แนวทางปฏิบัติของการสลับ
ในทฤษฎี Elliott Wave มีกฎและแนวทางปฏิบัติอยู่ คุณต้องปฏิบัติตามกฎทุกข้อที่เราได้อธิบายไว้ในบทความก่อนหน้านี้ แต่แนวทางปฏิบัติไม่ได้ถูกเขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันอาจไม่ได้เกิดขึ้นตามแนวทางปฏิบัติเสมอไป แต่จำนวนกรณีที่มันเกิดขึ้นก็มีมากพอ ดังนั้นเราจึงไม่ควรมองข้ามเชียวนะ
การสลับคืออะไร?
พูดง่าย ๆ ก็คือ การสลับคือการคาดหวังความแตกต่างของการแสดงออกของคลื่นที่คล้ายกันภายในรูปแบบตามความลึก ความซับซ้อน และระยะเวลา การสลับเกิดขึ้นภายในคลื่น Impulse และ Correction มาดูตัวอย่างกัน
การสลับใน Impulse
โดยปกติแล้วจะมีความสัมพันธ์ระหว่างคลื่นสองและสี่ใน Impulse ในกราฟถัดไปมี Upward Impulse อยู่ คลื่น (ii) ของ Impulse นี้พุ่งแรง (sharp) แต่คลื่น (iv) จะเคลื่อนตัวไปด้านข้าง (sideway) นั่นคือวิธีการทำงานของการสลับใน Impulse ซึ่งมีสองการปรับฐานภายในคลื่นสองและสี่ หากการสลับเกิดขึ้น ถ้าการปรับฐานหนึ่งมีทิศทาง อีกการปรับฐานหนึ่งก็จะไม่มีทิศทาง
นอกจากนี้ คลื่น (ii) ค่อนข้างง่ายที่นี่ แต่คลื่น (iv) จะมีคลื่นอยู่ภายในมากกว่า ดังนั้นจึงมีการสลับเพิ่มเติมตามความซับซ้อน
กราฟด้านล่างจะแสดงสองการสลับ ภายในคลื่น (iii) เรามีคลื่น ii ที่พุ่งแรง ดังนั้นอย่างที่คุณเดาได้ คลื่น (iv) ก็จะเคลื่อนตัวออกด้านข้าง อีกตัวอย่างหนึ่งจะอยู่ในคลื่น iii คลื่นที่สองของมันจะเคลื่อนตัวไปด้านข้าง และคลื่นที่สี่นั้นจะเป็นคลื่นพุ่งแรง ดังนั้นลำดับจึงเปลี่ยนไป นั่นก็เป็นการสลับประเภทหนึ่งเช่นกันเมื่อคุณเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงรูปร่างอย่างต่อเนื่องในคลื่นสองและสี่
การสลับใน Triangles
คลื่นภายในการปรับฐานจะแบ่งออกเป็น Simple, Complex และ Most Complex ภายใน Triangles คลื่นหนึ่งในนั้นมีแนวโน้มที่จะเป็นแบบ Most Complex ดังที่คุณเห็นในกราฟด้านล่าง คลื่น B มีโครงสร้างแบบ Most Complex ในขณะที่คลื่นอื่น ๆ จะเป็นแบบ Simple หรือ Complex
การสลับใน Zigzags
บางครั้งหนึ่งในคลื่น Zigzag จะมีโครงสร้างที่ซับซ้อนกว่าคลื่นอื่น ๆ กราฟถัดไปจะแสดงกรณีที่มีคลื่น Complex ((c)) ที่สัมพันธ์กับคลื่น ((a)) และ ((b)) อย่างไรก็ตาม หากคุณได้พบคลื่น A แบบ Simple และคลื่น B แบบ Complex ก็มีความเป็นไปได้ว่าคลื่น C จะเป็นแบบ Simple เช่นเดียวกับคลื่น A
การสลับใน Double Zigzags
คลื่นทั้งหลายของ Double Zigzag อาจแสดงความแตกต่างจากกันบางประการ เดี๋ยวเราไปดูกราฟด้านล่างกัน คลื่น (w) เป็นแบบ Simple, คลื่น (x) เป็นแบบ Complex และคลื่น (y) เป็นแบบ Most Complex ดังนั้น หากเรามีคลื่น W และ X ที่ค่อนข้างง่ายของ Double Zigzag เราก็ไม่ควรตัดความเป็นไปได้ของความซับซ้อนของคลื่น Y
การสลับใน Flats
ความสม่ำเสมอของ 'Simple-Complex-Most Complex' อาจใช้กับ Flats ได้เช่นกัน กราฟถัดไปจะแสดงกรณีที่มีคลื่น C แบบ Most Complex ในขณะเดียวกัน คลื่น B ก็อาจเป็นแบบ Most Complex ในขณะที่การพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในคลื่น C จะแสดงตัวเองว่าเป็นคลื่น Simple
สรุป
การสลับเป็นหนึ่งในแนวทางที่มีประโยชน์ที่สุด ซึ่งช่วยให้เราเข้าใจว่าคลื่นรูปแบบใดที่เราอาจต้องเผชิญในระยะต่อไปของตลาด มันไม่ใช่กฎโดยตรง แต่เป็นเครื่องมือเพิ่มเติมที่มีประสิทธิภาพมากในการนับคลื่นที่ดียิ่งขึ้น
เริ่มการเทรดอัปเดทแล้ว • 2023-07-26
บทความอื่นๆ ในส่วนนี้
- โครงสร้างของโรบ็อตซื้อขาย
- สร้างโรบอทเทรดโดยไม่ต้องเขียนโปรแกรม
- จะเปิดใข้งานโรบอทเทรดใน MetaTrader 5 ยังไงดี?
- การเทรดด้วยอัลกอริทึม : มันคืออะไร?
- Triangle คืออะไร?
- รูปแบบ Double Three และ Triple Three
- Double Zigzag
- รูปแบบ Zigzag และ Flat ในการซื้อขาย
- การตัดทอนในทฤษฎีคลื่นเอลเลียต
- Ichimoku
- รูปแบบ Ending Diagonal
- วิธีการเทรด gap
- รูปแบบ Leading diagonal
- รูปแบบ Wolfe waves
- รูปแบบ Three drives
- ฉลาม
- Butterfly
- Crab
- Bat
- Gartley
- ABCD
- รูปแบบฮาร์มอนิก
- คลื่น Motive และ Corrective องศาคลื่น
- บทนำสู่ทฤษฏีคลื่นเอลเลียตต์ (Elliott Wave Theory)
- วิธีการเทรด breakouts
- ข่าวการค้า Forex
- จะวางคำสั่ง Take Profit ได้อย่างไร?
- การบริหารความเสี่ยง
- วิธีการวางคำสั่ง Stop Loss?
- ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค: การซื้อขายความแตงต่าง