วิธีการเลือกกรอบเวลาสำหรับการซื้อขาย

อ่านบทความบนเว็บไซต์ของ FBS

หนึ่งในคำถามที่ถามบ่อยที่สุดในการสัมมนาออนไลน์ของเราคือ "ฉันจะเลือกกรอบเวลาสำหรับการซื้อขายได้อย่างไร?" บทความนี้จะกล่าวถึงปัญหานี้!

ขั้นแรกเราต้องแยกความแตกต่างระหว่างกรอบเวลาที่เรียกว่า "สูงกว่า" และ "ต่ำกว่า" เส้นแบ่งของพวกมันคือกรอบเวลาหนึ่งชั่วโมง (H1) กรอบเวลาที่มีระยะเวลามากกว่านี้จะเป็นกรอบเวลาที่สูงหรือใหญ่ (กรอบเวลา 4 ชั่วโมง, รายวัน, รายสัปดาห์, รายเดือน) ในขณะที่กรอบเวลาที่มีระยะเวลาน้อยกว่าจะเป็นกรอบเวลาที่ต่ำหรือเล็ก (กรอบเวลา 30 นาที, 15 นาที, 5 นาที)

ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือก

เวลาที่คุณมีไว้สำหรับการซื้อขาย

เวลาที่คุณต้องการใช้ในการซื้อขายถือเป็นปัจจัยหลัก หากคุณต้องการทำการซื้อขายจำนวนมากในหนึ่งวันให้เลือกกรอบเวลาที่เล็กกว่าและเป็น scalper หรือไม่ก็ day trader หากคุณไม่สามารถเป็น full-time trader ได้และวางแผนที่จะซื้อขายไม่เกิน 1-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ให้เลือกกรอบเวลาที่ใหญ่กว่า มันง่ายใช่ไหมล่ะ? พนันได้เลย!

กรอบเวลาแต่ละแบบมีข้อดีของมัน กรอบเวลาที่สูงกว่าสามารถช่วยคุณลด "เสียงรบกวนในตลาด" และจับความผันผวนของราคาที่มีขนาดใหญ่และ "น่าลิ้มลอง" ได้ ในเวลาเดียวกันคุณอาจทำการซื้อขายได้มากขึ้นในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า สิ่งนี้จะช่วยให้คุณสามารถสร้างรายได้ด้วยการพึ่งพาความน่าจะเป็นที่ว่า: ยิ่งเปิดการซื้อขายมากเท่าใดโอกาสที่คุณจะมีการซื้อขายที่ดีก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

กรอบเวลาที่สูงและต่ำ

บุคลิกภาพของคุณ

เมื่อทำการซื้อขายคุณควรจะต้องรู้สึกสบายใจ วิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียของตัวคุณเและใช้พวกมันให้เป็นประโยชน์

หากคุณพร้อมที่จะทำการซื้อขายที่มีความเคร่งเครียดและความกดดันสูงขึ้นและต้องทำการตัดสินใจที่รวดเร็วคุณสามารถเลือกที่จะซื้อขายในกรอบเวลาที่ต่ำกว่าได้ คุณจะต้องเป็นคนที่ใจเย็น ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วเมื่อประสบกับการสูญเสียและไม่หลงกลลวงไปตอบโต้กับตลาดหลังจากคุณเกิดการสูญเสีย นอกจากนี้คุณยังต้องรู้จักควบคุมอารมณ์เมื่อได้รับผลกำไรมหาศาลเพื่อไม่ให้คุณเคลิ้มและเริ่มเดิมพันมากเกินไปในคราวเดียว การซื้อขายระยะสั้นในกรอบเวลาที่ต่ำกว่าจะทำให้คุณรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของตลาดและจะทำให้คุณเป็นเทรดเดอร์ที่ตื่นตัว

shutterstock_633272297.jpg

ในเวลาเดียวกันหากคุณมีความอดทนและมักคิดลึกให้พิจารณากรอบเวลาที่สูงกว่า ที่นี่คุณจะต้องรอก่อนจนกระทั่งสัญญาณที่ดีปรากฏขึ้นมาจากนั้นรอให้ราคามาถึงเป้าหมายที่คุณตั้งไว้ หากคุณไม่ต้องการเร่งรีบและต้องการใช้เวลาในการวิเคราะห์การซื้อขายแต่ละครั้งและผลลัพธ์ของมัน นี่คือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

นี่เป็นปัจจัยจริงๆงั้นหรือ? หากคุณดูกราฟ 2 กราฟคุณอาจจะไม่สามารถบอกได้ว่ากราฟใดเป็นกรอบเวลาที่ใหญ่และกราฟใดเป็นกรอบเวลาที่เล็ก หลักการของตัวบ่งชี้อย่าง MACD และ moving averages รูปแบบต่างๆเช่น Head and Shoulders หรือ Double Top และสิ่งต่างๆเช่นแนวรับและแนวต้านก็ยังคงเหมือนเดิมไม่ว่าคุณจะทำการซื้อขายในกรอบเวลาใด แม้จะดูเหมือนว่าการใช้เครื่องมือเดียวกันจะให้ผลที่ต่างกันในกรอบเวลาที่ต่างกันแต่จริงๆแล้วมันขึ้นอยู่กับการกระทำของเทรดเดอร์และทักษะของเขา/เธอ

ความผันผวนระหว่างวัน

ความแตกต่างระหว่างกรอบเวลาของ M30 และ D1 คือรูปแบบทางเทคนิคตัวก่อนหน้าจะก่อตัวได้เร็วกว่าตัวต่อมา นอกจากนี้การซื้อขายในกรอบเวลาที่ต่ำกว่าจะอ่อนไหวต่อข่าวสารต่างๆมากกว่า แม้ว่าคุณจะสามารถตรวจสอบปฏิทินเศรษฐกิจได้และทำการตัดสินใจว่าจะหลีกเลี่ยงการซื้อขายในช่วงเวลาดังกล่าวหรือไม่ หรือจะพยายามซื้อขายจากข่าว

สเปรด

โดยปกติคุณมักจะนึกถึงสเปรดเมื่อคุณซื้อขายในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า คุณจะปิดและเปิดการซื้อขายมากขึ้น กำไรของคุณจากการซื้อขายหนึ่งครั้งในระยะเวลาสั้นๆมีแนวโน้มที่จะต่ำกว่ากำไรจากการซื้อขายหนึ่งครั้งในระยะเวลาที่ยาว ดังนั้นสเปรดจึงมีความสำคัญ โปรดจำเรื่องนี้เอาไว้และเลือกเครื่องมือที่มีสเปรดที่ต่ำกว่าสำหรับการซื้อขายในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า

กรอบเวลาสำหรับการซื้อขาย

ฉันสามารถเลือกกรอบเวลาได้กี่แบบ?

ตลาดอาจดูเหมือนจะมีลักษณะที่แตกต่างกันมากในกรอบเวลาที่แตกต่างกัน มันอาจอยู่ในแนวโน้มขาลงใน W1 และอาจอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นใน H4

เทรดเดอร์บางรายมักจะมองหากรอบเวลาที่สมบูรณ์แบบอยู่กรอบเดียว ขณะที่คนอื่นๆพยายามมองไปที่กรอบเวลาทั้งหมดในการซื้อขายแต่ละครั้ง พวกเขาพยายามแก้ไขปรับปรุงการซื้อขายใน M5 แต่สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจนพวกเขาลืมความคิดที่ได้รับจากแผนภูมิรายวัน

การใช้กรอบเวลาหลายแบบจะช่วยให้คุณได้เห็นภาพรวม สิ่งนี้เรียกว่า "การวิเคราะห์ในกรอบเวลาที่แตกต่างกัน” เมื่อคุณตัดสินใจว่าจะโฟกัสไปที่กรอบเวลาใด (ใหญ่หรือเล็ก) ให้เลือก 2-3 กรอบเวลาที่คุณจะใช้ ตัวอย่างเช่น คุณอาจเป็น swing trader และใช้แผนภูมิรายวันในการตัดสินใจ ส่วนแผนภูมิรายสัปดาห์จะช่วยคุณระบุแนวโน้มที่สำคัญในขณะที่ H1 จะแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มในระยะสั้น ในกรณีนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ M5

ไอเดียหลักของการวิเคราะห์ในกรอบเวลาที่แตกต่างกันคือให้เริ่มจากการวิเคราะห์กรอบเวลาที่ใหญ่กว่าก่อนและจากนั้นค่อยมาวิเคราะห์กรอบเวลาที่เล็กกว่า ด้วยวิธีนี้คุณจะได้เห็นภาพรวมก่อนจากนั้นจึงจะสามารถหาที่ที่ดีที่สุดสำหรับออเดอร์ของคุณได้ หากคุณต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้กรอบเวลาต่างๆโปรดอ่านบทความของเราเรื่อง ระบบ Triple Screen System

บทสรุป

อย่างที่คุณเห็นกรอบเวลาที่ดีที่สุดนั้นไม่มีอยู่จริง เราขอแนะนำให้คุณใช้กรอบเวลาหลายๆแบบในการซื้อขาย ใช้เคล็ดลับเหล่านี้เพื่อค้นหากรอบเวลาที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด ขอให้คุณโชคดีกับการซื้อขายของคุณ!

FBS Analyst Team

แบ่งปันกับเพื่อน:

คล้ายกัน

เปิดทันที

FBS เก็บรักษาข้อมูลของคุณไว้เพื่อใช้งานเว็บไซต์นี้ เมื่อกดปุ่ม "ยอมรับ" ถือว่าคุณยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเรา