ความแข็งแกร่งของสกุลเงิน
จะเลือกสกุลเงินที่จะซื้อขายในวันนี้ยังไงดี? คุณสามารถเลือกตราสารที่จะซื้อขายได้โดยใช้ปฏิทินการซื้อขายและค้นหาเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อตราสาร นอกจากนี้ การวิเคราะห์ทางเทคนิคก็อาจให้คำแนะนำเกี่ยวกับสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มที่ดีได้ด้วยเช่นกัน ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น โดยในบทความนี้ คุณจะได้รู้เกี่ยวกับความแข็งแกร่งของสกุลเงินและวิธีที่คุณสามารถใช้ตัวบ่งชี้ง่าย ๆ นี้เพื่อทำให้การซื้อขายของคุณขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมากขึ้น
จากบทความนี้ คุณจะรู้ว่าความแข็งแกร่งของสกุลเงินคืออะไร, Currency Strength Meter (CSM) คืออะไร, วิธีคำนวณความแข็งแกร่งของสกุลเงิน และวิธีการใช้มันกับการวิเคราะห์ประเภทต่างๆ ตัวอย่างต่าง ๆ จะช่วยให้คุณเข้าใจหัวข้อนี้ได้ดีขึ้นและนำความรู้ใหม่นี้ไปใช้ได้ทันทีหลังจากที่คุณอ่านจบ
ประเด็นสำคัญ
- ความแข็งแกร่งของสกุลเงินวัดอำนาจเชิงสัมพัทธ์ของสกุลเงินหนึ่งเมื่อเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่ง และส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน
- Currency Strength Meter (CSM) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวัดความแข็งแกร่งของสกุลเงินแต่ละสกุลผ่านปัจจัยพื้นฐานหรือการเคลื่อนไหวที่สัมพันธ์กันของสกุลเงินหนึ่งต่ออีกสกุลเงินหนึ่ง
- ความแข็งแกร่งของสกุลเงินคำนวณจากข้อมูลปัจจัยพื้นฐานหรือข้อมูลราคา
- ความแข็งแกร่งของสกุลเงินทำหน้าที่เป็นตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจที่มีค่าซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานะทางการเงินและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศหนึ่ง ๆ โดยธนาคารนำข้อมูลนี้ไปใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงิน
- นักวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้ตัวบ่งชี้ความแข็งแกร่งของสกุลเงินเพื่อระบุแนวโน้มในตลาด Forex
ความแข็งแกร่งของสกุลเงินคืออะไร?
ความแข็งแกร่งของสกุลเงินวัดอำนาจเชิงสัมพัทธ์ของสกุลเงินหนึ่งเมื่อเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่ง และส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน สกุลเงินที่แข็งค่าจะมีอุปสงค์สูง มูลค่าเพิ่มขึ้น และมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ในขณะที่สกุลเงินที่อ่อนค่าจะมีมูลค่าลดลงและไม่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
คุณสามารถมองว่าความแข็งแกร่งของสกุลเงินเป็นตัวบ่งชี้ที่สะท้อนถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินได้ เช่น ข้อมูลปัจจัยพื้นฐาน การดำเนินการของเศรษฐกิจโดยรวม และอัตราดอกเบี้ย ในการคำนวณความแข็งแกร่งของสกุลเงิน มักจะเปรียบเทียบสกุลเงินหนึ่งกับสกุลเงินอื่นโดยใช้ตะกร้าที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เช่น ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับดัชนีดอลลาร์สหรัฐได้ที่ ช่อง Telegram ของเรา
Currency Strength Meter (CSM) คืออะไร
Currency Strength Meter (CSM) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวัดความแข็งแกร่งของสกุลเงินแต่ละสกุล CSM จะแสดงความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ของแต่ละสกุลเงินตามเวลาจริง ช่วยให้เทรดเดอร์และนักลงทุนสามารถระบุได้อย่างรวดเร็วว่าสกุลเงินใดกำลังแข็งค่าหรืออ่อนค่า
โดยปกติแล้วมันจะแสดงความแข็งแกร่งของแต่ละสกุลเงินในระดับ 0 ถึง 10 โดยตัวเลขที่สูงกว่าจะแสดงถึงสกุลเงินที่แข็งแกร่งกว่า CSM สามารถนำมาใช้ได้ในหลากหลายวิธี เช่น ใช้กำหนดคู่สกุลเงินที่จะซื้อขายหรือใช้เป็นสัญญาณสำหรับการเข้าและออกจากการซื้อขาย ในหัวข้อถัดไป เราจะเจาะลึกถึงวิธีการคำนวณความแข็งแกร่งของสกุลเงินและใช้เป็นตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจ
ที่มา: https://currencystrengthmeter.org/
วิธีการคำนวณความแข็งแกร่งของสกุลเงิน?
การคำนวณความแข็งแกร่งของสกุลเงินมีสองประเภท ได้แก่ คำนวณตามข้อมูลปัจจัยพื้นฐาน และคำนวณตามข้อมูลราคา โดยทั่วไปแล้ว ความแข็งแกร่งของสกุลเงินตามข้อมูลราคาจะคำนวณจาก DXY (ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับดัชนีสกุลเงินอื่น ๆ หากคู่สกุลเงินบางคู่ (ตัวอย่างเช่น NZDUSD) อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น คุณก็จะสามารถระบุได้ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นเนื่องมาจากการแข็งค่าของ NZD หรือการอ่อนค่าของ USD ตัวบ่งชี้นี้มักจะคำนวณจากสกุลเงินหลัก ซึ่งคิดเป็น 90% ของปริมาณการซื้อขายของตลาด Forex ทั้งหมด
โดยการคำนวณตามปัจจัยพื้นฐานจะวัดด้วยการใช้รายงานเศรษฐกิจที่สำคัญต่าง ๆ รวมเข้าด้วยกัน เช่น GDP, PMI, CPI และอัตราดอกเบี้ย คุณสามารถดูข้อมูลเหล่านี้ได้ตามเวลาจริงด้วยปฏิทินเศรษฐกิจของเรา
ถึงแม้ว่าเทรดเดอร์จะสามารถคำนวณความแข็งแกร่งของสกุลเงินได้ด้วยตัวเอง แต่โดยปกติแล้วเทรดเดอร์จะไม่วิเคราะห์ความแข็งแกร่งของสกุลเงินเองหรอกนะ แต่จะใช้ CSM แทน Currency Strength Meter จะเปรียบเทียบระหว่างสกุลเงินหลักต่าง ๆ ที่จับคู่กัน (USD, GBP, EUR, CHF, JPY, CAD, NZD และ AUD) และบอกให้ทราบถึงความแข็งแกร่งของสกุลเงินที่เกี่ยวข้อง
วิธีการคำนวณก็จะแตกต่างกันไป แต่มักจะเกี่ยวข้องกับการถ่วงน้ำหนักของปัจจัยต่าง ๆ การสร้างดัชนี และทำให้ผลลัพธ์เป็นมาตรฐานในระดับ 0 ถึง 10 อย่างไรก็ตาม ลักษณะการคำนวณที่เป็นอัตนัยหมายความว่าการคำนวณนั้นอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับวิธีการและแหล่งข้อมูลที่ใช้ อย่างไรก็ดี Currency Strength Meter นำเสนอมุมมองตามเวลาจริง ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์เทรดได้ดีขึ้น
บริษัทต่างๆ สร้างเครื่องวัดความแข็งแกร่งของสกุลเงินของตนเอง ซึ่งแสดงความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ของแต่ละสกุลเงินในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งบางครั้งก็จะแสดงสกุลเงินแต่ละสกุลเทียบกับสกุลเงินอื่น โดยที่สำคัญคือจะแสดงให้คุณได้เห็นว่าคู่สกุลเงินแต่ละคู่เป็นอย่างไร นอกจากนี้ ยังมีการรวมคู่สกุลเงินทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินหนึ่ง ๆ เพื่อคำนวณความแข็งแกร่งโดยรวมของสกุลเงินนั้นด้วย ซึ่งข้อมูลมักจะแสดงในรูปแบบของ "แผนภูมิความร้อน" หรือบางครั้งก็อยู่ในรูปแบบของกราฟเส้น ตัวอย่างของเครื่องวัดดังกล่าวแสดงดังด้านล่าง
ความแข็งแกร่งของสกุลเงินในรูปแบบของ "แผนภูมิความร้อน"
ความแข็งแกร่งของสกุลเงินเป็นตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจ
ความแข็งแกร่งของสกุลเงินทำหน้าที่เป็นตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจที่มีค่าซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานะทางการเงินและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศหนึ่ง ๆ สกุลเงินที่แข็งค่ามักเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ อัตราเงินเฟ้อต่ำ และอัตราดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งน่าสนใจสำหรับนักลงทุนและเทรดเดอร์ต่างชาติ ในทางกลับกัน สกุลเงินที่อ่อนค่ามักจะเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจที่ไม่มีความเสถียรภาพ อัตราเงินเฟ้อที่สูง และอัตราดอกเบี้ยที่สูง ตัวอย่างเช่น หากสกุลเงินของประเทศหนึ่งอ่อนค่า อาจบ่งชี้ว่าประเทศนั้นกำลังเผชิญกับความวุ่นวายทางเศรษฐกิจที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนจากต่างประเทศ
การทำความเข้าใจความแข็งแกร่งของสกุลเงินสามารถให้ข้อมูลที่มีค่าสำหรับธนาคารกลางที่ใช้ข้อมูลนี้เพื่อปรับความเสี่ยงและอัตราแลกเปลี่ยน ความแข็งแกร่งของสกุลเงินเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับทุก ๆ คนที่มีส่วนร่วมในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เพราะมันแสดงให้เราเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างสกุลเงินต่าง ๆ
โดยในบางครั้ง สกุลเงินที่แข็งค่าอาจแสดงถึงแนวโน้มระยะยาวที่จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจโลก เทรดเดอร์ Forex ขั้นสูงทุกคนใช้ความแข็งแกร่งของสกุลเงินในกลยุทธ์การซื้อขายของพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เปิด CSM ก็ตาม การเข้าใจความแข็งแกร่งของสกุลเงินได้โดยสัญชาตญาณยังคงมีความสำคัญต่อผู้เข้าร่วมตลาด
ตัวบ่งชี้ความแข็งแกร่งของสกุลเงินในการวิเคราะห์ทางเทคนิค
นักวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้ตัวบ่งชี้ความแข็งแกร่งของสกุลเงินเพื่อระบุแนวโน้มในตลาด Forex การวัดความแข็งแกร่งของสกุลเงินนั้นมีหลายวิธี ได้แก่ ความแข็งแกร่งของสกุลเงินแบบสัมบูรณ์ (Absolute Currency Strength : ACS) และความแข็งแกร่งของสกุลเงินแบบสัมพัทธ์ (Relative Currency Strength : RCS)
ความแข็งแกร่งของสกุลเงินแบบสัมบูรณ์ (ACS)
ความแข็งแกร่งของสกุลเงินแบบสัมบูรณ์ (ACS) กำหนดค่าให้แต่ละสกุลเงินตามความแข็งแกร่งของตนเอง โดยไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์กับสกุลเงินอื่น ตัวอย่างเช่น ค่าที่สูงของดอลลาร์สหรัฐในการวัดค่า ACS จะบ่งชี้ว่าดอลลาร์สหรัฐนั้นแข็งค่า โดยไม่คำนึงถึงความแข็งแกร่งสัมพัทธ์เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ
เทรดเดอร์ใช้ตัวบ่งชี้ต่าง ๆ เช่น ข้อมูลเศรษฐกิจ นโยบายของธนาคารกลาง ความเสถียรภาพทางการเมือง และความเชื่อมั่นของนักลงทุนในการคำนวณค่า ACS ยิ่งมูลค่าสูงเท่าไร สกุลเงินก็ยิ่งแข็งแกร่งเท่านั้น
ความแข็งแกร่งของสกุลเงินแบบสัมพัทธ์ (RCS)
ในทางกลับกัน ความแข็งแกร่งของสกุลเงินแบบสัมพัทธ์ (RCS) จะวัดความแข็งแกร่งของสกุลเงินหนึ่งเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่ง ตัวอย่างเช่น หาก GBP แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับ AUD ค่า RCS สำหรับ GBP จะสูงกว่าค่าของ AUD
ในการคำนวณ RCS เทรดเดอร์ (หรือบริษัท) จะวางแผนอัตราแลกเปลี่ยนโดยใช้สูตรต่าง ๆ และคำนวณส่วนต่าง หากอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินแรกสูงกว่าสกุลเงินที่สอง แสดงว่าสกุลเงินแรกแข็งค่ากว่า หากเป็นในทางตรงกันข้าม สกุลเงินที่สองก็จะแข็งแกร่งกว่า
นักวิเคราะห์ทางเทคนิคมักใช้ตัวบ่งชี้ความแข็งแกร่งของสกุลเงินและตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอื่น ๆ เช่น เส้นแนวโน้มและเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เพื่อระบุแนวโน้มของสกุลเงิน
โดยสรุปแล้ว ตัวบ่งชี้ความแข็งแกร่งของสกุลเงินในการวิเคราะห์ทางเทคนิคมีค่าในรูปแบบที่แตกต่างกัน ในขณะที่ความแข็งแกร่งแบบสัมพัทธ์ช่วยให้เทรดเดอร์เปรียบเทียบสองสกุลเงิน ความแข็งแกร่งแบบสัมบูรณ์ชี้ไปที่สถานะโดยรวมของตลาด
วิธีการซื้อขายด้วยความแข็งแกร่งของสกุลเงิน?
การซื้อขายด้วยความแข็งแกร่งของสกุลเงินต้องทำหลายขั้นตอน ขั้นแรก เทรดเดอร์จะดูที่ Currency Strength Meter เพื่อระบุว่าจะเทรดอะไรและเทรดไปในทิศทางใด จากนั้น เทรดเดอร์สามารถใช้หลาย ๆ กลยุทธ์เพื่อใช้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งของสกุลเงินได้ ตัวอย่างเช่น:
1. การซื้อขายคู่สกุลเงิน: สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการซื้อขายคู่สกุลเงินโดยที่สกุลเงินที่แข็งค่ากว่าจับคู่กับสกุลเงินที่อ่อนค่ากว่า ตัวอย่างเช่น หากดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าและยูโรอ่อนค่า เทรดเดอร์อาจเข้าขายคู่ EURUSD
2. การซื้อขายความสัมพันธ์เชิงบวก: ในกลยุทธ์นี้ เทรดเดอร์จำเป็นต้องค้นหาคู่สกุลเงินสองคู่ที่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันและเทรดสกุลเงินทั้งคู่ในทิศทางเดียวกัน ตัวอย่างเช่น หาก AUDUSD และ EURUSD มีความสัมพันธ์กันในเชิงบวก เทรดเดอร์อาจเข้าขายคู่สกุลเงินทั้งสองเมื่อดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า
3. การซื้อขายความสัมพันธ์เชิงลบ: เทรดเดอร์พบคู่สกุลเงินสองคู่ที่เคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามและเทรดในทิศทางตรงกันข้าม ตัวอย่างเช่น หาก GBPUSD และ EURUSD มีความสัมพันธ์กันในเชิงลบ เทรดเดอร์อาจเข้าขายคู่สกุลเงินหนึ่ง ในขณะที่เข้าซื้ออีกคู่หนึ่งเมื่อดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า
สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ให้ดีว่าแม้ความแข็งแกร่งของสกุลเงินจะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่ก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่รับประกันความสำเร็จ เทรดเดอร์ควรพิจารณาปัจจัยหลายประการและมีแผนการจัดการความเสี่ยงอยู่เสมอ
ทำไมต้องซื้อขายตามรายงานความแข็งแกร่งของสกุลเงินกับ FBS
ในฐานะโบรกเกอร์ Forex ที่มีชื่อเสียง FBS อนุญาตให้คุณซื้อขายคู่สกุลเงินต่าง ๆ มากมาย รวมถึงสกุลเงินหลักทั้งหมด (USD, GBP, EUR, CHF, JPY, CAD, NZD และ AUD) รวมถึงสกุลเงินแปลกใหม่ เช่น TRY, CNH, SGD และ MXN
เมื่อดูที่ CSM คุณสามารถตัดสินใจได้ว่าจะเข้าซื้อหรือเข้าขายคู่สกุลเงินหนึ่ง ๆ ด้วย FBS คุณสามารถใช้ประโยชน์สูงสุดจากการตัดสินใจของคุณได้ วางคำสั่งซื้อขายที่จะได้รับการดำเนินการที่รวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ และได้รับประโยชน์จากค่าสเปรดที่แคบและตราสารการซื้อขายที่หลากหลาย
ความแข็งแกร่งของสกุลเงินเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับทุกคนที่มีส่วนร่วมในตลาด Forex และสามารถให้ข้อมูลที่มีค่าเกี่ยวกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสถานะทางการเงินของประเทศ เทรดเดอร์สามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลและปรับปรุงประสิทธิภาพการซื้อขายด้วยเครื่องมือนี้ได้ นักวิเคราะห์ทางเทคนิคยังสามารถใช้ตัวบ่งชี้ความแข็งแกร่งเพื่อระบุแนวโน้มในตลาดได้ด้วยเช่นกัน
แซงหน้าคู่แข่งของคุณด้วยการใช้ความแข็งแกร่งของสกุลเงินผสานรวมเข้ากับกลยุทธ์การซื้อขายของคุณ!
เริ่มการเทรดอัปเดทแล้ว • 2023-02-16
บทความอื่นๆ ในส่วนนี้
- McClellan Oscillator
- กลยุทธ์การซื้อขายด้วยตัวบ่งชี้ Aroon
- กรอบเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเทรด
- Renko chart
- ประเภทของแผนภูมิ
- จะใช้ Heikin-Ashi อย่างไร?
- นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
- Pivot Points
- ตัวบ่งชี้ ZigZag คืออะไร?
- Moving Average: วิธีง่ายๆในการหาเทรนด์
- Williams’ Percent Range (%R)
- Relative Vigor Index (ตัวบ่งชี้ RVI) คืออะไร?
- โมเมนตัม
- Force index
- ตัวบ่งชี้ Envelopes คืออะไร?
- Bulls Power และ Bears Power
- Average True Range
- จะเทรดจากการตัดสินใจของธนาคารกลางอย่างไร?
- CCI (Commodity Channel Index)
- Standard deviation
- Parabolic SAR
- การซื้อขายด้วย Stochastic Oscillator
- Relative Strength Index (RSI)
- MACD (Moving Average Convergence/Divergence)
- ออสซิลเลเตอร์
- ตัวบ่งชี้ ADX: วิธีใช้สำหรับการวิเคราะห์แนวโน้ม Forex อย่างมีประสิทธิภาพ
- Bollinger bands
- ตัวบ่งชี้เทรนด์
- การแนะนำตัวชี้วัดทางเทคนิค
- แนวรับและแนวต้าน
- แนวโน้ม
- การวิเคราะห์ทางเทคนิค
- ธนาคารกลาง: นโยบายและผลกระทบ
- ปัจจัยพื้นฐาน
- การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานในการเทรด Forex และการเทรดหุ้น
- การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน vs การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค