โอไมครอนคุกคามตลาด แต่...

อ่านบทความบนเว็บไซต์ของ FBS

ข่าวการกลายพันธุ์ของโอไมครอนมาพร้อมกับ การเทขาย Black Friday ที่เลวร้ายที่สุดใน Wall Street นับตั้งแต่ปี 1931 สายพันธุ์ใหม่จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อตลาดและเศรษฐกิจ? ความสัมพันธ์ของอัตราเงินเฟ้อกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยคืออะไร และมันจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อสิ่งเหล่านั้น?

ผลกระทบของโอไมครอนที่มีต่อตลาดคืออะไร?

ครั้งหนึ่ง ตลาดได้ตอบสนองอย่างมีเหตุผลและเป็นไปตามตรรกะ ใช่ การที่ค้นพบว่าเชื้อได้แพร่กระจายมากขึ้น มีสายพันธุ์ใหม่ๆมากขึ้น และการที่รัฐบาลได้สร้างข้อจำกัดใหม่ๆในการเดินทางแบบทันที ได้ทำให้เศรษฐกิจโลกเกิดความไม่แน่นอน ตลาดได้เห็นการเทขาย อย่างรุนแรงตั้งแต่ช่วงปลายปี 2020

แม้ว่านักลงทุนจะยอมรับวิถีชีวิตแบบ New Normal ที่ไวรัสโคโรน่าไม่ได้หายไปแต่สามารถควบคุมได้ แต่คลื่นของการเทขายจากความระมัดระวังก็เกิดขึ้น และการเก็บไรก็เป็นเรื่องจำเป็น

รายงานเบื้องต้นระบุว่าโอไมครอนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตน้อยกว่า เมื่อมีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง แม้ว่ามันจะแพร่กระจายได้ไวและ ผู้คนสามารถติดเชื้อกันได้อย่างรวดเร็วก็ตาม หากเป็นเช่นนั้นมันอาจเป็นผลดีต่อตลาด หากเราสามารถทำให้แน่ใจได้ว่าโอไมครอนไม่ใช่ภัยคุกคามหลัก นี่จะเป็น โอกาสในการซื้อหุ้นที่ราคาร่วงลง ด้วยราคาที่ต่ำกว่าโดยเฉพาะในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ การกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง

โอไมคอรนจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อตลาด?

ผลกระทบของโอไมครอนจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของผลกระทบ หากเป็นเหมือนสายพันธุ์เดลต้าในไตรมาสที่สาม Goldman Sachs คาดว่า GDP โลกจะลดลง 0.4% ในปี 2022

นักวิเคราะห์ของธนาคารได้ระบุสี่วิธีที่โอไมครอนและเศรษฐกิจอาจเป็นไปได้ สถานการณ์ "สัญญาณเตือนหลอก" ที่โอไมคอรน แพร่กระจายได้เร็วกว่าเดลต้า และผลกระทบของมันที่มีต่อ เศรษฐกิจนั้นน้อยมาก สถานการณ์เชิงลบที่โอไมครอนแพร่กระจาย ได้เร็วกว่าเดลต้าแต่ไม่ได้เป็นอันตรายถึงตายอย่างมีนัยสำคัญ และมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจเพียงเล็กน้อย สถานการณ์ "เชิงลบอย่างรุนแรง" ที่โอไมครอนได้ กลายเป็นโรคติดต่อและเป็นอันตรายถึงชีวิตมากกว่าเดลต้า ซึ่งนำไปสู่การล็อกดาวน์และภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ อีกระลอกหนึ่ง และสุดท้าย สถานการณ์ "เชิงบวก" ที่โอไมครอน แพร่กระจายได้เร็วกว่าเดลต้าแต่ก็มีอันตรายถึงชีวิตน้อยมาก ดังนั้นเศรษฐกิจโลกก็สามารถขยายตัวได้ แม้ว่าจะประสบ กับปัญหาอย่างหนักก็ตาม

โอไมครอนจะส่งผลกระทบต่อกระบวนการกระชับนโยบาย และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่?

โอไมครอนได้โจมตีโลกไปเพียงไม่กี่สัปดาห์หลัง ธนาคารกลางรายใหญ่ต่างๆได้ตัดสินใจปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย เฟดได้มีแนวโน้มที่จะเร่งกระบวนการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการลดการซื้อพันธบัตรในอัตราที่เร็วขึ้นกว่าปัจจุบัน ธนาคารกลางอังกฤษมีแนวโน้มที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่ธนาคารกลางยุโรปกำลังวางแผนที่จะลดการซื้อ พันธบัตรฉุกเฉินในยูโรโซน

ธนาคารกลางต่างๆต่างพากันเร่งมือเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่รุนแรง ที่ได้แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ทศวรรษในสหรัฐอเมริกา, สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของยูโรโซน และพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุด ในรอบ 10 ปีในสหราชอาณาจักร

อย่างไรก็ตามโอไมครอนอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางตั้งคำถาม เกี่ยวกับเวลาและขอบเขตของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ พวกเขาควรคาดการณ์ท่ามกลางเงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงไป ตลาดได้ขึ้นราคาไว้แล้วจากความคาดหวังว่าธนาคารกลาง จะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า

เฟดจะทำอย่างไร?

นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ได้กล่าวว่า "จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นและการมาของสายพันธุ์โอไมครอน ได้ทำให้เกิดความเสี่ยงด้านลบต่อการจ้างงานและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นสำหรับอัตราเงินเฟ้อ" เขากล่าวต่อว่า "ความกังวลเรื่องไวรัสที่เพิ่มมากขึ้นอาจลด ความเต็มใจของผู้คนที่จะทำงานโดยไปปรากฏตัวในที่ทำงาน ซึ่งจะทำให้ความคืบหน้าในตลาดแรงงานช้าลง และทำให้ ซัพพลายเชนหยุดชะงักลง" ดังนั้นจึงได้มีการคาดว่าในการประชุมในเดือนนี้ โอไมครอนจะขัดขวางไม่ให้เฟดทำการเปลี่ยนแปลงใดๆ กับนโยบาย การมาของสายพันธุ์โอไมครอนทำให้เกิดความสับสน ในการตัดสินใจกระชับนโยบายและเพิ่มอัตราดอกเบี้ย

โอไมครอนจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อวิกฤตเงินเฟ้อและซัพพลายเชน?

ผลกระทบของโอไมครอนที่มีต่ออัตราเงินเฟ้อนั้นยังไม่ชัดเจน และมีความคลุมเครือ สิ่งที่จะเกิดนั้นมีความเป็นได้อยู่สองอย่าง แต่ด้วยความที่มัน ต่างกันโดสินเชิงจึงมีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่จะเกิดขึ้น

เรื่องแรกคือโอไมครอนจะทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นอีก เนื่องจากมันอาจเพิ่มความกังวลที่เรามีในปัจจุบันเนื่องจาก ปัญหาคอขวดในซัพพลายเชนที่ส่งผลต่อการผลิต ส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการพุ่งสูงขึ้น หากเรากลับไปล็อกดาวน์อีกครั้งและเศรษฐกิจชะลอตัวลง การเติบโตและการผลิตจะลดลงอีกครั้ง และวิกฤตด้านอุปทาน จะเลวร้ายลง ซึ่งจะทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นไปอีกนาน

ประเทศที่พัฒนาแล้วอาจไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากโอไมครอน แต่อาจได้รับผลกระทบจากด้านอื่นๆ เนื่องจากการกระจายวัคซีนอย่างไม่เท่าเทียมกันในประเทศกำลังพัฒนา เศรษฐกิจในประเทศเหล่านี้จึงไม่อาจฟื้นตัวได้เหมือนประเทศใหญ่ๆ ประเทศที่กำลังพัฒนาเป็นแกนหลักของซัพพลายเชนที่สำคัญ ของเศรษฐกิจโลก ดังนั้นความล่าช้าในการฉีดวัคซีนจึงเป็นอันตรายต่อเสถียรภาพ ของเศรษฐกิจโลก เพราะมันขัดขวางการฟื้นตัวของกิจกรรม ทางเศรษฐกิจในประเทศกำลังพัฒนาซึ่งทำให้ซัพพลายเชนหยุดชะงัก ด้วยการค้นพบสายพันธุ์โอไมครอน และความล่าช้าในการฉีดวัคซีน ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้สินค้าโภคภัณฑ์และวัตถุดิบยังคง ขาดแคลนอยู่เรื่อยๆ และสิ่งนี้อาจผลักดันราคาสินค้าที่จำเป็นใน ประเทศตะวันตกให้สูงขึ้นเรื่อยๆ

เรื่องที่สองคืออัตราเงินเฟ้อจะลดลงพร้อมกับความกังวล เรื่องสายพันธุ์โอไมครอนที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากความต้องการ จะลดลงอีกครั้งเนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอ่อนแอลง และพวกเขาจะอยู่บ้านเพราะกลัวว่าจะติดเชื้อ สิ่งนี้จะลดแรงกดดันต่อโรงงานต่างๆและบรรดาผู้ให้บริการต่างๆ รวมทั้งลดราคาและเงินเฟ้อ

เริ่มเทรด

Amira Mohey

แบ่งปันกับเพื่อน:

คล้ายกัน

ข่าวล่าสุด

เปิดทันที

FBS เก็บรักษาข้อมูลของคุณไว้เพื่อใช้งานเว็บไซต์นี้ เมื่อกดปุ่ม "ยอมรับ" ถือว่าคุณยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเรา