ตัวบ่งชี้ ZigZag คืออะไร?
ZigZag เป็นหนึ่งในตัวบ่งชี้ทางเทคนิคที่เก่าแก่ที่สุดที่มาจากตลาดหุ้นซึ่งถูกนำมาใช้ในการเทรดสกุลเงิน ช่วยให้เทรดเดอร์เห็นภาพโครงสร้างของตลาด
ตัวบ่งชี้ ZigZag คืออะไร?
ตัวบ่งชี้ ZigZag เป็นวิธีการวัดการเคลื่อนไหวของราคาโดยตัดสัญญาณรบกวนที่ไม่จำเป็นออก มันจะทำงานโดยการคำนวณระยะห่างระหว่างการแกว่งตัวของราคา (จุดสูงสุดและจุดต่ำสุด) จากนั้นตัวบ่งชี้นี้จะคำนวณการดึงกลับ หากการดึงกลับมากกว่าจำนวนที่คาดไว้ การเคลื่อนไหวของราคาจะถือว่าสิ้นสุด
ตัวบ่งชี้ ZigZag จะช่วยให้เทรดเดอร์กำจัดการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ ของราคาออกไปโดยอัตโนมัติ ซึ่งการใช้มันอาจช่วยให้เห็นภาพโครงสร้างตลาดที่ชัดเจนขึ้น
วิธีคำนวณตัวบ่งชี้ ZigZag
เราจะเริ่มต้นจากสูตรที่ซับซ้อนสำหรับเทรดเดอร์ขั้นสูง แล้วจากนั้นค่อยสลับไปเป็นเวอร์ชันที่ง่ายขึ้น
สูตรนี้จะมีประโยชน์มากหากคุณต้องการตั้งค่าตัวบ่งชี้ Zig Zag ของคุณเอง และหากคุณเพียงแค่อยากเข้าใจว่าตัวบ่งชี้ Zig Zag ทำงานอย่างไร นี่คือเคล็ดลับบางส่วน
- เลือกจุดเริ่มต้น (จุดสวิงสูงสุดหรือจุดสวิงต่ำสุด)
- เลือก % การเคลื่อนไหวของราคา
- ระบุจุดสวิงสูงสุดหรือจุดสวิงต่ำสุดถัดไปที่แตกต่างจากจุดเริ่มต้น => % การเคลื่อนไหวของราคา
- ลากเส้นแนวโน้มจากจุดเริ่มต้นไปยังจุดใหม่
- ระบุจุดสวิงสูงสุดหรือจุดสวิงต่ำสุดถัดไปที่แตกต่างจากจุดเริ่มต้น => % การเคลื่อนไหวของราคา
- ลากเส้นแนวโน้ม
- ทำซ้ำกับจุดสวิงสูงสุดหรือจุดสวิงต่ำสุดล่าสุดไปเรื่อย ๆ
"=>" หมายถึง "มากกว่าหรือเท่ากับ" (เช่น X =>; 5 หมายถึง "X มากกว่าหรือเท่ากับ 5")
หากต้องการติดตั้งตัวบ่งชี้ Zig Zag คุณต้องดาวน์โหลดจาก เว็บไซต์ MQL5 และทำตามบทช่วยสอนของเราเกี่ยวกับ วิธีติดตั้งตัวบ่งชี้ที่กำหนดเองใน MetaTrader
ตัวบ่งชี้ ZigZag ทำงานอย่างไร?
จุดประสงค์หลักของ ZigZag คือการกรองการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ และหลอกตาของราคาเพื่อมุ่งเน้นไปที่การแกว่งตัวและแนวโน้มที่สำคัญ ZigZag จะระบุราคาสูงสุดและต่ำสุดที่สำคัญที่สุดแล้วเชื่อมต่อพวกมันด้วยเส้นตรงโดยไม่สนใจความผันผวนเล็ก ๆ น้อย ๆ
ZigZag ไม่ได้พยายามคาดการณ์ราคาในอนาคต มันแค่ช่วยให้เข้าใจการเคลื่อนไหวที่ผ่านมาของตลาดเท่านั้น ถึงกระนั้น การคาดการณ์บางอย่างอาจเกิดขึ้นเมื่อรวมกับรูปแบบราคาและตัวบ่งชี้อื่น ๆ
วิธีปรับใช้ตัวบ่งชี้ ZigZag กับ MetaTrader 4
หากต้องการเพิ่มตัวบ่งชี้ ZigZag ลงในกราฟ ให้คลิก "Insert" เลือก "Indicators" จากนั้นเลือก "Custom" จากนั้น คุณก็จะสามารถเลือก "ZigZag" ได้ ตัวบ่งชี้นี้จะมีค่าพารามิเตอร์ 3 ค่า ได้แก่ Depth, Deviation และ Backstep
Depth คือ จำนวนแท่งเทียนขั้นต่ำที่จะไม่พิจารณาจุดสูงสุด/ต่ำสุด หากจุดสูงสุด/ต่ำสุดถูกพบไปแล้วโดยการใช้ค่าเบี่ยงเบน
Deviation คือ ระยะทางที่สั้นที่สุด (เป็น %) ระหว่างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของแท่งเทียน 2 แท่งที่อยู่ติดกัน ซึ่งจะทำให้ตัวบ่งชี้สร้างจุดสูงสุดหรือต่ำสุดย่อย
Backstep คือ จำนวนแท่งเทียนขั้นต่ำระหว่างจุดสูงสุดหรือต่ำสุดย่อย
ด้านล่างนี้ คุณจะเห็นพารามิเตอร์เริ่มต้นของ Zigzag ใน MetaTrader 4 คุณสามารถปรับตัวเลขที่ทำให้ตัวบ่งชี้มีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของราคามากขึ้น/น้อยลงได้ หากคุณลดค่าของค่าพารามิเตอร์ จำนวนของจุดสูงสุดและต่ำสุดย่อยจะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีเส้น ZigZag บนกราฟมากขึ้น
ข้อดีและข้อเสียของตัวบ่งชี้ ZigZag
การใช้จุดแข็งของ ZigZag เป็นสิ่งจำเป็น ในขณะเดียวกันก็ต้องพยายามลดผลกระทบของจุดอ่อนที่มีต่อการเทรดของคุณด้วย
ข้อดีหลัก ๆ ของ ZigZag คือ:
- แสดงการเคลื่อนไหวที่สำคัญที่สุดของราคา และตัดสัญญาณรบกวนของตลาดออกไป
- ใช้งานได้ในหลายกรอบเวลาที่แตกต่างกัน
- ให้ผลลัพธ์ที่ดีเมื่อใช้ร่วมกับตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอื่น ๆ
ข้อเสียของ ZigZag คือ:
- แสดงราคาสูงสุดหรือต่ำสุดล่าสุดที่ล่าช้า
- การยืดตัวท้าย ๆ ของตัวบ่งชี้ (ที่เกี่ยวข้องกับราคาปัจจุบัน) อาจถูกวาดใหม่
วิธีใช้ตัวบ่งชี้ ZigZag ในการเทรด
ZigZag จะแสดงจุดสูงสุดและต่ำสุดบนกราฟ มันจะช่วยคุณในการระบุแนวรับและแนวต้าน
ZigZag ยังช่วยให้สามารถระบุแนวโน้มได้ง่ายขึ้นอีกด้วย จุดสูงสุดที่สูงขึ้นและจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้น ในขณะที่จุดสูงสุดที่ต่ำลงและจุดต่ำสุดที่ต่ำลงจะแสดงถึงแนวโน้มขาลง หากคุณใช้กลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้ม ตัวบ่งชี้ ZigZag จะไม่ให้สัญญาณเข้าเทรด แต่จะช่วยคุณตัดสินใจว่าคุณต้องมองหาสัญญาณแบบใดเพื่อเข้าซื้อในแนวโน้มขาขึ้น หรือเข้าขายในแนวโน้มขาลง นอกจากนี้ มันยังช่วยหาที่วาง Stop Loss ได้อีกด้วย
ZigZag ยังช่วยในการระบุรูปแบบกราฟได้เช่นกัน ประการแรก มันช่วยในการระบุรูปแบบ 1-2-3 ที่ส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงทิศทางของตลาด นอกจากนี้ มันยังช่วยในการระบุรูปแบบ "Head and Shoulders", "Double Tops", "Flags" และอื่น ๆ
ZigZag และเครื่องมือและตัวบ่งชี้อื่น ๆ
ตัวบ่งชี้ ZigZag มักถูกนำมาใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ (Bollinger bands, Fractals, Fibonacci และ Elliott Waves) เพื่อระบุการแกว่งตัวของราคา ตัวอย่างเช่น ใช้ ZigZag ร่วมกับ Fibonacci จะกลายเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับการค้นหาจุดสิ้นสุดของการปรับฐานภายในแนวโน้มหลัก การปรับฐานมักจะสิ้นสุดที่ 38.2%, 50% หรือ 61.8% เพื่อทำให้การวิเคราะห์ของคุณแม่นยำยิ่งขึ้น คุณสามารถใช้ออสซิลเลเตอร์เพื่อช่วยยืนยันได้
ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อใช้ตัวบ่งชี้ ZigZag
การตีความสัญญาณรบกวนของตลาดอย่างผิด ๆ
หนึ่งในหน้าที่หลักของตัวบ่งชี้ ZigZag คือการกรองสัญญาณรบกวนของตลาด แต่ข้อผิดพลาดทั่วไปคือการตีความทุกการเคลื่อนไหวว่าเป็นแนวโน้มที่สำคัญ การตั้งค่าพารามิเตอร์ของคุณอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้แน่ใจว่าความผันผวนเล็ก ๆ น้อย ๆ ของราคาจะไม่ทำให้กลยุทธ์การซื้อขายของคุณผิดพลาด
การพึ่งพา ZigZag เพียงอย่างเดียวมากเกินไป
ในขณะที่ตัวบ่งชี้ ZigZag เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการระบุแนวโน้มราคาและรูปแบบตลาด แต่ก็ไม่ควรใช้มันเพียงอย่างเดียว มันถูกออกแบบมาเพื่อใช้ร่วมกับตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอื่น ๆ เช่น Bollinger bands, Fractals, Fibonacci และ Elliott Waves
ตัวบ่งชี้อาจมีความล่าช้าในการระบุจุดสูงสุดหรือต่ำสุดล่าสุดในตลาด และส่วนล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับราคาปัจจุบันอาจถูกวาดใหม่ ดังนั้น สัญญาณใด ๆ ที่มันให้มาควรได้รับการยืนยันด้วยตัวบ่งชี้อื่น ๆ
ไม่สนใจทิศทางของแนวโน้ม
ZigZag จะช่วยให้เห็นภาพโครงสร้างของตลาดโดยการเชื่อมต่อจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม บางครั้งเทรดเดอร์อาจมองข้ามทิศทางของแนวโน้มโดยรวม แต่กลับไปให้ความสนใจกับจุดสูงสุดและต่ำสุดแต่ละจุดแทน โปรดจำไว้ว่าทิศทางของแนวโน้มโดยรวม ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง ต่างก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเทรดที่ประสบความสำเร็จ ZigZag ควรถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการยืนยันทิศทางของแนวโน้ม ไม่ใช่เพื่อทำนายแนวโน้ม
สรุป
สรุปแล้ว ตัวบ่งชี้ ZigZag เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ต่อการกรองความผันผวนเล็ก ๆ น้อย ๆ ของราคา โดยเน้นให้เห็นถึงแนวโน้มที่สำคัญของตลาด ควรหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไป เช่น การพึ่งพาตัวบ่งชี้มากเกินไปหรือการเพิกเฉยต่อทิศทางแนวโน้มโดยรวม หากใช้อย่างถูกต้อง ตัวบ่งชี้ ZigZag สามารถช่วยปรับปรุงกลยุทธ์การซื้อขายที่ใช้งานอยู่ได้ โดยมันจะให้ข้อมูลเชิงลึกที่ชัดเจนเกี่ยวกับโครงสร้างตลาด
เริ่มการเทรดอัปเดทแล้ว • 2023-06-19
บทความอื่นๆ ในส่วนนี้
- McClellan Oscillator
- กลยุทธ์การซื้อขายด้วยตัวบ่งชี้ Aroon
- ความแข็งแกร่งของสกุลเงิน
- กรอบเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเทรด
- Renko chart
- ประเภทของแผนภูมิ
- จะใช้ Heikin-Ashi อย่างไร?
- นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
- Pivot Points
- Moving Average: วิธีง่ายๆในการหาเทรนด์
- Williams’ Percent Range (%R)
- Relative Vigor Index (ตัวบ่งชี้ RVI) คืออะไร?
- โมเมนตัม
- Force index
- ตัวบ่งชี้ Envelopes คืออะไร?
- Bulls Power และ Bears Power
- Average True Range
- จะเทรดจากการตัดสินใจของธนาคารกลางอย่างไร?
- CCI (Commodity Channel Index)
- Standard deviation
- Parabolic SAR
- การซื้อขายด้วย Stochastic Oscillator
- Relative Strength Index (RSI)
- MACD (Moving Average Convergence/Divergence)
- ออสซิลเลเตอร์
- ตัวบ่งชี้ ADX: วิธีใช้สำหรับการวิเคราะห์แนวโน้ม Forex อย่างมีประสิทธิภาพ
- Bollinger bands
- ตัวบ่งชี้เทรนด์
- การแนะนำตัวชี้วัดทางเทคนิค
- แนวรับและแนวต้าน
- แนวโน้ม
- การวิเคราะห์ทางเทคนิค
- ธนาคารกลาง: นโยบายและผลกระทบ
- ปัจจัยพื้นฐาน
- การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานในการเทรด Forex และการเทรดหุ้น
- การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน vs การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค