-
จะเริ่มเทรดอย่างไร?
หากคุณอายุ 18 ปีขึ้นไปคุณสามารถเข้าร่วม FBS ได้และเริ่มต้นการเดินทาง FX ของคุณ ในการซื้อขายคุณจะต้องมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์และมีความรู้ที่เพียงพอเกี่ยวกับวิธีการทำงานของสินทรัพย์ในตลาดการเงิน เริ่มด้วยการศึกษาขั้นพื้นฐานด้วย สื่อการเรียนรู้ฟรี และ สร้างบัญชี FBS คุณอาจต้องการทดสอบสภาพแวดล้อมด้วยเงินเสมือนจริงผ่านบัญชีทดลอง เมื่อคุณพร้อมเข้าสู่ตลาดจริงแล้ว ก็เริ่มทำการซื้อขายเพื่อที่จะได้ประสบความสำเร็จ
-
จะเปิดบัญชี FBS ได้อย่างไร?
คลิกที่ปุ่ม 'เปิดบัญชี' บนเว็บไซต์ของเราแล้วไปที่ Trader Area ก่อนที่คุณจะเริ่มซื้อขายได้ โปรไฟล์ของคุณจะต้องได้รับการยืนยันเสียก่อน ยืนยันอีเมลและเบอร์โทรศัพท์ของคุณ จากนั้นให้ทำการยืนยันตัวตนของคุณ ขั้นตอนนี้จะช่วยรับประกันความปลอดภัยของเงินและตัวตนของคุณ เมื่อคุณผ่านการตรวจสอบทั้งหมดแล้ว ให้ไปที่แพลตฟอร์มการซื้อขายที่ต้องการ แล้วเริ่มซื้อขายได้เลย
-
จะถอนเงินที่ทำได้กับ FBS ได้อย่างไร?
กระบวนการนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย ไปที่หน้า การถอนเงิน บนเว็บไซต์หรือส่วนการเงินของ FBS Trader Area และเข้าไปที่การถอนเงิน คุณจะได้รับเงินที่ทำได้รับผ่านระบบการชำระเงินเดียวกับที่คุณใช้ในการฝากเงิน ในกรณีที่คุณฝากเงินเข้าบัญชีผ่านหลายวิธี ให้ถอนกำไรของคุณผ่านวิธีเดียวกันในอัตราส่วนตามยอดเงินที่ฝากเข้ามา
ขอบเขต
การซื้อขายแบบขอบเขต จะใช้เมื่อตลาดไม่มีทิศทางที่ชัดเจน ทั้งตลาดกระทิงและตลาดหมีไม่สามารถเริ่มเทรนด์ได้ และราคามีการเคลื่อนไหวแบบ sideways ทว่าการที่ไม่มีแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงที่ชัดเจนนั้นก็ไม่ได้เป็นเหตุที่จะต้องหยุดทำการซื้อขาย มีความเป็นไปได้ค่อนข้างมากที่จะทำกำไรได้ในขณะที่ตลาดอยู่ในขอบเขต
เทรดเดอร์ที่ทำการซื้อขายแบบขอบเขตมั่นใจในความจริงที่ว่าราคาจะสลับตำแหน่งไปมาในระดับแนวนอนเดียวกันเป็นระยะเวลาหนึ่ง พวกเขาคาดว่าราคาจะกระเด้งกลับไปกลับมาจากทั้งแนวต้านและแนวรับหลายครั้ง เป้าหมายของเทรดเดอ์คือการทำกำไรจากความผันผวนของราคาที่อยู่ใยนขอบเขตโดยการ Sell ที่แนวต้านและ Buy ที่แนวรับ
สังเกตว่าคู่สกุลเงินหลัก (EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY, AUD/USD, NZD/USD, และ USD/CAD) มีแนวโน้มที่จะมีแนวโน้มมากขึ้น พวกเขามีช่วงเวลาของการรวม ซึ่งไม่เหมาะสำหรับการซื้อขายแบบขอบเขต คู่เงินรอง (EUR/GBP, CHF/JPY, AUD/CAD และ GBP/JPY) จะมีลักษณธเป็นขอบเขตนานกว่า
การซื้อขายแบบขอบเขตทำอย่างไร?
ขั้นตอนแรกสำหรับเทรดเดอร์ที่จะทำการซื้อขายแบบขอบเขตคือการกำหนดขอบเขตของ หรือพูดอีกอย่างว่า หาแนวรับและแนวต้าน วิธีที่ง่ายที่สุดในการทำเช่นนั้นคือการตรวจสอบราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดก่อนหน้าของกราฟ หากราคาสูงสุดหลายๆจุดเรียงตัวกันตามเส้นแนวนอนและราคาต่ำสุดหลายๆจุดก็เรียงตัวแบบเดียวกัน คุณอาจพบพื้นที่ของแนวต้านและแนวรับในบริเวณดังกล่าวแล้ว แน่นอนว่าในความเป็นจริงราคาสูงสุดและต่ำสุดก็ไม่ได้เรียงตัวเป็นเส้นเดียวกันเป๊ะขนาดนั้น เช่นกันสำหรับเทรนด์ขาขึ้น ตลาดก็ไม่ได้ให้การเรียงตัวสวยๆของระดับราคาสูงสุดที่สูงขึ้นและระดับราคาต่ำสุดที่สูงขึ้น (เทรนดฺ์ขาลงที่มีการเรียงตัวสวยๆของระดับราคาสุงสุดที่ต่ำลงและระดับราคาต่ำสุดที่ต่ำลง) Bollinger bands ยังสามารถช่วยในการระบุเส้นขอบเขตเนื่องจากมันแสดงถึงการแนวรับและแนวต้านแบบไดนามิกที่จำกัดการเคลื่อนที่ของราคา
ขั้นตอนที่สองคือการระบุโซนการซื้อที่มากเกินไปและการขายที่มากเกินไป แนวคิดคือ Sell เมื่อคู่สกุลเงินถูกซื้อมากเกินไป (ที่แนวต้าน) และ Buy เมื่อมันถูกขายมากเกินไแป (ที่แนวรับ) ในการระบุสภาวะการซื้อ/ขายมากเกินไป เทรดเดอร์จะใช้อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคประเภทหนึ่งที่เรียกว่า “ oscillators” อินดิเคเตอร์ดังกล่าวจะหมุนเวียนอยู่แถวๆระดับกลาง
เมื่อ oscillator เพิ่มขึ้นจากเส้นกลางและมาถึงบริเวณที่สูงที่สุดที่อยู่ด้านบน นั่นหมายความว่าคู่เงินถูกซื้อมากเกินไป ในขณะเดียวกันหากราคาอยู่ใกล้แนวต้าน ให้ดำเนินการ Sellเมื่อ oscillator ลดลงจากเส้นกลางและมาถึงบริเวณที่ต่ำที่สุดที่อยู่ด้านล่าง นั่นหมายความว่าคู่เงินถูกขายมากเกินไป ในขณะเดียวกันหากราคาอยู่ใกล้แนวรับ ให้ดำเนินการ Buyoscillatorยอดนิยมคือ RSI, CCI และ Stochastics ซึ่งดูเหมือนว่า Stochastics นั้นจะมีความอ่อนไหวต่อราคามากที่สุด
สรุปว่าให้ดูว่าราคาเคลื่อนที่ไปยังหนึ่งในขอบเขตข้างใดข้างหนึ่ง และสัญญาณจาก oscillator เป็นตัวบอกให้เราเริ่มทำการซื้อขาย การซื้อขายจะมีโอกาสสำเร็จจสูงขึ้นหากมีรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวอยู่ใกล้ๆแนวต้าน/แนวรับ
การจัดการความเสี่ยง
จำเป็นต้องมีการจำกัดความเสี่ยงในการซื้อขายเสมอ ความเสี่ยงหลักๆของการซื้อขายแบบขอบเขตคือการพุ่งทะลุขอบเขต กลยุทธ์การซื้อขายแบบขอบเขตที่ประสบความสำเร็จนั้นเน้นไปที่การทำกำไรเล็กๆ แต่สม่ำเสมอ และลดการขาดทุนให้น้อยที่สุด
การซื้อขายแบบขอบเขตจะดีก็ต่อเมื่อตลาดไม่ผันผวนมาก ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ทำการื้อขายในช่วงที่มีความผันผวนสูง เหตุการณ์และข่าวต่างๆสามารถทำให้ราคาพุ่งไปไกลในทิศทางเดียว ดังนั้นหากคุณวางแผนที่จะทำการซื้อขายแบบขอบเขต กรุณาตรวจสอบปฏิทินเศรษฐกิจเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีประกาศสำคัญๆของสกุลเงินที่คุณเลือกอยู่ในตาราง
กฎสำหรับการตั้งจุด Take profit และ Stop loss ในการซื้อขายแบบขอบเขตนั้นง่ายมาก TP ถูกวางไว้ที่ฝั่งตรงข้ามของขอบเขต ในขณะที่ SL ถูกวางไว้ที่ประมาณครึ่งนึงของความกว้างของขอบเขต ทำให้มีพื้นที่เหลือเฟือในการลาก ในขณะเดียวกันก็รักษาอัตราของความเสี่ยงและผลกำไรไว้ที่ 2: 1 ไม่แนะนำให้เพิ่มหรือลด position ประการแรกการเพิ่มการซื้อขายมีแต่จะเพิ่มความเสี่ยงของคุณโดยไม่จำเป็น ประการที่สองไม่มีจุดที่แน่นอนในการพยายามปิดการค้าบางส่วนเนื่องจาก TP ก็ไม่ได้อยู่ไกลมาก
ข้อสรุป
การเทรดแบบขอบเขต มีตรรกะง่ายๆ และเทรดเดอร์มือใหม่ก็สามารถเชี่ยวชาญได้ ในขณะเดียวกันต้องไม่ลืมว่าในขณะที่ราคาอยู่ในขอบเขตนั่นหมายความว่าตลาดอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ขอบของขอบเขตอาจเปลี่ยนแปลงได้และอาจเกิดการทะลุหลอก ดังนั้นในการซื้อขายประเภทนี้จึงจำเป็นต้องมีวินัยในการจัดการความเสี่ยง
อัปเดทแล้ว • 2022-02-02
บทความอื่นๆ ในส่วนนี้
- การวิเคราะห์ฟีโบนักชี
- Fibonacci expansion
- วิธีการใช้ Fibonacci Retracement
- รูปแบบกราฟของแท่งเทียนกลับตัว
- รูปแบบแท่งเทียนต่อเนื่อง
- จะจัดการกับสัญญาณรบกวนของตลาดได้อย่างไร?
- วิธีการทำการทดสอบกลยุทธ์การซื้อขายย้อนหลังหรือ backtest
- Gator Oscillator
- Market Facilitation Index
- Awesome Oscillator
- Alligator
- ทฤษฎี Bill Williams
- Fractal
- รูปแบบแผนภูมิ
- การค้นพบตัวชี้วัด GANN
- จะสร้างกลยุทธ์การซื้อขายของคุณได้อย่างไร?
- รูปแบบแท่งเทียน
- Trend trading
- ลักษณะและกลยุทธ์การซื้อขาย
- จิตวิทยา
- ธุรกรรมการเก็งกำไรค่าเงินจากส่วนต่าง
- การเทรดตามความผันผวนของราคา
- การเทรดตำแหน่ง
- การเทรดระยะสั้น
- การซื้อขายโดยหวังกำไร
- เครื่องมือ Fibonacci คืออะไร?
- จิตวิทยา
- วิธีระบุการกลับตัวของตลาด
- แท่งเทียนญี่ปุ่น
- แนวโน้ม