Coinbase (#COIN) มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 773 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 1 ปี 2024 โดยเพิ่มขึ้น 23% จากไตรมาสก่อนและเกินความคาดหวังของนักวิเคราะห์
การลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา
อัปเดทแล้ว • 2024-05-28
ช่วง 100 ปีที่ผ่านมาได้เห็นความก้าวหน้าและการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมากมายในโลกของการลงทุน จากการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ต ไปจนถึงการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์การลงทุนใหม่ ๆ นักลงทุนมีโอกาสมากมายที่จะรับประโยชน์จากสิ่งที่ตลาดเสนอให้เพื่อตัวเอง ผู้เชี่ยวชาญของ FBS ต้องการแสดงให้คุณเห็นถึงแนวโน้มที่น่าทึ่งที่สุดและขยายความเข้าใจเรื่องตลาดของคุณด้วยบทความนี้ คุณจะพบข้อมูลอ้างอิงจำนวนมากและรูปแบบที่คล้ายคลึงกันเมื่อตลาดคลี่คลาย
ช่วงทศวรรษที่ 1960 และดัชนี Nifty Fifty
ดัชนี Nifty Fifty เป็นกลุ่มของ 50 หุ้นบลูชิป ที่มีการเติบโตสูงที่เป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนในช่วงทศวรรษที่ 1960 หุ้นหลายตัวในกลุ่มนี้จะเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมที่ใหม่และเป็นนวัตกรรม เช่น เทคโนโลยีและการดูแลสุขภาพ ที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว IBM, Xerox และ McDonald's ล้วนเป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมที่มีความหลากหลายที่ให้ความรู้สึกมหัศจรรย์ในช่วงทศวรรษที่ 1960
พวกมันได้กลายเป็นที่รู้จักในนามหุ้น "ซื้อแล้วถือยาว" เนื่องจากนักลงทุนต่างได้รับการบอกกล่าวจากบุคคลต่าง ๆ เช่น ศาสตราจารย์ Jeremy Siegel แห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ว่าพวกเขาสามารถซื้อแล้วถือไว้ตลอดไปได้เลย อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ที่ชาญฉลาดมักจะรู้ว่าทุกสินทรัพย์มีแนวโน้มที่จะปรับฐานหลังการพุ่งขึ้น
ผลลัพธ์ของการเติบโตอย่างมหาศาลใน "หุ้นบลูชิปในยุค 60" นั้นสูงกว่าอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้นตามปกติ อัตราส่วนนี้จะแสดงความสัมพันธ์ระหว่างมูลค่าตลาดปัจจุบันของบริษัทและผลประกอบการของบริษัท หากอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้นสูงเกินไป เช่นเดียวกับของ Tesla เมื่อต้นปี 2021 (1102) นั่นแสดงว่านักลงทุนได้ประเมินราคาหุ้นบริษัทสูงเกินจริง เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้นที่เป็นกลางในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีมักจะอยู่ที่ 25-30
อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้นของ Tesla
ช่วงทศวรรษที่ 1970 สินค้าโภคภัณฑ์ และภาวะเงินฝืด
แนวโน้มขาขึ้นในดัชนี Nifty Fifty ได้สิ้นสุดลงในตอนต้นของช่วงทศวรรษที่ 1970 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีอัตราเงินเฟ้อสูงที่สุด มีความขัดแย้งเรื่องน้ำมัน และการปรับดอกเบี้ยขึ้นเป็นสองเท่าของธนาคารกลางสหรัฐฯ
แหล่งที่มา: YCharts
หลังจากนั้นก็ถึงเวลาที่ตลาดเกิดใหม่จะก้าวเข้าสู่เกม หลายประเทศที่กำลังพัฒนา เช่น อินเดีย ได้ประสบกับการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ 1970 ซึ่งทำให้นักลงทุนพากันตบเท้าเข้าสู่ตลาดที่มีการเติบโตเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น อินเดียได้แสดงอัตราการเติบโตของ GDP เฉลี่ยที่ 6-7% ในช่วงทศวรรษที่ 1970 ทำให้ประเทศนี้เป็นหนึ่งในประเทศที่มีผลประกอบการดีที่สุด
แหล่งที่มา: tradingeconomics
แต่นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1970 ข้อตกลงเบรตตันส์วูดส์ (Bretton Woods) ได้กำหนดให้ผูกค่าเงิน USD เข้ากับทองคำ และได้มีบทบาทสำคัญในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังสงครามโลกครั้งที่สอง อย่างไรก็ตาม ระบบได้เริ่มพังทลายลงในช่วงปลายทศวรรษที่ 1960 เนื่องจากความไม่สมดุลของเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มสูงขึ้น และการที่สหรัฐฯ ไม่สามารถรักษาอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ระหว่างดอลลาร์และทองคำได้ ในปี 1971 สหรัฐอเมริกาได้ยกเลิกมาตรฐานทองคำ และระบบเบรตตันส์วูดส์ก็ได้ถูกล้มไปโดยปริยาย การสิ้นสุดลงของข้อตกลงเป็นสาเหตุที่ ราคาน้ำมัน พุ่งสูงขึ้น ซึ่งทำให้มันเป็นการลงทุนที่ดีที่สุดในรอบทศวรรษ
แหล่งที่มา: Bloomberg ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2021
หนึ่งในแนวคิดการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ผ่านมาคือวิวัฒนาการของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง เช่น Apple, Microsoft และ Amazon ได้เติบโตขึ้นจนกลายเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดและทำกำไรได้มากที่สุดในโลก การลงทุนในบริษัทเหล่านี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ในช่วงที่กำลังเติบโต อาจส่งผลให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่สูงมาก
ช่วงทศวรรษที่ 1980 ความรุ่งเรืองและการล่มสลายของญี่ปุ่น
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้ประสบกับความรุ่งเรืองและการล่มสลายในช่วงทศวรรษที่ 1980 ด้วยเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1980 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม "เศรษฐกิจฟองสบู่" ที่ถูกขับเคลื่อนโดยการเติบโตทางเศรษฐกิจและการเก็งกำไร ในช่วงเวลานี้ ราคาหุ้นได้พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ และมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์และสินทรัพย์อื่น ๆ ก็ได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในที่สุดฟองสบู่นี้ก็แตก ส่งผลให้ราคาหุ้นลดลงอย่างรวดเร็วและเศรษฐกิจญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะถดถอย สภาวะตลาดหุ้นล้มในปี 1990 ได้ทำลายความมั่งคั่งหลายพันล้านดอลลาร์และทำให้หลายบริษัทล้มละลาย แม้จะมีความพยายามที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ตลาดหุ้นก็ไม่ฟื้นตัว และดัชนี Nikkei 225 (JP225) ก็ยังต่ำกว่าในช่วงทศวรรษที่ 1980
แหล่งที่มา: FRED
ช่วงทศวรรษที่ 1990 ช่วงเวลาก่อนเกิดฟองสบู่ดอทคอม
แล้วจู่ ๆ อินเทอร์เน็ตก็โผล่ขึ้นมา สร้างโฆษณาที่เกินจริงและยกย่องบริษัทอินเทอร์เน็ตที่ผู้คนเคยเรียกกันในชื่อบริษัทดอทคอม นักลงทุนได้เริ่มตีราคาหุ้นของทุกบริษัทที่ทำงานกับอินเทอร์เน็ตมากเกินไป และโลกได้เริ่มคิดว่าบริษัทอินเทอร์เน็ตจะยังคงเติบโตอย่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อและจะไม่หยุดนิ่ง ฟองสบู่ได้เกิดขึ้นในช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 ในช่วงเวลานี้ ตลาดได้รับแรงหนุนจากปัจจัยอื่น ๆ หลายประการ รวมถึงเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ
อย่างไรก็ตาม ในที่สุดฟองสบู่นี้ก็แตก ซึ่งนำไปสู่การลดลงอย่างมากของราคาหุ้นและการชะลอตัวของเศรษฐกิจ บางบริษัท เช่น AT&T ก็ไม่เคยฟื้นตัวอย่างเต็มที่ บริษัทอื่น ๆ เช่น Amazon ต้องใช้เวลาเกือบสิบปีในการที่จะไปให้ถึงระดับสูงสุดตลอดกาลก่อนหน้านี้ โดยเฉลี่ยแล้ว ดัชนี US100 (NASDAQ) ได้สูญเสียมูลค่าตลาดไป 83% อย่างไรก็ตาม ดัชนีได้เติบโตเกือบ 3000% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
แหล่งที่มา: tradingview
ตลาดเกิดใหม่ในช่วงทศวรรษที่ 2000
อย่างที่คุณเห็น ราคาตลาดของหุ้นที่สูงกว่าราคาที่ประเมินได้นั้นเป็นปัญหาทั่วไปที่เกิดขึ้นในตลาดเกือบทุกทศวรรษ ซึ่งนำไปสู่ความเสี่ยงสูงและการขาดทุนจำนวนมหาศาล ประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอย ซึ่งในปี 2000 เราได้เห็นราคาตลาดของหุ้นที่สูงกว่าราคาที่ประเมินได้อีกรอบ ในครั้งนี้ ตลาดเกิดใหม่ก็ได้ตกอยู่ในความสนใจของสาธารณชน
เงินลงทุนจำนวนมหาศาลจากต่างประเทศได้ไหลไปยังประเทศเกิดใหม่ที่มีความเสี่ยงและผลตอบแทนสูงกว่า ตัวอย่างเช่น รัสเซียได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น และมาตรวัดหุ้นหลักได้เติบโตขึ้น 880% ในช่วงทศวรรษนี้ แม้ว่าตลาดจะล้มไปในปี 2008
ตลาดอื่น ๆ ที่ให้ผลตอบแทนสูง ได้แก่ บราซิลที่มีการเติบโตมากกว่า 300% อินเดีย และจีน ในขณะเดียวกัน ดัชนี US500 ได้ปิดรอบทศวรรษไปด้วยการขาดทุนหลายเปอร์เซ็นต์
แหล่งที่มา: Seeking Alpha
หุ้นกลุ่ม FAANG ในช่วงทศวรรษที่ 2010
หนึ่งในช่วงทศวรรษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีได้เริ่มต้นในปี 2010 FAANG ย่อมาจาก Meta (ชื่อเดิมคือ Facebook), Apple, Amazon, Netflix, และ Alphabet (ตัว "G" หมายถึง Google) แม้ว่าชื่อที่เป็นตัวอักษรย่อนี้จะถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกในโลกการเงิน แต่โดยทั่วไปแล้วมันจะถูกใช้ในภาษาพูดเพื่ออธิบายถึงผู้เล่นหลักในโลกเทคโนโลยีของอเมริกา
หุ้นกลุ่ม FAANG ได้ครองตลาดโดยมี Netflix เป็นผู้นำ ซึ่งเติบโตมากกว่า 4,100% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน Apple ก็ได้กลายเป็นบริษัทแรกที่มีมูลค่าตลาดถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2018 แล้วต่อมา Apple ได้กลายเป็นบริษัทแรกที่มีรายได้มากถึง 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
บริษัทเหล่ามีผลประกอบการที่ดีมาก ๆ จนตอนนี้เทรดเดอร์รายย่อยต่างก็คิดว่าการเติบโตของ FAANG จะยังคงรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ 2020 อย่างไรก็ตาม ตลาดก็มีความเห็นที่แตกต่างอยู่ด้วย
บทสรุปและช่วงทศวรรษที่ 2020
ทศวรรษนี้ยังมีอะไรอีกหลายสิ่งที่จะแสดงออกมา แนวคิดต่าง ๆ ในการลงทุนกำลังเกิดขึ้นผ่านวิกฤตการเงิน ภาวะเงินฝืด ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และความขัดแย้งต่าง ๆ ช่วงเวลาของ FAANG ได้ผ่านไปแล้ว บริษัทและอุตสาหกรรมใหญ่ ๆ อื่น ๆ จะรุ่งเรืองและเฟื่องฟู
ในบรรดาแนวคิดการลงทุนที่ดีที่สุดของทศวรรษ เราจะคิดถึงพลังงานสีเขียว เหมืองยูเรเนียม เทคโนโลยี บล็อกเชน และตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย
โดยรวมแล้ว ศตวรรษที่ผ่านมาได้เห็นแนวคิดการลงทุนที่ยอดเยี่ยมมากมายที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถเพิ่มพูนความมั่งคั่งและบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้ เราอาจเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ได้มากมาย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออย่าลืมควบคุมความเสี่ยงของคุณ เพราะดูเหมือนว่ามันจะเป็นทักษะที่ดีที่สุดตลอดกาล
คล้ายกัน
ก่อนหน้านี้ เรามีการประเมินว่า ให้รอเข้าเทรด BUY Nikkei (JP225) ที่ระดับ 34,00 จุด โดยสามารถตั้งจุด TP ได้ที่บริเวณ 37,000 จุด
ดัชนีตลาดหุ้น Nasdaq (US100) ปรับตัวลงไปทำจุดต่ำที่สุดบริเวณ 16,181.1 จุด ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
ข่าวล่าสุด
ก่อนหน้านี้ เรามีการประเมินว่าให้รอเข้าเทรด SELL XAUUSD ที่ระดับ 2,180 ดอลลาร์ โดยสามารถตั้งจุด TP ได้ที่บริเวณ 2,130 ดอลลาร์ และตั้งจุด SL
ก่อนหน้านี้ เรามีการประเมินว่า ให้รอเข้าเทรด BUY NASDAQ (US500) ที่ระดับ 17,200 จุด โดยสามารถตั้งจุด TP ได้ที่บริเวณ 19,300 จุด และตั้งจุด SL
ก่อนหน้านี้ เรามีการประเมินว่า ให้รอเข้าเทรด BUY S&P 500 (US500) ที่ระดับ 4,850 จุด โดยสามารถตั้งจุด TP ได้ที่บริเวณ 5,200 จุด