8 ทรชนลวงโลก: พบกับจอมวายร้ายที่ชั่วร้ายที่สุดของวงการการเงิน
นี่คือโลกแห่งการเงิน สถานที่ที่เงินถูกสร้างขึ้น ที่มีเงินแบบว่าเยอะมาก ๆ มันคือโลกของเกมใหญ่และยังเป็นโลกที่ผลิตจอมบงการออกมาจำนวนหนึ่งเลยล่ะ อนิจจา ไม่ใช่ว่าอัจฉริยะทางการเงินทุกคนจะใช้พรสวรรค์ในการหาเงินด้วยเจตนาที่ดี
สิ่งที่คล้ายคลึงกันของ Bernie Madoff, Joseph Nacchio, Michael de Guzman, Elizabeth Holmes หรือ Wolf of Wall Street เองอย่าง Jordan Belfort คือการใช้ความรู้ ทักษะ คนรู้จัก หรืออะไรก็ตามที่มีเพื่อสร้างรายได้มหาศาลด้วย... พูดตรง ๆ ดีไหมเนี่ย ...การต้มตุ๋นผู้คน
ว่ากันว่าโลกใบนี้คือที่ที่เปิดโอกาสให้คุณสามารถทำอะไรก็ได้ที่คุณต้องการสมดังใจ แต่สำหรับเหล่าอาชญากรทางการเงินแล้ว โลกใบนี้คือที่ที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้ต้มตุ๋นเท่านั้นแหละ
โลกคือการต้มตุ๋น
กลโกงทางการเงินหรือการหลอกลวงทางการเงิน คือการกระทำที่มุ่งร้ายโดยมิจฉาชีพที่สามารถเข้าถึงเงินของเหยื่อได้ มันสำคัญมากที่ต้องเน้นย้ำตรงนี้ว่าเหยื่อมอบเงินให้พวกเขาด้วยความสมัครใจ คุณคงจะถามว่า "ทำไม?" เพราะสิ่งที่นักต้มตุ๋นทำได้ดีที่สุดคือการโน้มน้าวใจผู้คน
นักต้มตุ๋นจะคิดแผนการที่เนียนมาก ๆ และพวกเขาสัญญาว่าจะให้กำไรก้อนโตอย่างรวดเร็ว พวกเขามอบข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธ อย่างน้อยก็สำหรับผู้ที่ลงเอยด้วยการสูญเสียไปในที่สุด
มันคงเป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ว่านั่นคือการต้มตุ๋น อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณพิจารณาแผนการเหล่านั้นโดยละเอียด คุณจะเริ่มเห็นคุณลักษณะมาตรฐานทั่วไปที่อาจช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบด้วยตัวเองได้ นี่คือสิ่งที่คุณควรใส่ใจ:
- รับประกันผลตอบแทนสูงในระยะเวลาอันสั้น
- คำเชิญให้เข้าร่วมกลุ่มนักลงทุนพิเศษหรือกลุ่มนักลงทุนชนชั้นสูง
- อ้างว่าข้อเสนอนี้มาจากบุคคลที่ทำงานอยู่ภายใน
- อ้างว่ามีเทคโนโลยีบางอย่างที่จะพลิกเกมในอนาคตอันใกล้นี้
- ภาพรวมของข้อเสนอนั้นดีเกินจริง
นั่นเป็นคุณลักษณะเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น จริง ๆ แล้วอาจมีคุณลักษณะมากกว่านี้อีก แต่ในที่สุดมันก็จะวกกลับเข้ามาที่ชุดคำโกหกแบบง่าย ๆ เหล่านี้ สรุปคือนักต้มตุ๋นจะใช้คำโกหกเหล่านี้เพื่อเกลี้ยกล่อม
สติสัมปชัญญะของคุณและทำให้คุณลงทุนในกิจการที่มีแนวโน้มว่าจะได้กำไรแน่นอน
ผู้คนต่างก็ตกหลุมพรางการหลอกลวงทางการเงินมานานหลายศตวรรษแล้ว หนึ่งในตัวอย่างของการฉ้อโกงหุ้นแรกสุดนั้นต้องย้อนไปในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1700 ลองค้นหาใน Google ว่า "วิกฤต South sea bubble" ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่โดดเด่นที่สุดของสิ่งที่รู้กันว่าเป็นแผนล่อเม่า
ก่อนอื่น นักต้มตุ๋นจะปั่นราคาหุ้นด้วยการให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับบริษัท จากนั้นเมื่อราคาสูงพอ พวกเขาก็จะเทขายหุ้นที่เป็นกระแสนั้นคืนตลาด ผลที่ตามมาคือคุณเสียเงิน เพราะเมื่อกระแสดับลง หุ้นนั้นก็จะไร้ค่า
คุณสามารถดูวิธีการทำงานของมันได้ใน Boiler Room ภาพยนตร์อาชญากรรมจากช่วงปลายยุค 90 หรือคุณสามารถดูเรื่องราวของ Jordan Belfort สำหรับตัวอย่างในชีวิตจริงได้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถูกสร้างเกี่ยวกับเขาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าแผนล่อเม่านั้นไม่ใช่แค่วิธีเดียวที่จะทำให้คุณกับเงินของคุณต้องพลัดพรากจากกัน จริง ๆ แล้วมันมีเยอะมาก นี่คือวิธีที่พบบ่อยที่สุด:
- การปลอมตั๋วสัญญาใช้เงิน
- การฉ้อโกงกลุ่มเป้าหมายที่สนใจ
- การหลอกให้ลงทุนในไบนารี
- การโกงโดยหลอกให้จ่ายเงินก่อน
- การหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ตในหลากหลายรูปแบบ
- สัมมนาการลงทุน
ใช่แล้ว บางส่วนก็ชัดมากว่าเป็นการต้มตุ๋น แต่แผนการต้มตุ๋นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือกลโกงพีระมิด
กลโกงพีระมิดนั้นฉลาดมาก ๆ เพราะมันมีความเรียบง่าย โดยทำการรับสมัครนักลงทุนจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ และนักลงทุนใหม่แต่ละรายจะสรรหาคนใหม่ ๆ มาเข้าร่วมลงทุน แล้วลูกค้าใหม่ ๆ เหล่านั้นก็จะชักชวนนักลงทุนรายอื่นมาเข้าร่วม เป็นต้น
กลโกงพีระมิดสามารถเติบโตได้นานหลายปีหรือหลายทศวรรษ แต่เมื่อพังทลายลง พวกมันจะสร้างความเสียหายอย่างมหันต์ และมันก็ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะเล่าให้คุณฟังเกี่ยวกับกลโกงพีระมิดที่โดดเด่นที่สุดที่ตกเป็นคดีความ กิจการที่มีลักษณะคล้ายพีระมิดส่วนใหญ่จะถูกนำเสนออย่างเป็นทางการว่าเป็นการตลาดแบบหลายระดับ และนั่นคือกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งการได้รับสถานะว่าเป็นกลโกงพีระมิดนั้นต้องมาจากคำตัดสินของศาล
ดังนั้น แม้จะมีหลายบริษัทถูกสาธารณชนพาดพิงว่าเป็นกลโกงพีระมิด แต่ด้วยมารยาทที่ดี เราจะไม่เรียกบริษัทการตลาดหลายระดับเหล่านี้ว่าเป็นนักต้มตุ๋น
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นการต้มตุ๋นอย่างแท้จริงคือแผนการที่มีลักษณะคล้ายกับพีระมิด ชื่อว่ากลโกงพอนซี (Ponzi scheme) หรือที่รู้จักกันว่าดี แชร์ลูกโซ่ ตั้งชื่อตาม ชาร์ลส์ พอนซี (Charles Ponzi) นักต้มตุ๋นในช่วงทศวรรษที่ 20 แผนต้มตุ๋นนี้จะรับสมัครนักลงทุนรายใหม่ ๆ เข้ามาโดยสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนสูง ด้วยแผนต้มตุ๋นนี้ นักลงทุนรายแรก ๆ จะได้รับเงินจากนักลงทุนที่เข้ามาทีหลัง การตุ้มตุ๋นจะยังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งนักลงทุนส่วนใหญ่ตัดสินใจที่จะเรียกร้องผลตอบแทน และเมื่อมันเกิดขึ้น แชร์ลูกโซ่ก็จะล้มไป
โลกแห่งการเงินได้เห็นหลากหลายเรื่องราวของการทำเงินจากการต้มตุ๋น ในโพสต์นี้ คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับแปดการต้มตุ๋นในตลาดหุ้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และจอมบงการที่อยู่เบื้องหลังการต้มตุ๋นดังกล่าว
8 อันดับแรกของเรื่องหลอกลวงที่ฉาวที่สุดในตลาด
Bernie Madoff
เราจะเริ่มด้วยตัวอย่างสุดคลาสสิกอย่างแชร์ลูกโซ่ (Ponzi scheme) ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
Bernie Madoff นักการเงินชาวนิวยอร์ก ใช้ชื่อเสียงของเขาในการสรรหานักลงทุนรายใหม่ ๆ โดยเขาสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนที่เป็นเลขสองหลักอย่างมั่นคง ในขณะที่นักลงทุนคิดว่าพวกเขากำลังซื้อหุ้น แต่ในความเป็นจริง Madoff ได้ฝากเงินไว้ในบัญชีธนาคารของเขา
เขาได้ใช้เงินบางส่วนเพื่อจ่ายผลตอบแทนที่สัญญาไว้คืนให้ตามคำขอ ทุกสิ่งได้ดำเนินไปอย่างไม่มีปัญหามานานกว่าทศวรรษ ซึ่งมันเป็นไปได้เนื่องจากภาพลักษณ์ต่อสาธารณชนของ Madoff นั้นคือนักธุรกิจที่น่านับถือและมีความน่าเชื่อถือ แต่แท้ที่จริงแล้ว เขาคือคนที่อยู่เบื้องหลัง NASDAQ
แต่ไม่ช้าก็เร็ว ทุกสิ่งก็ต้องจบลง การต้มตุ๋นของ Bernie Madoff ได้หายไปหลังจากวิกฤตอันโด่งดังในปี 2008 นั่นเป็นช่วงที่ลูกค้าส่วนใหญ่ของ Madoff ต้องการดึงเงินออกมา และอย่างที่คุณทราบ ไม่มีแชร์ลูกโซ่ใดที่สามารถอยู่รอดได้ตลอดไป
พอการต้มตุ๋นได้ถูกเปิดโปง Madoff ก็ได้ถูกตั้งข้อหาร้ายแรง และคำตัดสินได้ระบุว่าเขาจะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในคุก โทษจำคุกของเขาคือ 150 ปี Bernard Lawrence Madoff ได้เสียชีวิตในคุกเมื่อวันที่ 14 เมษายน ปี 2021 น่าเศร้าที่ไม่ใช่แค่ชีวิตเพียงชีวิตเดียวที่สังเวยให้กับการต้มตุ๋นนี้
สองปีหลังจากที่ Madoff ได้ถูกเปิดโปง ลูกชายคนหนึ่งของเขาและหุ้นส่วนธุรกิจของเขาก็ได้ฆ่าตัวตาย เช่นเดียวกับนักลงทุนหลายคนของเขา
Bernie Madoff ขโมยเงินไปได้เท่าไร? ตัวเลขอย่างเป็นทางการบอกว่า 65 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนั่นมันก็บ้ามาก ๆ การต้มตุ๋นนี้อยู่ได้นานแค่ไหน? คำถามนี้ตอบยากเหมือนกันนะ อย่างที่คุณทราบว่า Madoff ได้ให้การเองว่าเขาได้เริ่มแผนต้มตุ๋นนี้ในช่วงต้นยุค 90
Frank DiPascali ผู้จัดการฝ่ายบัญชีที่ทำงานกับ Madoff มาตั้งแต่ปี 1975 ได้กล่าวว่าการต้มตุ๋นนี้ได้ถูกดำเนินการมาแล้วตั้งแต่เขาจำความได้ แต่เอกสารที่ได้ถูกค้นพบระหว่างการสืบสวนได้แสดงให้เห็นว่า Madoff ได้เลิกต้มตุ๋นไปตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1960 เพิ่มรายงานคำสั่งซื้อขายปลอม ๆ หลายล้านรายการเข้ามา แล้วคุณก็จะได้แชร์ลูกโซ่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
Jordan Belfort
คุณอาจรู้จักชื่อนี้จาก "The Wolf of Wall Street" ของ Martin Scorcese อย่างไรก็ตาม หากคุณคิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้น คุณก็คิดผิดแล้ว Jordan Belfort เป็นผู้ที่มีตัวตนจริง ๆ และสิ่งที่คุณเห็นในหนังเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องจริง
Belfort ได้ใช้การปั่นตลาดสำหรับการต้มตุ๋นที่ดำเนินมาอย่างยาวนานของเขา ซึ่งมักเรียกกันว่าแผนล่อเม่า เขาได้ร่วมมือกับหลายบริษัทนายหน้าที่มีความทะเยอทะยานเพื่อก่อตั้ง Stratton Oakmont, Inc. นายหน้า "ซื้อขายหลักทรัพย์นอกตลาดหลักทรัพย์" แห่งนี้ได้กลายเป็นที่รู้จักในอีกหลายปีหลังหลังจากที่ Belfort และหุ้นส่วนหลายคนของเขาโดนจับกุม
กลโกงนี้ไม่มีอะไรใหม่เลย Belfort และนายหน้าของเขาจะปั่นราคาหุ้นให้สูงขึ้นเพื่อที่พวกเขาจะได้เทขายออกในภายหลัง ซึ่งเป็นเหตุให้มูลค่าหุ้นร่วงลงอย่างรุนแรง นายหน้าที่มีความทะเยอทะยานหลายร้อยรายได้ทำงานในฝูงหมาป่าของ Belfort โทรหาเหยื่อที่ไม่มีความสงสัย แล้วเกลี้ยกล่อมให้พวกเขาซื้อหุ้นที่ไร้ค่านี้
เรื่องราวได้จบลงในปี 1998 ด้วยมูลค่าการสูญเสียรวมทั้งสิ้น 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ Belfort ได้ถูกฟ้องในข้อหาฉ้อโกงหลักทรัพย์และฟอกเงิน ทำให้เรื่องนี้ได้จัดอยู่ในรายการอาชญากรรมของ Wall Street
Michael de Guzman
นี่คืออีกหนึ่งการต้มตุ๋นอันเลื่องชื่อที่มีภาพยนตร์ถูกสร้างขึ้นจากเรื่องนี้ แต่ก่อนที่เราจะไปชมภาพยนตร์ที่นำแสดงโดย Matthew McConaughey เรามาพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงกันก่อนดีกว่า
ปีนั้นคือปี 1993 Michael de Guzman พนักงานของ Bre-X Minerals อ้างว่ามีทองคำอยู่ในป่าของเกาะบอร์เนียว จากช่วงเวลานั้นเป็นต้นมา สถานการณ์ตื่นทองก็เริ่มต้นขึ้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับหุ้นของ Bre-X Mineral ที่มูลค่าพุ่งสูงขึ้นถึง 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ!
ทุกอย่างได้เกิดขึ้นระหว่างปี 1993 และปี 1996 โดย Michael de Guzman ได้ผลิตตัวอย่างทองคำปลอมจากภูมิภาคบอร์เนียวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
การต้มตุ๋นของ Guzman ได้พังทลายลงหลังจากที่รัฐบาลอินโดนีเซียเริ่มสงสัย เป็นผลให้รัฐเพิกถอนการควบคุมเหมืองของ Bre-X ไป 45% Freeport McMoran บริษัทเหมืองแร่ในอเมริกา ได้ทำการขุดเจาะไปเยอะมากแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ โดยไม่พบทองคำแม้แต่เกล็ดเดียว ไม่มีจุดจบที่สวยงามสำหรับ Bre-X เนื่องจากมูลค่าของมันได้แตะถึงจุดต่ำสุดก่อนที่จะมีใครรู้ตัว
สิ่งที่เกิดขึ้นบางอย่างได้ถูกนำมาทำภาพยนตร์โดย Stephen Gaghan นำแสดงโดย Matthew McConaughey ภาพยนตร์อาชญากรรมปี 2016 นี้จะบอกเล่าเรื่องราวโดยอิงจากเรื่องอื้อฉาวของ Bre-X
Joseph Nacchio
เรื่องนี้เป็นหนึ่งในกลโกงการซื้อขายโดยใช้ข้อมูลภายในที่โด่งดังที่สุด ซึ่งส่งผลให้เกิดความสูญเสียที่มีมูลค่าสูงถึง 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
การซื้อขายโดยใช้ข้อมูลภายในคืออะไร? พูดง่าย ๆ ก็คือมันเป็นแผนต้มตุ๋นในการขายหุ้นที่ใคร ๆ ก็รู้ว่าจะต้องจมดิ่งลงในเร็ว ๆ นี้ เพื่อให้ประสบความสำเร็จ เราต้องรู้สถานการณ์ของตลาดหรือกระบวนการภายในบริษัทหนึ่งเป็นอย่างดี ซึ่งนั่นก็เป็นที่มาของคำว่าการซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้ข้อมูลภายใน
Joseph Nacchio เป็นหนึ่งในเทรดเดอร์หุ้นผู้ใช้ข้อมูลภายในที่เก่งที่สุดในโลก ในฐานะ CEO ของ Qwest Communications International คุณ Nacchio ได้โน้มน้าวให้ Wall Street ซื้อหุ้น Qwest โดยกล่าวว่าบริษัทกำลังจะก้าวกระโดดไปข้างหน้า แต่ในความเป็นจริงแล้ว คุณ Naccio ก็รู้ดีว่ามันไม่จริงเลย
คุณ Nacchio ได้ถูกตัดสินว่ามีความผิดใน 19 จาก 42 ข้อหาในการซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้ข้อมูลภายใน จากนั้นคุณ Nacchio ได้ถูกตัดสินให้จำคุก 6 ปีในคุกของรัฐบาลกลาง และได้รับคำสั่งให้คืนเงิน 52 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่เขาได้รับจากการซื้อขายหุ้นอย่างผิดกฎหมาย
Nick Leeson
พลาดหนังเรื่องไหนไปบ้างไหม? นี่คือหนังอีกเรื่องที่มีชื่อว่า "Rogue Trader" แล้วรู้อะไรไหม มันถูกสร้างจากเรื่องจริงเช่นกัน เรื่องราวของ Nicholas William Leeson อดีตเทรดเดอร์ตราสารอนุพันธ์จากอังกฤษ
ภาพยนตร์ในปี 1999 แสดงนำโดย Ewan McGregor ซึ่ง Nick Leeson พนักงานธนาคารของ Barings Bank ในชีวิตจริงได้ใช้สิ่งที่เรียกว่าบัญชีลับเพื่อปกปิดคำสั่งซื้อขายที่ขาดทุนของเทรดเดอร์ของเขาและเพื่อนบางคน เรื่องราวทั้งหมดได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ Leeson ต้องปกปิดข้อผิดพลาดหลายอย่างที่เกิดจากเพื่อนร่วมงานของเขาที่ปาร์ตี้หนักอยู่บ่อย ๆ ในที่สุดการกระทำดังกล่าวนำไปสู่การสูญเสียเป็นมูลค่า 1.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ดังที่ Leeson ได้กล่าวในภายหลังว่าเขาแค่อยากรักษางานของเขาไว้ ดังนั้นเขาจึงใช้บัญชีลับเพื่อซ่อนความผิดพลาดครั้งใหญ่นี้ นอกจากนี้ Leeson ได้ยืนยันว่าเขาไม่เคยใช้แผนการนี้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวเลย อย่างไรก็ตาม ในปี 1996 ได้มีการเปิดเผยว่าบัญชีธนาคารต่าง ๆ ที่มีมูลค่ารวม 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐล้วนมีความเชื่อมโยงกับเขา
หลังความผิดพลาดร้ายแรงที่ได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องของ Leeson ในปี 1995 Barings Bank ได้ขาดทุนไปมากถึง 827 ล้านปอนด์ และต่อมาก็ถูกประกาศว่าล้มละลาย Leeson ได้พยายามหนีคดีแต่แล้วก็ถูกจับและส่งตัวข้ามแดนไปยังสิงคโปร์
Nick Leeson ได้ถูกตัดสินให้จำคุก 6 ปีครึ่ง และได้รับการปล่อยตัวในปี 1999 เนื่องจากมีความประพฤติดีและมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ซึ่งเขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ อย่างไรก็ตาม Leeson ก็ยังโชคดีที่รอดชีวิตจากโรคนี้ได้
จนถึงวันนี้ Nick Leeson ยังคงอยู่ในวงการการซื้อขาย เพียงแต่ตอนนี้เขาใช้เงินของเขาเอง
Sam Bankman-Fried
เรื่องราวของ Sam Bankman-Fried เป็นเรื่องล่าสุดและโด่งดังที่สุดเช่นกัน อย่างที่หลาย ๆ คนคิดว่าเรื่องอื้อฉาว FTX อาจส่งผลกระทบระยะยาวต่ออุตสาหกรรมคริปโตทั้งหมด
FTX Trading Ltd. คืออดีตตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลและกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ถูกก่อตั้งโดย Sam Bankman-Fried และหุ้นส่วนของเขา Gary Wang ในปี 2019 ในปี 2021 บริษัทได้ประสบความสำเร็จสูงสุดโดยมีผู้ใช้มากกว่าหนึ่งล้านคน ทำให้บริษัทได้ครองอันดับสามของตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลยอดนิยม
ปัญหาได้เริ่มเกิดขึ้นในปี 2022 โดยได้มีการเปิดเผยว่า Alameda Research ซึ่งเป็นอีกบริษัทหนึ่งที่ก่อตั้งและดำเนินการโดย Bankman-Fried ได้ถือตำแหน่งขนาดใหญ่ที่มีมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐใน FTT โทเค็นดั้งเดิมของ FTX เมื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติมก็ได้เห็นว่าฐานการลงทุนของ Alameda นั้นอยู่ใน FTT เช่นกัน ซึ่งมันผิดปกติและน่าสงสัยที่ไม่ได้ลงทุนในสกุลเงินเฟียตหรือสกุลเงินดิจิทัลอื่นใด ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้ว บริษัทได้ดำเนินการในฐานะผู้สร้างสภาพคล่องของ FTX โดยการปั่นมูลค่าของ FTT ผ่านการซื้อจำนวนมหาศาล
ข้อมูลนี้ได้สร้างความกังวลให้กับนักลงทุน FTX ซึ่งนำไปสู่การขอถอนเงินจำนวนมหาศาลที่คิดเป็นมูลค่ารวมถึง 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตอนแรก FTX ได้ประกาศวิกฤตสภาพคล่อง จากนั้น บริษัทได้อ้างว่า FTT ที่มีมูลค่า 477 ล้านดอลลาร์สหรัฐได้ถูกขโมยไป
เหตุการณ์ที่โชคร้ายได้ส่งผลให้ FTX ล้มละลาย Sam Bankman-Fried ถูกจับกุม และอุตสาหกรรมคริปโตทั้งหมดต่างก็เริ่มกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น โดย Bankman-Fried จะถูกพิจารณาคดีในฤดูใบไม้ร่วงปี 2023
Sergei Mavrodi
กลโกงทางการเงินและเรื่องราวการต้มตุ๋นส่วนใหญ่มาจากประเทศฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นส่วนที่ร่ำรวยที่สุดในโลกและเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงทางการเงิน อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์ก็มีตัวอย่างที่ชัดเจนของการต้มตุ๋นทางการเงินครั้งใหญ่จากประเทศที่คุณคาดไม่ถึงอย่างเช่นรัสเซีย
หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ประเทศนี้ก็ได้ตกอยู่ในภาวะที่มีความวุ่นวายทางการเมืองและเศรษฐกิจ การรัฐประหารปี 1991 และเหตุการณ์รุนแรงที่ตามมาเป็นฉากหลังอันน่าสยดสยองสำหรับผลกระทบระยะยาวของเศรษฐกิจเสรีนิยมใหม่ที่ทำลายสิ่งที่เหลืออยู่ในสังคมนิยมที่สืบทอดมา
ความจริงเรื่องสถานการณ์ที่ย่ำแย่โหดร้ายของรัสเซียในยุค 90 ได้ก่อให้เกิดนักต้มตุ๋นหลายคนที่สัญญาว่าจะหาเงินง่าย ๆ ให้กับคนที่สิ้นหวัง หนึ่งในบุคคลที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ Sergei Mavrodi ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง MMM แชร์ลูกโซ่การเงินที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันออก
MMM ได้เริ่มต้นขึ้นในปี 1989 แต่ได้ไปถึงจุดสูงสุดในช่วงต้นปี 1994 เมื่อ Mavrodi ได้เปิดตัวแชร์ลูกโซ่ของเขาเอง ด้วยการโฆษณาเชิงรุกทางทีวี MMM ได้ดึงดูดพลเมืองรัสเซียทั่วไปด้วยคำมั่นสัญญาถึงผลกำไรที่น่าประทับใจ ดังที่หนึ่งในตัวละครในโฆษณาของ MMM ได้กล่าวว่า "ฉันไม่ใช่คนที่เกาะคนอื่นกิน ฉันเป็นหุ้นส่วน" แนวคิดคือการให้บุคคลลงทุนใน MMM ด้วยคำสัญญาว่าจะได้รับผลตอบแทนสุดบ้าคลั่งถึง 3,000% ต่อปี
อย่างที่คุณเดาได้ มีผู้โชคดีไม่กี่คนเท่านั้นที่เคยเห็นตัวเลขดังกล่าว ปัญหาได้เริ่มเกิดขึ้นในปีเดียวกันนั้น เมื่อนักลงทุน MMM หลายพันคนได้ประท้วงต่อต้านบริษัทของ Mavrodi แม้ว่าการต้มตุ๋นนี้จะสังเกตเห็นได้ชัดเจนมาก แต่ก็ไม่มีกฎหมายใดในสหพันธรัฐรัสเซียที่ต่อต้านแชร์ลูกโซ่ในเวลานั้น ดังนั้นจึงไม่มีความช่วยเหลือใด ๆ เข้ามาเลย
อย่างไรก็ตาม Sergei Mavrodi ได้ถูกกล่าวหาว่าหลบเลี่ยงภาษี สิ่งนี้ทำให้ Mavrodi ได้หลบหนีออกจากรัสเซียไปในที่สุด โดย MMM ได้ประกาศล้มละลายในปี 1997 บางแหล่งข้อมูลกล่าวว่า ได้ทำให้ผู้คนเกือบ 10 ล้านคนต้องหมดตัว ตามรายงาน เหยื่อ MMM 50 รายได้ฆ่าตัวตาย
Elizabeth Holmes
คุณเคยได้ยินเรื่องราวของ Theranos ไหม? ถ้าไม่เคย งั้นคุณจะพบว่าเรื่องนี้สนุกมากอย่างแน่นอน โดยมีโปรเจ็กต์สร้างภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วด้วยนะ
เชิญพบกับ Elizabeth Holmes สาวน้อยทรงสเน่ห์ อดีตผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีชีวภาพ และนักต้มตุ๋นที่ประกาศตัวอย่างเป็นทางการ อาชีพที่ขัดแย้งกันของ Holmes ในฐานะผู้ประกอบการได้เริ่มต้นขึ้นในปี 2003 ในตอนที่ Elizabeth สาวน้อยวัย 19 ปีในขณะนั้นได้ก่อตั้ง Theranos ซึ่งเป็นสตาร์ทอัปด้านนวัตกรรมการดูแลสุขภาพ แนวคิดนี้คือการฉีกกฎใหม่ ๆ ของการตรวจเลือดด้วยเครื่องตรวจเลือดแบบครบวงจรที่เป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่
เราได้พูดไปรึยังนะว่า Holmes ได้ลาออกจากสแตนฟอร์ดเพื่อมาเป็นผู้ประกอบการด้านการดูแลสุขภาพ? ใช่ เธอทำอย่างนั้นจริง ๆ แต่ข้อเท็จจริงนี้ส่งผลต่อสิ่งประดิษฐ์ของ Holmes ไหม? ก็อาจจะส่งผลนะ หรือบางทีมันก็ทำให้ภาพลักษณ์ของ Liz ดูดีขึ้นเล็กน้อย แต่ช่างเถอะ เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า
ขณะที่ Elizabeth ได้สร้างอาณาจักรเล็ก ๆ ของเธอเอง เธอได้ยืนกรานว่าผลิตผลของเธอจะกลายเป็นตัวเปลี่ยนเกม Liz ใช้สายสัมพันธ์ในครอบครัวของเธอเพื่อส่งเสริมธุรกิจของเธอ จัดหานักลงทุน และขอการสนับสนุนจากสถานประกอบการในอเมริกา รายชื่อผู้ที่ช่วยเหลือเธอในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงนักการเมืองและนักการทูตที่มีชื่อเสียงอย่าง Henry Kissinger และประธานาธิบดีของสหรัฐฯ คนปัจจุบันอย่าง Joe Biden ด้วย
สิ่งต่าง ๆ น่าจะทำได้ดีกว่านี้ในแง่ของการผลิต แต่ตามที่มีการเปิดโปงในภายหลังว่า Theranos มีนโยบายการจ้างงานที่แย่มาก วิทยาศาสตร์ที่น่าสงสัย และเทคนิคทางการค้าที่คลุมเครือ ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่ Theranos มี ได้แก่ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม กำหนดเวลาที่ไม่สมจริงสำหรับทีมผู้ผลิต และการขโมยอย่างเปิดเผย เนื่องจากบางส่วนของเครื่องจักร Theranos ได้ถูก "ยืม" มาจากเครื่องมือแพทย์จาก Siemens
หากจะสรุปให้สั้นลง เครื่องตรวจเลือด Theranos ได้กลายเป็นนวัตกรรมที่ล้มเหลวและใช้กับทางการแพทย์ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ในปี 2018 ได้มีการประกาศว่าบริษัทจะหยุดดำเนินการหลังจากที่ไม่สามารถหาผู้ซื้อได้ คุณคงพอจะเดาออกว่าข้อความนี้ได้สร้างความประหลาดใจที่ไม่น่าพอใจให้กับบรรดานักลงทุนของ Theranos
ในปี 2022 Liz Holmes ได้ถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาฉ้อโกงนักลงทุน แต่พ้นผิดในข้อหาฉ้อโกงผู้ป่วย ดังนั้น เรื่องราวของ Theranos จึงเป็นตัวอย่างที่ใหม่และสมบูรณ์แบบของแผนการลงทุนที่ฉ้อฉล โดยอิงตามคำกล่าวอ้างของนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ให้คำมั่นสัญญากับนักลงทุนว่าจะได้รับผลตอบแทนมหาศาลโดยปราศจากผลลัพธ์ที่น่าผิดหวังและการขาดทุนอย่างหนัก
สรุป
สถิติแสดงให้เห็นว่ามีผู้คนประมาณ 30 ล้านคนตกเป็นเหยื่อของการต้มตุ๋นทางการเงินทุกปี ซึ่งเป็นจำนวนที่เยอะสุด ๆ ไปเลย! เรื่องราวที่คุณได้เรียนรู้ไปในวันนี้เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกการเงินในปัจจุบัน ยังมีนักต้มตุ๋นอีกมากที่อยากช่วยคุณกำจัดเงินของคุณเองทิ้ง และถ้าคุณต้องการคำแนะนำหนึ่งข้อเพื่อให้เงินของคุณไม่ตกอยู่ในอันตรายละก็ นี่คือคำแนะนำของเรา อย่าหลงเชื่อคำสัญญาที่ว่าจะได้เงินง่าย ๆ เพราะเมื่อคุณทำเช่นนั้น สิ่งเลวร้ายก็จะเริ่มเกิดขึ้น
ในตอนที่คุณกำลังมองหาตัวเลือกการลงทุน ให้ลองใช้บริษัทนายหน้าที่น่านับถือที่มีประสบการณ์หลายปี มีเงื่อนไขที่ชัดเจน และมีชื่อเสียงที่มั่นคง FBS คือหนึ่งในบริษัทดังกล่าวที่ช่วยจัดหาเครื่องมือในการซื้อขาย รวมถึงมีซอฟต์แวร์ที่ทันสมัย การศึกษาฟรี และเงื่อนไขที่ดี ๆ