รูปแบบกราฟ vs. รูปแบบแท่งเทียน
เทรดเดอร์ทุกคนจำเป็นต้องมีระบบการซื้อขาย ซึ่งเป็นชุดของกฎที่คุณปฏิบัติตามในช่วงก่อน ระหว่าง และหลังการซื้อขายทุกครั้ง หนึ่งในส่วนสำคัญของระบบการซื้อขายคือเหตุผลในการเปิดหรือปิดคำสั่งซื้อขาย ในบทความนี้ เราจะแนะนำคุณให้รู้จักเหตุผลเหล่านี้
รูปแบบกราฟอยู่ฝั่งหนึ่ง และรูปแบบแท่งเทียนก็อยู่อีกฝั่งหนึ่ง ใครจะชนะ?
ประเด็นสำคัญ
- ทั้งรูปแบบกราฟและรูปแบบแท่งเทียนต่างก็เป็นเครื่องมือทางเทคนิคของเทรดเดอร์ พวกมันช่วยในการค้นหาทิศทางการซื้อขายและการจัดการความเสี่ยง
- รูปแบบแท่งเทียนจะมีแท่งเทียนน้อยกว่า แต่ก็มักจะช่วยยืนยันความคิดของเทรดเดอร์ได้
- รูปแบบกราฟจะมีแท่งเทียนมากกว่าและสามารถบ่งชี้แนวโน้มที่สำคัญมากกว่าได้ แต่ต้องใช้ความอดทนและประสบการณ์ในการระบุ
- ระบบการซื้อขายที่ชัดเจนพร้อมกฎการเข้าและออกที่เฉพาะเจาะจงนั้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการซื้อขายที่ประสบความสำเร็จ โดยไม่คำนึงถึงวิธีการที่ใช้
- เทรดเดอร์ควรพิจารณารวมรูปแบบกราฟและรูปแบบแท่งเทียนเข้าด้วยกันเพื่อให้ได้กลยุทธ์การซื้อขายที่รอบคอบยิ่งขึ้น
ประเภทของรูปแบบแท่งเทียน
แท่งเทียนทุกแท่งจะประกอบไปด้วยหลายส่วน มันจะมีหนึ่งเนื้อเทียนและสองไส้เทียน ซึ่งแท่งเทียนญี่ปุ่นนั้นทำให้เราสามารถอ่านความเคลื่อนไหวของตลาด รวมถึงราคา ณ จุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของทุกช่วงเวลาการซื้อขายได้ อ่านเพิ่มเติมได้ใน คู่มือแท่งเทียนญี่ปุ่นฉบับสมบูรณ์ เดี๋ยวเราไปดูกันรูปแบบแท่งเทียนแบบต่าง ๆ กัน
ค้อน (Hammer)
ค้อนเป็นรูปแบบแท่งเทียนขาขึ้นที่บ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้น รูปแบบนี้จะประกอบไปด้วยแท่งเทียนที่มีเนื้อเทียนขนาดเล็กและมีไส้ด้านล่างยาว ๆ ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้ซื้อสามารถดันราคาขึ้นได้หลังจากที่เกิดแรงขายมาแล้วช่วงหนึ่ง
กลืนกินขาขึ้น (Bullish Engulfing)
รูปแบบการกลับตัวเป็นขาขึ้นนี้จะเกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนสีเขียวขนาดใหญ่กลืนแท่งเทียนสีแดงขนาดเล็กอย่างสมบูรณ์ แท่งเทียนแท่งที่สองควรเริ่มต้นต่ำกว่าไส้ของแท่งเทียนแท่งแรก และสิ้นสุดเหนือจุดสูงสุดของแท่งแรก รูปแบบนี้จะบอกเราว่าผู้ซื้อเข้าควบคุมตลาดได้แล้ว
ดาวรุ่ง (Morning Star)
ดาวรุ่งเป็นรูปแบบการกลับตัวเป็นขาขึ้นซึ่งประกอบด้วยแท่งเทียนสามแท่ง แท่งแรกคือแท่งเทียนขาลงแท่งยาว ตามด้วยแท่งเทียนขนาดเล็ก และแท่งเทียนขาขึ้นแท่งยาว รูปแบบนี้แสดงให้เห็นว่าการกลับตัวของแนวโน้มกำลังใกล้เข้ามาแล้ว โปรดทราบว่าแท่งเทียนตรงกลางมักจะมีเนื้อเทียนและไส้เทียนสั้น ๆ ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่าทั้งตลาดกระทิงและตลาดหมีต่างก็ไม่สามารถดันราคาได้
นอกจากนี้ เทรดเดอร์ยังมองหาช่องว่างของราคาเพื่อยืนยันรูปแบบอีกด้วย
คนแขวนคอ (Hanging Man)
นี่คือรูปแบบการกลับตัวเป็นขาลงที่เกิดขึ้นที่ด้านบนของแนวโน้มขาขึ้น แท่งเทียนจะมีเนื้อเทียนขนาดเล็กและมีไส้ด้านล่างยาว ๆ ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้ซื้อไม่สามารถรักษาโมเมนตัมขาขึ้นได้
ดาวตก (Shooting Star)
รูปแบบการกลับตัวนี้จะเกิดขึ้นที่ด้านบนของการเคลื่อนไหว รูปแบบนี้จะประกอบไปด้วยเนื้อเทียนขนาดเล็กและไส้เทียนด้านบนยาว ๆ ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้ขายสามารถกดราคาลงได้หลังจากที่มีแรงกดดันของผู้ซื้อมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว
กลืนกินขาลง (Bearish Engulfing)
รูปแบบการกลับตัวเป็นขาลงจะเกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนขนาดใหญ่สีแดงกลืนกินแท่งเทียนขนาดเล็กสีเขียวอย่างสมบูรณ์ มันแทบไม่ต่างอะไรจากรูปแบบการกลืนกินขาขึ้นเลย เพียงแค่สลับแท่งเทียนเท่านั้นเอง โดยเทียนแท่งแรกจะเป็นสีเขียว ส่วนแท่งที่สองจะเป็นสีแดง ซึ่งปกติแล้วผู้ขายจะเข้าสู่การเทรดหลังจากที่รูปแบบกลืนกินขาลงเกิดขึ้นแล้วอย่างสมบูรณ์
มันจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อคุณเห็นรูปแบบแท่งเทียนการกลับตัวเกิดขึ้นต่อ ๆ กันหลายแห่ง ตัวอย่างเช่น ในภาพด้านบน รูปแบบกลืนกินขาลงปรากฏขึ้นหลังจากรูปแบบดาวตกสองแห่ง นี่เป็นการยืนยันถึงแนวโน้มขาลงที่กำลังจะมาถึง
รูปแบบกราฟ
รูปแบบกราฟจะใช้เวลาในการก่อตัวนานกว่ารูปแบบแท่งเทียน ตัวอย่างเช่น เมื่อเกิดรูปแบบกลืนกินขาลง คุณจะใช้แท่งเทียนเพียงสองแท่งเพื่อประเมินสถานการณ์ แต่ในทางกลับกัน รูปแบบกราฟจะต้องใช้แท่งเทียนอย่างน้อยสิบแท่ง ที่นี่ เราได้รวบรวมรูปแบบกราฟต่าง ๆ เอาไว้ให้คุณแล้ว
รูปแบบต่อเนื่อง
สามเหลี่ยม (Triangles)
นี่คือรูปแบบต่อเนื่องที่เกิดขึ้นเมื่อการเคลื่อนไหวของราคาอยู่ภายในเส้นแนวโน้มสองเส้นที่มาบรรจบกัน การทะลุออกไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งจะบ่งบอกถึงความต่อเนื่องของแนวโน้มก่อนหน้า รูปแบบสามเหลี่ยมมีอยู่ด้วยกันสามประเภท:
- สามเหลี่ยมสมมาตร: รูปแบบสามเหลี่ยมที่ประกอบด้วยอนุกรมของจุดสูงสุดที่กดตัวลงและจุดต่ำสุดที่ยกตัวขึ้น รูปแบบนี้บ่งชี้ว่าตลาดไม่มีความแน่นอน และอาจจะเกิดการทะลุขึ้นในอีกไม่ช้า เทรดเดอร์มักจะพิจารณาว่ามันไม่ใช่ทั้งรูปแบบขาขึ้นหรือขาลง พวกเขามักจะเข้าตลาดหลังจากที่ราคาได้ทะลุออกไปแล้วกลับมาทดสอบอีกครั้ง
- สามเหลี่ยมขาขึ้น: รูปแบบสามเหลี่ยมที่ประกอบไปด้วยเส้นแนวโน้มฝั่งด้านบนที่แบนราบ และเส้นแนวโน้มฝั่งด้านล่างที่เฉียงขึ้น รูปแบบนี้บ่งชี้ว่าผู้ซื้อกำลังค่อย ๆ เข้าควบคุมตลาด ปกติแล้ว ผู้ซื้อจะเข้าตลาดหลังจากที่ราคาได้ทะลุออกไปแล้วกลับมาทดสอบเส้นแนวต้านอีกครั้ง
- สามเหลี่ยมขาลง: รูปแบบสามเหลี่ยมที่ประกอบไปด้วยเส้นแนวโน้มฝั่งด้านล่างที่แบนราบ และเส้นแนวโน้มฝั่งด้านบนที่ลาดลง รูปแบบนี้บ่งชี้ว่าผู้ขายกำลังค่อย ๆ เข้าควบคุมตลาด ปกติแล้ว ผู้ขายจะเข้าตลาดหลังจากที่ราคาได้ทะลุออกไปแล้วกลับมาทดสอบเส้นแนวรับอีกครั้ง
ในกราฟด้านล่างนี้ คุณจะเห็นรูปสามเหลี่ยมสมมาตร
รูปแบบธงสามเหลี่ยม (Pennant)
รูปแบบต่อเนื่องนี้จะเกิดขึ้นในตอนที่เกิดการสะสมราคาเป็นระยะเวลาหนึ่งตามทิศทางการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนของราคา มันจะมีลักษณะคล้ายสามเหลี่ยมสมมาตรขนาดเล็ก และบ่งชี้ว่าแนวโน้มก่อนหน้านี้จะดำเนินต่อไป
รูปแบบการกลับตัว
รูปแบบหัวและไหล่ (Head and Shoulders)
นี่คือรูปแบบการกลับตัวที่ประกอบด้วยสามยอด โดยยอดกลางจะเป็นยอดที่สูงที่สุด รูปแบบนี้ชี้ให้เห็นว่าตลาดกำลังเปลี่ยนจากแนวโน้มขาขึ้นเป็นขาลง
Double Tops และ Double Bottoms
รูปแบบเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อราคาไปถึงจุดสูงสุดหรือต่ำสุดสองครั้ง โดยมีช่วงของการลดลงหรือเพิ่มขึ้นในระหว่างนั้น Double top หรือ Double bottom จะบ่งชี้ว่าตลาดอาจเกิดการกลับตัว
รูปแบบกราฟ vs. รูปแบบแท่งเทียน: แตกต่างกันอย่างไร?
นี่คือข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่างรูปแบบกราฟและรูปแบบแท่งเทียน:
- รูปแบบแท่งเทียนจะใช้แท่งเทียนในการก่อตัวน้อยกว่ารูปแบบกราฟ อย่างไรก็ตาม สมมติว่าคุณเห็นรูปแบบหนึ่งในกรอบเวลา M1 (โดยที่หนึ่งแท่งเทียนเท่ากับหนึ่งนาที) ในกรณีนั้น คุณอาจพบหลายรูปแบบกราฟที่นี่ ถึงกระนั้นมันก็อยู่ในแท่งเทียนแท่งเดียวในกรอบเวลารายวัน ดังนั้นกรอบเวลาจึงมีความสำคัญมาก
- แท่งเทียนมักจะทำหน้าที่เป็นตัวยืนยันความคิดของคุณ เราไม่แนะนำให้ซื้อขายด้วยรูปแบบแท่งเทียนเพียงอย่างเดียว เนื่องจากมันมักเกิดขึ้นในระหว่างที่ราคามีการเคลื่อนไหว ซึ่งมันสามารถหลอกคุณได้ ดังนั้น คุณควรค้นหารูปแบบกราฟก่อนแล้วค่อยมองหารูปแบบแท่งเทียน
สรุป
สรุปว่ารูปแบบกราฟและรูปแบบแท่งเทียนต่างก็เป็นเครื่องมือที่มีค่าสำหรับเทรดเดอร์ในการวิเคราะห์และการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาด ซึ่งจำเป็นต้องมีระบบการซื้อขายและเหตุผลที่ชัดเจนสำหรับการเปิดหรือปิดคำสั่งซื้อขาย ไม่ว่าจะอิงตามรูปแบบกราฟ รูปแบบแท่งเทียน หรือทั้งสองอย่าง ท้ายที่สุดแล้ว การที่จะเลือกระหว่างรูปแบบกราฟและรูปแบบแท่งเทียนนั้นก็คงขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลและกลยุทธ์การซื้อขาย