วัฏจักรตลาดคืออะไร และเทรดเดอร์จะใช้มันอย่างไร?

อ่านบทความบนเว็บไซต์ของ FBS

ตลาดการเงินจะมีการสลับกันระหว่างช่วงเวลาที่ตกต่ำและเติบโต มันไม่เพียงเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงจิตวิทยาของนักลงทุนด้วย นักลงทุนจำนวนมากพยายามวิเคราะห์วัฏจักรของตลาดเพื่อทำกำไรให้ได้มากขึ้น เดี๋ยวเราไปดูกันว่าสิ่งต่างๆที่ว่ามานั้นคืออะไร

วัฏจักรของตลาดคืออะไร?

วัฏจักรของตลาดคือรูปแบบหรือแนวโน้มที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปในตลาดต่างๆ มันจะแสดงถึงช่วงเวลาระหว่างสองจุดราคาต่ำสุดหรือสูงสุด โดยปกติ วัฏจักรตลาดใหม่จะเกิดขึ้นเมื่อแนวโน้มก่อตัวขึ้นในภาคส่วนหรืออุตสาหกรรมเฉพาะอันเนื่องมาจากนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบ

ความยาวนานของวัฏจักรตลาดอาจแตกต่างกันไปตั้งแต่ไม่กี่นาทีจนถึงหลายปี ขึ้นอยู่กับตลาด มีแง่มุมที่แตกต่างกันของวัฏจักร: ตัวอย่างเช่น เดย์เทรดเดอร์จะโฟกัสไปที่ช่วงเวลา 15-60 นาที ในขณะที่นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์จะวิเคราะห์ช่วงเวลาสูงสุดถึง 20 ปี

การทำความเข้าใจวัฏจักรของตลาด

วัฏจักรในตลาดจะมีอยู่เป็นพื้นฐานเนื่องจากมีวัฏจักรในระบบเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม มีเหตุผลอื่นๆ วัฏจักรเศรษฐกิจไม่เพียงส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อกรอบความคิดทางจิตวิทยาของนักลงทุนด้วย พวกเขาไม่ค่อยถือตำแหน่งอย่างมีเหตุผลและมั่นคง และเมื่อตลาดพุ่งสูงขึ้น นักลงทุนจะมองโลกในแง่ดีและเต็มใจที่จะเสี่ยง พวกเขาจะเข้าซื้อหุ้นแล้วราคาก็ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม อารมณ์ตลาดสามารถเปลี่ยนแปลงได้ จากนั้นนักลงทุนก็เริ่มขายและราคาหลักทรัพย์ก็ปรับตัวลง

ระยะต่างๆของวัฏจักรตลาด

แต่ละวัฎจักรตลาดจะมีสี่ระยะ:

Phases of a Market Cycle accumulation mark-up distribution mark-down.jpg

ระยะสะสม

นี่เป็นระยะแรกของวัฏจักรตลาด การสะสมเริ่มขึ้นหลังจากที่ตลาดถึงจุดต่ำสุดในวัฎจักรก่อนหน้า เมื่ออุปสงค์เพิ่มขึ้น ราคาก็ไม่สามารถสร้างจุดต่ำสุดใหม่ได้อีกต่อไป ส่งผลให้แนวโน้มขาลงเริ่มสูญเสียโมเมนตัม แล้วตลาดก็กลับตัวเป็นขาขึ้น

ระยะไล่ราคา

ในระยะไล่ราคา ตลาดจะเริ่มมีทิศทางที่ชัดเจน ราคาเริ่มปรับตัวสูงขึ้นและตลาดก็ดึงดูดผู้ซื้อจำนวนมากที่ต้องการเข้าร่วมแนวโน้มขาขึ้นใหม่ในช่วงเริ่มต้น แนวโน้มราคาขาขึ้นจะผลักดันราคาให้ไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ ผู้ซื้อครั้งแรกจะใช้ประโยชน์จากราคาที่พุ่งสูงขึ้นเพื่อทำเงินในการลงทุนช่วงแรกๆ นอกจากนี้ เทรดเดอร์ก็ยังใช้ประโยชน์จากแนวโน้มขาขึ้นในช่วงเวลานี้

ระยะแจกจ่าย

ในระยะแจกจ่าย ตลาดประสบกับการขายออก แต่อย่างไรก็ตาม ราคาจะยังคงทรงตัวได้อีกนาน เนื่องจากมีอย่างเท่าเทียมกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในตลาด ภาวะตลาดกระทิงในระยะไล่ราคาเริ่มจางลง และไม่มีจุดสูงสุดใหม่ปรากฏขึ้น นักลงทุนที่ยังไม่ได้เข้าสู่ตลาดจะถูกทิ้ง นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับนักลงทุนในการขายสินทรัพย์เนื่องจากราคาได้พุ่งขึ้นสูงสุดแล้ว

ระยะดิ่งเหว

นี่เป็นระยะสุดท้ายของวัฏจักรตลาด ในระยะนี้ นักลงทุนรายใหญ่เริ่มขายการลงทุนของตนเพื่อล็อกผลกำไร ผู้เข้าร่วมที่เหลือจะตามมาอย่างรวดเร็ว เมื่อราคาตกอยู่ในช่วงขาลง อารมณ์ตลาดจะกลายเป็นขาลงมากขึ้น นักลงทุนที่เข้าสู่ตลาดเมื่อราคาอยู่ที่จุดต่ำสุดจะถือการลงทุนเอาไว้โดยหวังว่าราคาจะปรับตัวสูงขึ้น แต่น่าเสียดายที่ราคายังคงร่วงลงต่อ นี่เป็นสัญญาณสำหรับนักลงทุนที่สามารถระบุจุดสิ้นสุดของแนวโน้มขาลงเพื่อทำการเข้าซื้อครั้งใหม่ เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น ระยะการสะสมจะเริ่มต้น และวัฏจักรตลาดรอบใหม่ก็จะก่อตัวขึ้น

ประเภทของวัฏจักรตลาด

วัฏจักรตลาดมีหลายประเภท เดี๋ยวเราจะพิจารณาแค่ประเภทหลักๆ: สากล (วัฏจักรตลาด Wyckoff), ตลาด Wall Street, ตลาด forex และวัฏจักรตลาดอสังหาริมทรัพย์

วัฏจักรตลาด Wyckoff

Wyckoff market cycle.jpg

วัฏจักรตลาดของ Wyckoff มีสี่ระยะ: ระยะสะสม ระยะไล่ราคา ระยะแจกจ่าย ระยะดิ่งเหว

Re-accumulation.jpg

วัฏจักรตลาด Wyckoff มีพื้นฐานมาจากการสังเกตราคา, ช่วงเวลาสำคัญของการพัฒนาแนวโน้ม, และช่วงเวลาของการสะสมและการแจกจ่าย แม้ว่าวิธีการของ Wyckoff เดิมจะเน้นไปที่ตลาดหุ้นเท่านั้น แต่ปัจจุบันได้นำไปใช้กับตลาดการเงินทุกประเภทแล้ว

วัฏจักรตลาด Wyckoff ประกอบด้วยสี่ระยะหลัก: ระยะสะสม ระยะไล่ราคา ระยะแจกจ่าย และระยะดิ่งเหว

  1. ระยะสะสมจะสร้างกรอบการซื้อขาย ที่เรียกว่าผู้ดูแลสภาพคล่องจะสะสมสินทรัพย์ก่อนที่นักลงทุนส่วนใหญ่จะทำ ระยะนี้จะมีการเคลื่อนไหวแบบราบเรียบ การสะสมจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงราคาที่มีนัยสำคัญ
  2. ในระยะไล่ราคา ตลาดจะเริ่มเติบโตในขาขึ้น แนวโน้มจะก่อตัวขึ้นซึ่งมันจะค่อยๆดึงดูดนักลงทุนรายใหม่เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่งผลให้เกิดความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น เมื่อตลาดขยับขึ้น นักลงทุนรายอื่นจะถูกดึงดูดให้เข้าสู่ตลาดและซื้อสินทรัพย์ ซึ่งความตื่นเต้นนี้จะส่งผลให้คนที่อยากจะเข้าร่วมอยู่แล้ว กระโดดเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงเวลาเช่นนี้ จะมีอุปสงค์จะสูงกว่าอุปทานเยอะมาก
  3. ต่อมาคือระยะแจกจ่ายของสินทรัพย์ที่ซื้อมา ผู้ขายจะขายตำแหน่งที่ได้กำไรให้กับผู้ที่เข้าสู่ตลาดในช่วงท้าย ตามกฎแล้ว ระยะแจกจ่ายจะถูกระบุด้วยการเคลื่อนไหวแบบราบ ซึ่งจะดูดซับความต้องการไปเรื่อยๆจนกว่ามันจะหมดลง
  4. ระยะสุดท้ายของการเคลื่อนไหวของราคาด้วยวิธี Wyckoff คือระยะดิ่งเหว ในช่วงนี้ อุปทานจะเข้าครองตลาดและราคาจะดิ่งลงแทบไม่หยุด กล่าวอีกนัยหนึ่งคือหุ้นส่วนใหญ่ถูกเทขาย ตลาดก็เริ่มจะเคลื่อนตัวเป็นขาลง ในที่สุด อุปทานก็จะมีมากกว่าอุปสงค์ และแนวโน้มขาลงก็เริ่มขึ้น

วัฏจักรตลาด Forex

วัฏจักรตลาด forex มีหลายประเภท และประเภทและคุณสมบัติของมันไม่จำกัดเฉพาะค่าพารามิเตอร์หรือกรอบเวลาเดียวเท่านั้น มาดูวัฏจักรการหดตัวและการคลายตัวของ forex ที่พบบ่อยที่สุดซึ่งมีสี่ระยะ: ระยะเติบโต ระยะอิ่มตัว ระยะถดถอย (หรือการหดตัว) และระยะฟื้นตัว

expansion, peak, recession, bottom.jpg

itptแรกของวัฏจักรคือระยะเติบโต ในระยะนี้ ตลาดจะฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดก่อนหน้า ความสนใจของผู้เข้าร่วมตลาดที่มีต่อสินทรัพย์เพิ่มสูงขึ้น และพวกเขาก็เริ่มลงมือ: ซื้อในช่วงขาขึ้นหรือขายในช่วงขาลง ยิ่งผู้เข้าร่วมมีการซื้อขายอย่างคึกคักมากเท่าไหร่ แนวโน้มก็จะยิ่งเกิดเร็วขึ้นเท่านั้น

ระยะถัดไปคือระยะอิ่มตัว ตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจ เช่น ปริมาณการผลิตและการขาย การจ้างงาน ฯลฯ อยู่ที่ระดับสูงสุดและไม่เติบโตอีกต่อไป ในระยะนี้ แนวโน้มได้หมดแังลงแล้ว และการพุ่งขึ้นหรือร่วงลงอย่างรวดเร็วก็เริ่มหยุดลง

จากนั้นก็จะเข้าสู่ระยะถดถอย หุ้นร่วงลงไปแล้ว และสินค้าโภคภัณฑ์ก็เริ่มปรับตัวลงตามความคาดหมายว่าอุปสงค์จะลดลงในตอนที่เศรษฐกิจอ่อนแอ ที่ระยะนี้ นักลงทุนจะปิดคำสั่งซื้อขายของตน

ระยะสุดท้ายของวัฏจักรแนวโน้มคือระยะฟื้นตัว ลักษณะเฉพาะของระยะนี้คือความสงบของตลาดและการเปลี่ยนแปลงราคาที่ไม่มีนัยสำคัญ ในช่วงเวลานี้ ตลาดกำลังสะสมความแข็งแกร่งและรวบรวมพลังหลังภาวะเศรษฐกิจถดถอย แม้ภาวะเศรษฐกิจจะไม่ถดถอยอีกต่อไป แต่เศรษฐกิจก็ยังไม่อยู่ในระยะเติบโต

วัฏจักรตลาด Wall Street

วัฏจักรตลาด Wall Street นั้นคล้ายคลึงกับวัฏจักรของ Wyckoff ทั้งคู่ต่างก็มีระยะสะสม, ระยะไล่ราคา, ระยะแจกจ่าย, และระยะดิ่งเหว

มีสี่ระยะอารมณ์ของวัฏจักรตลาด wall street บนแผนภูมิ: ระยะแอบซ่อน, ระยะรับรู้, ระยะบ้าคลั่ง, ระยะระเบิด

wall street market.jpg

ระยะแรกจะคล้ายๆกับระยะสะสมในวัฏจักรของ Wyckoff ซึ่งมันจะถูกเรียกว่าระยะแอบซ่อน ในระยะนี้ ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างช้าๆ และผู้ทำเงินจะหาโอกาสที่ดีที่สุดในการเข้าซื้อ

ระยะที่สองคือระยะรับรู้ ราคาเริ่มปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง แต่นักลงทุนจะไม่ปล่อยให้การป้องกันของตนลดลง หากพวกเขาตัดสินใจที่จะเข้าสู่ตลาดอีกครั้งพวกเขาจะระมัดระวัง

สูงสุดของวัฏจักรตลาดคือระยะบ้าคลั่ง ซึ่งเป็นจุดที่มีความเสี่ยงทางการเงินสูงสุด นี่คือช่วงเวลาที่นักลงทุนคิดว่าไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นได้ ดังนั้น วงจรการพึ่งพาตนเองจึงเกิดขึ้น: นักลงทุนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆเข้าสู่ตลาดโดยหวังว่าจะทำกำไรได้อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งนำไปสู่การปรับตัวสูงขึ้นอีกของราคา และมูลค่าตลาดก็จะสูงซะจนน่าเวียนหัว

จากนั้นฟองสบู่ก็แตกและตลาดเข้าสู่ระยะระเบิด เนื่องจากแนวโน้มขาขึ้นถูกแทนที่ด้วยแนวโน้มขาลง นักลงทุนต่างสูญเสียความหวังและเริ่มตื่นตระหนก พวกเขาไม่มั่นใจในการกระทำของตนอีกต่อไปและพยายามลดความสูญเสียให้เหลือน้อยที่สุด สุดท้ายบางคนก็สูญสิ้นกำลังใจและไม่เชื่อว่าตลาดจะฟื้นตัวอีกต่อไป

วัฏจักรตลาดอสังหาริมทรัพย์

ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีวัฏจักรแบบเฉพาะตัวเนื่องจากอุปทานมักจะไม่อาจตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วๆได้ทัน วัฏจักรนี้จะประกอบด้วยสี่ระยะหลักๆ: ระยะฟื้นตัว ระยะเติบโต ระยะอุปทานมากเกินไป และระยะถดถอย

market quadrants cycle.jpg

ระยะฟื้นตัวเป็นระยะที่ตลาดเริ่มฟื้นตัวหลังจากระยะถดถอย จำนวนธุรกรรมค่อยๆเพิ่มขึ้นและหุ้นของอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีผู้อ้างสิทธิ์ก็ลดลง: อุปสงค์เริ่มดูดซับอุปทานส่วนเกินที่ถูกสร้างขึ้นระหว่างระยะเติบโต

ระยะเติบโตถูกขับเคลื่อนโดยการเติบโตทางเศรษฐกิจและการเพิ่มขึ้นของกำลังซื้อของประชากร วัฏจักรตลาดเข้าสู่ระยะนี้ในตอนที่ระดับของอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีผู้อ้างสิทธิ์ลดลงเหลือน้อยที่สุด และในทางกลับกัน ความสนใจของผู้ซื้อจะเพิ่มสูงขึ้น ณ จุดนี้ นักลงทุนจะเริ่มลงทุนในการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ๆเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น

เมื่อถึงจุดหนึ่ง นักลงทุนจะหยุดให้ความสนใจกับราคาที่ดินที่สูงเกินจริงหรือตัวโครงการเอง โดยเชื่อว่าราคาและอัตราค่าเช่าที่จะเพิ่มขึ้นอีกในวันข้างหน้าจะช่วยชดเชยต้นทุนของพวกเขา ซึ่งนั่นจะเป็นตอนที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ในตลาดเริ่มเกินกำลังซื้อที่แท้จริงของประชากรและธุรกิจอย่างเห็นได้ชัด และจำนวนธุรกรรมเริ่มลดลง ขณะเดียวกัน การก่อสร้างวัตถุต่างๆที่ได้เริ่มขึ้นในช่วงระยะเติบโตจะไม่สามารถหยุดได้ในชั่วข้ามคืน และตลาดจะอิ่มตัวมากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่การก่อตัวของฟองสบู่

ระยะถดถอยจะปรากฏในราคาและอัตราค่าเช่าที่ลดลง ซึ่งไม่เพียงได้รับอิทธิพลจากอุปสงค์ที่ลดลงเท่านั้น แต่ยังมาจากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นของอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีผู้อ้างสิทธิ์อีกด้วย ในระยะถดถอย นักลงทุนจะหยุดโครงการใหม่ไและอัตราการก่อสร้างก็ลดลง

สรุป

การทำความเข้าใจวัฏจักรตลาดที่เกิดซ้ำๆนั้นเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับเทรดเดอร์ทุกคน ผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์วัฏจักรเชื่อว่ามีเพียงวัฏจักรเท่านั้นที่จะทำให้เราเห็นล่วงหน้าได้ว่าตลาดจะไปในทิศทางใด ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอน: การวิเคราะห์วัฏจักรจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการคาดการณ์ตลาด

FBS Analyst Team

แบ่งปันกับเพื่อน:

คล้ายกัน

เปิดทันที

FBS เก็บรักษาข้อมูลของคุณไว้เพื่อใช้งานเว็บไซต์นี้ เมื่อกดปุ่ม "ยอมรับ" ถือว่าคุณยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเรา