต่างๆ สร้างเครื่องวัดความแข็งแกร่งของสกุลเงินของตนเอง ซึ่งแสดงความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ของแต่ละสกุลเงินในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งบางครั้งก็จะแสดงสกุลเงินแต่ละสกุลเทียบกับสกุลเงินอื่น โดยที่สำคัญคือจะแสดงให้คุณได้เห็นว่าคู่สกุลเงินแต่ละคู่เป็นอย่างไร นอกจากนี้ ยังมีการรวมคู่สกุลเงินทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินหนึ่ง ๆ เพื่อคำนวณความแข็งแกร่งโดยรวมของสกุลเงินนั้นด้วย ซึ่งข้อมูลมักจะแสดงในรูปแบบของ "แผนภูมิความร้อน" หรือบางครั้งก็อยู่ในรูปแบบของกราฟเส้น ตัวอย่างของเครื่องวัดดังกล่าวแสดงดังด้านล่าง

2.jpg

ความแข็งแกร่งของสกุลเงินในรูปแบบของ "แผนภูมิความร้อน"

ความแข็งแกร่งของสกุลเงินเป็นตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจ

ความแข็งแกร่งของสกุลเงินทำหน้าที่เป็นตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจที่มีค่าซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานะทางการเงินและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศหนึ่ง ๆ สกุลเงินที่แข็งค่ามักเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ อัตราเงินเฟ้อต่ำ และอัตราดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งน่าสนใจสำหรับนักลงทุนและเทรดเดอร์ต่างชาติ ในทางกลับกัน สกุลเงินที่อ่อนค่ามักจะเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจที่ไม่มีความเสถียรภาพ อัตราเงินเฟ้อที่สูง และอัตราดอกเบี้ยที่สูง ตัวอย่างเช่น หากสกุลเงินของประเทศหนึ่งอ่อนค่า อาจบ่งชี้ว่าประเทศนั้นกำลังเผชิญกับความวุ่นวายทางเศรษฐกิจที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนจากต่างประเทศ

การทำความเข้าใจความแข็งแกร่งของสกุลเงินสามารถให้ข้อมูลที่มีค่าสำหรับธนาคารกลางที่ใช้ข้อมูลนี้เพื่อปรับความเสี่ยงและอัตราแลกเปลี่ยน ความแข็งแกร่งของสกุลเงินเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับทุก ๆ คนที่มีส่วนร่วมในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เพราะมันแสดงให้เราเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างสกุลเงินต่าง ๆ

โดยในบางครั้ง สกุลเงินที่แข็งค่าอาจแสดงถึงแนวโน้มระยะยาวที่จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจโลก เทรดเดอร์ Forex ขั้นสูงทุกคนใช้ความแข็งแกร่งของสกุลเงินในกลยุทธ์การซื้อขายของพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เปิด CSM ก็ตาม การเข้าใจความแข็งแกร่งของสกุลเงินได้โดยสัญชาตญาณยังคงมีความสำคัญต่อผู้เข้าร่วมตลาด

ตัวบ่งชี้ความแข็งแกร่งของสกุลเงินในการวิเคราะห์ทางเทคนิค

นักวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้ตัวบ่งชี้ความแข็งแกร่งของสกุลเงินเพื่อระบุแนวโน้มในตลาด Forex การวัดความแข็งแกร่งของสกุลเงินนั้นมีหลายวิธี ได้แก่ ความแข็งแกร่งของสกุลเงินแบบสัมบูรณ์ (Absolute Currency Strength : ACS) และความแข็งแกร่งของสกุลเงินแบบสัมพัทธ์ (Relative Currency Strength : RCS)

ความแข็งแกร่งของสกุลเงินแบบสัมบูรณ์ (ACS)

ความแข็งแกร่งของสกุลเงินแบบสัมบูรณ์ (ACS) กำหนดค่าให้แต่ละสกุลเงินตามความแข็งแกร่งของตนเอง โดยไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์กับสกุลเงินอื่น ตัวอย่างเช่น ค่าที่สูงของดอลลาร์สหรัฐในการวัดค่า ACS จะบ่งชี้ว่าดอลลาร์สหรัฐนั้นแข็งค่า โดยไม่คำนึงถึงความแข็งแกร่งสัมพัทธ์เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ

เทรดเดอร์ใช้ตัวบ่งชี้ต่าง ๆ เช่น ข้อมูลเศรษฐกิจ นโยบายของธนาคารกลาง ความเสถียรภาพทางการเมือง และความเชื่อมั่นของนักลงทุนในการคำนวณค่า ACS ยิ่งมูลค่าสูงเท่าไร สกุลเงินก็ยิ่งแข็งแกร่งเท่านั้น

ความแข็งแกร่งของสกุลเงินแบบสัมพัทธ์ (RCS)

ในทางกลับกัน ความแข็งแกร่งของสกุลเงินแบบสัมพัทธ์ (RCS) จะวัดความแข็งแกร่งของสกุลเงินหนึ่งเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่ง ตัวอย่างเช่น หาก GBP แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับ AUD ค่า RCS สำหรับ GBP จะสูงกว่าค่าของ AUD

ในการคำนวณ RCS เทรดเดอร์ (หรือบริษัท) จะวางแผนอัตราแลกเปลี่ยนโดยใช้สูตรต่าง ๆ และคำนวณส่วนต่าง หากอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินแรกสูงกว่าสกุลเงินที่สอง แสดงว่าสกุลเงินแรกแข็งค่ากว่า หากเป็นในทางตรงกันข้าม สกุลเงินที่สองก็จะแข็งแกร่งกว่า

นักวิเคราะห์ทางเทคนิคมักใช้ตัวบ่งชี้ความแข็งแกร่งของสกุลเงินและตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอื่น ๆ เช่น เส้นแนวโน้มและเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เพื่อระบุแนวโน้มของสกุลเงิน

โดยสรุปแล้ว ตัวบ่งชี้ความแข็งแกร่งของสกุลเงินในการวิเคราะห์ทางเทคนิคมีค่าในรูปแบบที่แตกต่างกัน ในขณะที่ความแข็งแกร่งแบบสัมพัทธ์ช่วยให้เทรดเดอร์เปรียบเทียบสองสกุลเงิน ความแข็งแกร่งแบบสัมบูรณ์ชี้ไปที่สถานะโดยรวมของตลาด

วิธีการซื้อขายด้วยความแข็งแกร่งของสกุลเงิน?

การซื้อขายด้วยความแข็งแกร่งของสกุลเงินต้องทำหลายขั้นตอน ขั้นแรก เทรดเดอร์จะดูที่ Currency Strength Meter เพื่อระบุว่าจะเทรดอะไรและเทรดไปในทิศทางใด จากนั้น เทรดเดอร์สามารถใช้หลาย ๆ กลยุทธ์เพื่อใช้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งของสกุลเงินได้ ตัวอย่างเช่น:

1. การซื้อขายคู่สกุลเงิน: สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการซื้อขายคู่สกุลเงินโดยที่สกุลเงินที่แข็งค่ากว่าจับคู่กับสกุลเงินที่อ่อนค่ากว่า ตัวอย่างเช่น หากดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าและยูโรอ่อนค่า เทรดเดอร์อาจเข้าขายคู่ EURUSD

3.png

2. การซื้อขายความสัมพันธ์เชิงบวก: ในกลยุทธ์นี้ เทรดเดอร์จำเป็นต้องค้นหาคู่สกุลเงินสองคู่ที่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันและเทรดสกุลเงินทั้งคู่ในทิศทางเดียวกัน ตัวอย่างเช่น หาก AUDUSD และ EURUSD มีความสัมพันธ์กันในเชิงบวก เทรดเดอร์อาจเข้าขายคู่สกุลเงินทั้งสองเมื่อดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า

4.jpg

3. การซื้อขายความสัมพันธ์เชิงลบ: เทรดเดอร์พบคู่สกุลเงินสองคู่ที่เคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามและเทรดในทิศทางตรงกันข้าม ตัวอย่างเช่น หาก GBPUSD และ EURUSD มีความสัมพันธ์กันในเชิงลบ เทรดเดอร์อาจเข้าขายคู่สกุลเงินหนึ่ง ในขณะที่เข้าซื้ออีกคู่หนึ่งเมื่อดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า

5.jpg

สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ให้ดีว่าแม้ความแข็งแกร่งของสกุลเงินจะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่ก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่รับประกันความสำเร็จ เทรดเดอร์ควรพิจารณาปัจจัยหลายประการและมีแผนการจัดการความเสี่ยงอยู่เสมอ

ทำไมต้องซื้อขายตามรายงานความแข็งแกร่งของสกุลเงินกับ FBS

ในฐานะโบรกเกอร์ Forex ที่มีชื่อเสียง FBS อนุญาตให้คุณซื้อขายคู่สกุลเงินต่าง ๆ มากมาย รวมถึงสกุลเงินหลักทั้งหมด (USD, GBP, EUR, CHF, JPY, CAD, NZD และ AUD) รวมถึงสกุลเงินแปลกใหม่ เช่น TRY, CNH, SGD และ MXN

เมื่อดูที่ CSM คุณสามารถตัดสินใจได้ว่าจะเข้าซื้อหรือเข้าขายคู่สกุลเงินหนึ่ง ๆ ด้วย FBS คุณสามารถใช้ประโยชน์สูงสุดจากการตัดสินใจของคุณได้ วางคำสั่งซื้อขายที่จะได้รับการดำเนินการที่รวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ และได้รับประโยชน์จากค่าสเปรดที่แคบและตราสารการซื้อขายที่หลากหลาย

ความแข็งแกร่งของสกุลเงินเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับทุกคนที่มีส่วนร่วมในตลาด Forex และสามารถให้ข้อมูลที่มีค่าเกี่ยวกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสถานะทางการเงินของประเทศ เทรดเดอร์สามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลและปรับปรุงประสิทธิภาพการซื้อขายด้วยเครื่องมือนี้ได้ นักวิเคราะห์ทางเทคนิคยังสามารถใช้ตัวบ่งชี้ความแข็งแกร่งเพื่อระบุแนวโน้มในตลาดได้ด้วยเช่นกัน

แซงหน้าคู่แข่งของคุณด้วยการใช้ความแข็งแกร่งของสกุลเงินผสานรวมเข้ากับกลยุทธ์การซื้อขายของคุณ!

อัปเดทแล้ว • 2023-02-16

บทความอื่นๆ ในส่วนนี้

คำถามที่พบบ่อย

  • ความแข็งแกร่งของสกุลเงินถูกกำหนดขึ้นอย่างไร?

    การคำนวณตามปัจจัยพื้นฐานจะวัดด้วยการใช้รายงานเศรษฐกิจที่สำคัญต่าง ๆ รวมเข้าด้วยกัน เช่น GDP, PMI, CPI, อัตราดอกเบี้ย ฯลฯ นอกจากนี้ คุณสามารถกำหนดความแข็งแกร่งของสกุลเงินโดยการเปรียบเทียบไดนามิกของสกุลเงินนั้นเองกับสกุลเงินอื่น ๆ สกุลเงินที่พุ่งขึ้นจะแข็งแกร่งกว่าสกุลเงินที่ร่วงลง

  • เมื่อสกุลเงินหนึ่งแข็งค่าขึ้น มันหมายความว่าอย่างไร?

    สกุลเงินหนึ่งจะแข็งค่ากว่า หากมันพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่ง โดยอาจเป็นเพราะเศรษฐกิจของประเทศนั้นแข็งแกร่งกว่า มีสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ดีกว่า หรือเสถียรภาพทางภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศนั้นกำลังเพิ่มขึ้น

  • การมีสกุลเงินที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่?

    หากคุณอาศัยอยู่ในประเทศที่มีสกุลเงินที่แข็งแกร่ง คุณจะทำกำไรได้จากสกุลเงินนั้น ตัวอย่างเช่น สินค้าจากประเทศอื่นอาจมีราคาถูกสำหรับคุณเนื่องจากสกุลเงินอื่นอ่อนค่า เทรดเดอร์ต้องการซื้อสกุลเงินที่แข็งค่าและขายสกุลเงินที่อ่อนค่า

ข่าวล่าสุด

โมเมนตัมขาขึ้นของทองคำกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ เรามีการประเมินว่าให้รอเข้าเทรด SELL XAUUSD ที่ระดับ 2,180 ดอลลาร์ โดยสามารถตั้งจุด TP ได้ที่บริเวณ 2,130 ดอลลาร์ และตั้งจุด SL

NASDAQ มีโอกาสลงต่อได้ ถ้าราคาสามารถเคลื่อนที่ลงไปถึง 17,700 จุด ได้

ก่อนหน้านี้ เรามีการประเมินว่า ให้รอเข้าเทรด BUY NASDAQ (US500) ที่ระดับ 17,200 จุด โดยสามารถตั้งจุด TP ได้ที่บริเวณ 19,300 จุด และตั้งจุด SL

โมเมนตัมขาลงของ S&P 500 มีโอกาสอ่อนแรงได้ ถ้าราคาลงไปที่บริเวณ 5,040 จุด

ก่อนหน้านี้ เรามีการประเมินว่า ให้รอเข้าเทรด BUY S&P 500 (US500) ที่ระดับ 4,850 จุด โดยสามารถตั้งจุด TP ได้ที่บริเวณ 5,200 จุด

ฝากเงินกับระบบการชำระเงินในประเทศของคุณ

ประกาศการเก็บรวบรวมข้อมูล

FBS เก็บรักษาข้อมูลของคุณไว้เพื่อใช้งานเว็บไซต์นี้ เมื่อกดปุ่ม "ยอมรับ" ถือว่าคุณยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเรา

โทรกลับ

ผู้จัดการของเราจะโทรหาคุณในเร็ว ๆ นี้

เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์

เราได้รับคำร้องของคุณแล้ว

ผู้จัดการของเราจะโทรหาคุณในเร็ว ๆ นี้

คำขอโทรกลับครั้งต่อไปสำหรับหมายเลขโทรศัพท์นี้
จะพร้อมใช้งานใน

หากคุณมีปัญหาเร่งด่วนโปรดติดต่อเราผ่านทาง
สนทนาออนไลน์

เกิดข้อผิดพลาดภายใน กรุณาลองใหม่อีกครั้งในภายหลัง

อย่ามัวเสียเวลา - ติดตามดูว่า NFP ส่งผลกระทบอย่างไร ต่อ USD แล้วทำกำไรเลยสิ!

คุณกำลังใช้เบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่ากว่านี้

อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดหรือลองใช้เพื่อการเทรดที่สะดวกสบายและมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น

Safari Chrome Firefox Opera