กลยุทธ์การซื้อขาย 'HHLL' : แค่ติดตามพฤติกรรมของราคา
บทความนี้จะอธิบายถึงกลยุทธ์ที่เรียกว่า 'HHLL' คุณอาจเคยเห็นกลยุทธ์ที่คล้ายกันกับชื่ออื่น เนื่องจากกลยุทธ์นี้ใช้หลักการ Forex แบบคลาสสิก ความสุดยอดของมันก็คือคุณไม่จำเป็นต้องใช้ตัวบ่งชี้ใด ๆ สิ่งที่สำคัญหลักๆ คือการติดตามพฤติกรรมของราคา (price action) อย่างไรก็ตามตัวบ่งชี้บางอย่างยังคงมีประโยชน์ สำหรับการทำให้มองเห็นภาพได้ดีมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้อย่าได้ลังเลที่จะเพิ่มทุกสิ่งที่คุณต้องการเข้าไปในกลยุทธ์นี้ ปรับแต่งมันตามความต้องการของคุณได้เลย! ท้ายที่สุดแล้ว คุณก็จะสามารถสร้างกลยุทธ์ใหม่ของคุณเองได้ โดยเหมาะกับแนวทางการซื้อขายและวิสัยทัศน์ของคุณ
คำจำกัดความของแนวโน้ม
เรามาเริ่มต้นด้วยการจำคำจำกัดความของแนวโน้มกัน แนวโน้ม คือ ทิศทางทั่วไปของราคาของสินทรัพย์ในตลาด แนวโน้มขาขึ้น (แนวโน้มแบบ bullish หรือ แนวโน้มกระทิง) ประกอบด้วยชุดของจุดสูงสุดที่สูงขึ้นกว่าเดิม และจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าราคากำลังขยับขึ้น แนวโน้มขาลง (แนวโน้มแบบ bearish หรือ แนวโน้มหมี) จะเป็นชุดของจุดต่ำสุดที่ต่ำลงกว่าเดิม และจุดสูงสุดที่ต่ำลงกว่าเดิม ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าราคากำลังขยับลง ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเข้าสู่ตลาด คือช่วงที่มีการกลับตัวของแนวโน้ม
แนวโน้มขาขึ้น
สมมติว่ามีแนวโน้มขาขึ้นเกิดขึ้นบนกราฟนี้ จุดสูงสุดจุดที่หนึ่ง (H) ตามด้วยจุดต่ำสุดจุดที่หนึ่ง (L) ซึ่งก็ตามมาด้วยจุดสูงสุดจุดที่สอง (HH - จุดสูงสุดที่สูงขึ้นกว่าเดิม) หลังจากนั้นหากราคาหลุดออกจากโครงสร้างแนวโน้ม และเกิดจุดต่ำสุดที่ต่ำลงกว่าเดิม (LL) เมื่อราคาแตะไปถึงระดับหนึ่ง เทรดเดอร์ก็ควรเตรียมพร้อมที่จะขาย โดยเราจะพูดถึงเรื่องนี้กันในภายหลัง
แนวโน้มขาลง
ลองมาดูตัวอย่างที่ตรงกันข้ามกัน นั่นก็คือแนวโน้มขาลง จุดต่ำสุดจุดที่หนึ่ง (L) ตามด้วยจุดสูงสุดจุดที่หนึ่ง (H) ซึ่งก็ตามมาด้วยจุดต่ำสุดจุดที่สอง (LL - จุดต่ำสุดที่ต่ำลงกว่าเดิม) หลังจากนั้นหากราคาทะลุโครงสร้างแนวโน้ม และเกิดจุดสูงสุดที่สูงขึ้นกว่าเดิม เทรดเดอร์ควรพร้อมที่จะซื้อเมื่อราคาถึงระดับหนึ่ง ซึ่งเดี๋ยวเราจะพูดถึงกันในภายหลัง
กฎของการเข้าขาย
มาดูกันว่าจะเปิดคำสั่ง sell ได้ที่ไหนและอย่างไร ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเข้าคือ การย้อนกลับไปที่จุดสูงสุดจุดที่หนึ่ง (ดูภาพด้านล่าง) โครงสร้างนี้ได้ผลดีเพราะบางกลุ่มที่รู้จักกันในนาม 'ผู้เล่นรายใหญ่' ในการที่จะทำให้ขายได้จำนวนมาก พวกเขาต้องการคำสั่ง buy จำนวนมหาศาล เพื่อให้การเทรดทำกำไรได้มากขึ้น พื้นที่ระหว่าง H และ HH แสดงถึงโซนของสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงมีเหล่าขา buy จำนวนมาก เนื่องจากพวกเขาเชื่อมั่นในแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
วิธีที่ดีกว่าในการเข้าคือการใช้คำสั่ง Pending order ประการแรก คุณควรรอการก่อตัวของจุดต่ำสุดที่ต่ำลงกว่าเดิม (LL) ประการที่สอง คุณควรวาง Sell Limit ที่จุดสูงสุดจุดที่หนึ่ง (H)
กฎของการเข้าซื้อ
ด้วยตรรกะเดียวกัน ในกรณีของการซื้อ โซนของสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นจะอยู่ระหว่าง จุดต่ำสุดที่หนึ่งและจุดต่ำสุดที่สอง (L และ LL ดังภาพด้านล่าง) นี่คือเหล่าขา sell จำนวนมากที่เชื่อว่าแนวโน้มขาลงจะยังคงดำเนินต่อไป เทรดเดอร์บางรายก็เข้าซื้อเร็วเกินไป บางคนตื่นตระหนกและปิดออเดอร์ของพวกเขา โดยส่วนใหญ่วาง Stop Loss ไว้ในบริเวณนี้ ดังนั้นผู้เล่นรายใหญ่จึงมองเห็นโอกาสที่ดีในการเข้า buy ในขณะนี้ แล้วพวกเราต้องทำอะไร? ก็เข้าไปพร้อมกับ 'ผู้เล่นรายใหญ่' ไงล่ะ! รอการก่อตัวของจุดสูงสุดที่สูงกว่าเดิม (HH) และตั้งค่า Buy Limit ที่จุดต่ำสุดจุดที่หนึ่ง (L)
ลดความเสี่ยง
ใช้ Stop Loss
มาทบทวนความจำกัน Stop Loss คือคำสั่งออกที่ใช้เพื่อจำกัดจำนวนการสูญเสีย ที่เทรดเดอร์อาจใช้ในการเทรด หากการซื้อขายเป็นไปในทิศทางตรงข้ามกันกับที่เขาต้องการ
ในกรณีของการขาย คุณควรวาง Stop Loss ไว้เหนือจุด HH เล็กน้อย ในทางกลับกันในกรณีของการซื้อ ให้วาง Stop Loss ไว้ต่ำกว่าจุด LL
ใช้ Take profit
คำสั่ง Take Profit ก็คือคำสั่งออกที่คล้ายกันกับคำสั่ง Stop Loss อย่างไรก็ตาม มันแตกต่างกันตรงที่ SL จำกัดการสูญเสียของเทรดเดอร์ในการเทรด ในขณะที่ TP จะระบุราคาเฉพาะเอาไว้ โดยที่การเทรดที่ทำกำไรได้จะปิดโดยอัตโนมัติ หรือพูดง่ายๆ ว่า TP คือเป้าหมายกำไร คุณต้องวาง TP ไว้ในระดับที่คุณคาดว่าราคาจะไปถึง
มีอยู่สองเป้าหมายด้วยกันในสำหรับทุกๆ กรณี สำหรับการขาย ควรวาง Take Profit อันแรกไว้ที่จุดต่ำสุดจุดที่หนึ่ง (L) และ Take Profit อันที่สองควรวางไว้ที่จุดต่ำสุดจุดที่สอง (LL)
สำหรับการซื้อ ควรวาง Take Profit อันแรกไว้ที่จุดสูงสุดจุดที่หนึ่ง (H) และ Take Profit อันที่สองควรวางไว้ที่จุดสูงสุดจุดที่สอง (HH)
เท่านี้ก็เรียบร้อย! นำกลยุทธ์นี้ไปลองใช้ในการเทรดของคุณเลย!