ภาวะเศรษฐกิจถดถอยส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินอย่างไร?

ภาวะเศรษฐกิจถดถอยส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินอย่างไร?

อัปเดทแล้ว • 2023-04-12

เศรษฐกิจไม่เคยเคลื่อนไหวเป็นเส้นตรง นักเศรษฐศาสตร์ตั้งใจทำการเชื่อมโยงการพัฒนาเศรษฐกิจเข้ากับวัฏจักรของการขึ้นและลง ภาวะเศรษฐกิจถดถอยถือเป็นส่วนหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของวงจรธุรกิจ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะเกิดขึ้นในตอนที่ GDP ลดลงในช่วงสองไตรมาสหรือมากกว่านั้นแบบติดต่อกัน ยิ่งกว่านั้น มันมักจะตามมาด้วยอัตราการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้น ยอดค้าปลีกที่ลดลง รายได้และดัชนีภาคการผลิตต่าง ๆ ที่หดตัวลง

ปัจจุบัน ซีอีโอชาวสหรัฐฯ เกือบทุกคนกำลังเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าเศรษฐกิจตกต่ำกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า เหตุผลก็คือว่าอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นที่ถูกกระตุ้นโดยอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นนั้นจะขัดขวางการเติบโตโดยการเพิ่มต้นทุนของบัตรเครดิต การจดจำนอง การซื้อรถยนต์ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ และการกู้ยืมใด ๆ ที่กระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งล่าสุดที่เฟดได้แพร่กระจายความเจ็บปวดอย่างรุนแรงนี้ในช่วง 12 เดือนคือในปี 1980 ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรง

ในประเทศแถบยุโรป สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก เพราะนอกจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงแล้ว เศรษฐกิจก็ยังต้องดิ้นรนจากราคาก๊าซที่สูงก่อนฤดูหนาว และเนื่องจากธุรกิจต่าง ๆ ลดการใช้ก๊าซลง มันจึงส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง

ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะอยู่อีกนานแค่ไหน?

ตั้งแต่ปี 1854 ถึง 1919 ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะกินเวลาโดยเฉลี่ยประมาณ 21.6 เดือน แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภาวะเศรษฐกิจถดถอยกลับสั้นลง จากข้อมูลของสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติ (NBER) ตั้งแต่ปี 1945 ถึง 2009 ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐอเมริกาจะกินเวลาโดยเฉลี่ยประมาณ 11 เดือน ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้ผ่านภาวะเศรษฐกิจถดถอยมาแล้วถึง 4 ครั้ง ไปดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเนื่องจากโควิด-19

ภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งก่อนได้เริ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 และได้กินเวลาไปเพียงสองเดือน ทำให้มันเป็นภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ ที่สั้นที่สุดในประวัติศาสตร์

ภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ (ธันวาคม 2007 ถึง มิถุนายน 2009)

ฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นส่วนหนึ่งทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ แต่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่นั้นก็ยังไม่รุนแรงเท่าภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่มันกินเวลายาวนานและมีผลกระทบที่รุนแรงเหมือนกันจึงทำให้มันมีชื่อคล้ายกัน ภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่กินเวลายาวนานถึง 18 เดือนนั้นมีความยาวนานเกือบสองเท่าของภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ ครั้งล่าสุด

ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเนื่องจากวิกฤติ Dotcom (มีนาคม 2001 ถึง พฤศจิกายน 2001)

ในช่วงต้นยุค 2000s สหรัฐอเมริกาได้ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจที่สำคัญหลายประการ รวมถึงปัญหาฟองสบู่เทคโนโลยีแตกและเรื่องอื้อฉาวทางบัญชีของบริษัทต่าง ๆ เช่น Enron แถมยังมีเรื่องของเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน ปัญหาเหล่านี้ร่วมกันได้ทำให้เกิดภาวะถดถอยในช่วงสั้น ๆ แต่เศรษฐกิจก็ได้ฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว

ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเนื่องจากสงครามอ่าวเปอร์เซีย (กรกฎาคม 1990 ถึง มีนาคม 1991)

ในช่วงเริ่มต้นของยุค 1990s สหรัฐอเมริกาได้ประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงเวลาสั้น ๆ เป็นเวลาแปดเดือน สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงสงครามอ่าวเปอร์เซียครั้งแรก

คุณสามารถทำนายภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้หรือไม่?

เนื่องจากการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจนั้นยังคงมีความคลุมเครือ การทำนายภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอนาคตจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ตัวอย่างเช่น ไวรัสโควิด-19 ได้ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัวในช่วงต้นปี 2020 และภายในเวลาไม่กี่เดือน เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ได้ปิดตัวลงบางส่วน และคนทำงานหลายล้านคนต่างก็ตกงาน

เส้นโค้งอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้กลับด้าน

เส้นโค้งอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้เป็นกราฟที่แสดงอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ตั้งแต่พันธบัตรที่มีอายุ 4 เดือนไปจนถึงพันธบัตรที่มีอายุ 30 ปี เมื่อเศรษฐกิจทำงานได้ตามปกติ อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะยาวควรสูงกว่าพันธบัตรระยะสั้น เป็นผลให้นักลงทุนเกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยเนื่องจากอัตราผลตอบแทนระยะยาวต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนระยะสั้น ปรากฏการณ์นี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อเส้นโค้งอัตราผลตอบแทนกลับด้าน (yield curve inversion) ซึ่งมันได้คาดการณ์ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ผ่านมา

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง

การใช้จ่ายของผู้บริโภคเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เมื่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง นั่นหมายความว่าผู้คนไม่มั่นใจที่จะใช้จ่ายเงิน ซึ่งมันจะส่งผลให้เศรษฐกิจเกิดการชะลอตัว หากการสำรวจพบว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจ

ตลาดหุ้นร่วงลงอย่างกะทันหัน

การร่วงลงอย่างรุนแรงของตลาดหุ้นอาจบ่งบอกถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากนักลงทุนต่างพากันเทขายหลักทรัพย์เพื่อถือเงินสดเอาไว้ในมือตามการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเกิดการชะลอตัว

อัตราการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้น

หากผู้คนตกงาน มันก็เป็นสัญญาณที่ไม่ดีต่อเศรษฐกิจ การสูญเสียงานจำนวนมากในเวลาไม่กี่เดือนได้เตือนถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่กำลังใกล้เข้ามา แม้ว่า NBER จะยังไม่ประกาศภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็ตาม

สินทรัพย์ต่าง ๆ มีการดำเนินการอย่างไรในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย?

เทรดเดอร์ต่างจากนักลงทุนตรงที่พวกเขาไม่กลัวภาวะเศรษฐกิจถดถอยเพราะพวกเขาสามารถทำเงินได้จากการซื้อขายทั้งสองทิศทาง ทั้ง Long และ Short อย่างไรก็ตาม การเข้าใจพฤติกรรมของสินทรัพย์ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอยเพื่อจะได้ตัดสินใจเลือกได้อย่างถูกต้องนั้นสำคัญมาก ๆ

ภาวะเศรษฐกิจถดถอยฆ่าน้ำมัน

ในอดีต การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันนำไปสู่อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในอนาคต และในทำนองกลับกัน ค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงพลังงานที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งและราคาอาหารจะประกอบกันเป็นส่วนสำคัญของตะกร้าสินค้าอุปโภคบริโภค

เมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ผู้บริโภคจะซื้อน้อยลง ทำให้ผู้ผลิตต้องลดค่าใช้จ่ายของตนลง ความต้องการพลังงานลดลงและราคาน้ำมันก็ลดลงอย่างมาก ดังนั้นเทรดเดอร์ที่ซื้อขายน้ำมันจึงต้องจับตามองการใช้จ่ายของผู้บริโภคอย่างระมัดระวังเพื่อให้สามารถคาดการณ์การลดลงของราคาน้ำมันได้

ทองคำ

ในอดีต ราคาทองคำและภาวะเศรษฐกิจถดถอยมีความสัมพันธ์กันแบบผกผัน ในยามที่เศรษฐกิจอ่อนแอ ราคาทองคำก็มักจะปรับตัวสูงขึ้น ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย 3 ครั้งล่าสุด ได้แก่ ปี 2020, ปี 2007 และ ปี 2001 ราคาทองคำได้ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่มูลค่าของ S&P 500 กลับลดลง

สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย ธนาคารกลางได้ประคับประคองเศรษฐกิจด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลักและใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (การซื้อหนี้ต่างประเทศ) ซึ่งเป็นสาเหตุของการเติบโตของอัตราเงินเฟ้อทั่วโลก

money supply_2.png

ในครั้งนี้ก็ไม่เว้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2024 ตลาดหุ้นมักจะเป็นไปตามตัวบ่งชี้ปริมาณเงินหมุนเวียนในมือประชาชน M2 กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะต้องพิมพ์เงินเพิ่มอีกเพื่อกระตุ้นตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ

M2 Money and S P 500.png

ดังนั้นทองคำมักจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในระยะยาว ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการซื้อทองคำคือช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยถึงขีดสุด ในตอนที่ธนาคารกลางยกเลิกนโยบายต่าง ๆ แล้วเริ่มประคับประคองเศรษฐกิจด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำ ๆ และเพิ่มปริมาณเงินหมุนเวียนในมือประชาชน ในช่วงเวลาดังกล่าว นักลงทุนรายใหญ่จะเข้าซื้อโลหะสีเหลืองและราคาของมันจะพุ่งสูงขึ้น

หุ้นและคริปโต

ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะส่งผลกระทบต่อหุ้นอย่างแตกต่างกัน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับประเภทของบริษัท บางบริษัท เช่น สาธารณูปโภค การดูแลสุขภาพ และสินค้าอุปโภคบริโภคมักจะทรงตัวในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย ส่วนบริษัทที่มีหนี้ก้อนโต เช่น บริษัทท่องเที่ยวและเทคโนโลยี รวมถึงบริษัทต่าง ๆ ในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นกลับมีแนวโน้มที่จะทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐานในตลาด

ตลาดสกุลเงินดิจิทัลนั้นเป็นภาคส่วนที่มีอายุน้อย ดังนั้น โครงการต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะมีหนี้สินสูง เป็นผลให้นักลงทุนเลือกที่จะกำจัดคริปโตในตอนที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเริ่มต้นขึ้นและกลับมาเข้าซื้ออีกครั้งในตอนที่เศรษฐกิจเริ่มเติบโต

Strong stocks during recession.png

กล่าวได้ว่าภาคส่วนที่มีประสิทธิภาพต่ำในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอยนั้นจะมีประสิทธิภาพดีในช่วงหลังการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจถดถอย ตัวอย่าง ได้แก่ การเงิน อสังหาริมทรัพย์ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย อุตสาหกรรมต่าง ๆ และวัสดุต่าง ๆ

Strong stocks post recession.png

คุณสามารถซื้อขายความผันผวนของตลาดที่เพิ่มขึ้นที่เกิดจากภาวะถดถอยได้โดย สร้างบัญชีซื้อขาย และเปิดตำแหน่งกับ CFDs ได้แก่ ตราสารอนุพันธ์ทางการเงิน ที่ช่วยให้คุณสามารถเก็งกำไรในตลาดขาขึ้นโดยเปิดสถานะซื้อ (Long) เช่นเดียวกับในตลาดขาลงโดยเปิดสถานะขาย (Short)

สกุลเงินต่าง ๆ

ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย กิจกรรมทางธุรกิจของประเทศหนึ่ง ๆ จะตกต่ำลง และเศรษฐกิจจะชะลอตัวลง เป็นผลให้สกุลเงินมีแนวโน้มที่จะลดลงเนื่องจากประเทศจะกลายเป็นที่ที่มีความน่าดึงดูดใจน้อยลงในการเข้ามาลงทุน

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศใหญ่ ๆ จะเชื่อมโยงกัน ภาวะเศรษฐกิจถดถอยไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศใดประเทศหนึ่งโดยเฉพาะ แต่มันจะกระจายไปในทุกประเทศ ในกรณีนี้ สกุลเงินของประเทศที่มีดุลการค้าที่มั่นคงที่สุดและมีสินทรัพย์สกุลเงินต่างประเทศจำนวนมาก (เพื่อให้ประเทศเหล่านั้นสามารถขายสินทรัพย์ต่างประเทศและนำเงินกลับบ้านได้ในยามที่ความผันผวนเพิ่มสูงขึ้น) จะได้รับประโยชน์เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ

จวบจนปัจจุบัน ดอลลาร์สหรัฐ (USD) และฟรังก์สวิส (CHF) ได้ถูกพิจารณาว่าเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัย

ดอลลาร์สหรัฐ

หากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนสูง นั่นหมายความว่าตลาดมีแนวโน้มไม่พอใจข้อมูลหรือข่าวสารทางเศรษฐกิจที่เพิ่งเผยแพร่ออกมา ในกรณีนี้ นักลงทุนต่างชาติจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเพื่อเป็นที่หลบภัย ซึ่งในการเข้าซื้อพันธบัตร พวกเขาจำเป็นต้องซื้อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ พอนักลงทุนจำนวนมากทำสิ่งนี้พร้อมกัน สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐก็จะมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น

ฟรังก์สวิส

ฟรังก์สวิสเป็นอีกหนึ่งสกุลเงินที่ถือเป็นที่หลบภัย ด้วยความที่มีเสถียรภาพทางการเมือง นโยบายการเงินแบบอนุรักษ์นิยม และเศรษฐกิจที่มั่นคง ทำให้ CHF เป็นสกุลเงินที่มีเสถียรภาพ ซึ่งดึงดูดนักลงทุนต่างชาติในยามวิกฤต

แม้จะมีวิกฤตการณ์มากมายในตลาดการเงินโลก แต่สวิตเซอร์แลนด์ก็สามารถยืนหยัดอยู่ได้เสมอโดยไม่มีปัญหามากนัก

หากเศรษฐกิจยุโรปเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย สกุลเงินฟรังก์สวิส (CHF) ก็มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยุโรปที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า

วิธีการซื้อขายในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย

เปิด Short เพื่อคว้าโอกาสในตลาดขาลง

การ Short เป็นวิธีการคว้าโอกาสในตลาดที่กำลังตกต่ำ เทรดเดอร์จำนวนมากต่างใช้อนุพันธ์ทางการเงิน เช่น CFD เพื่อเปิด Short กล่าวคือ เพื่อขายสินทรัพย์ ตราสารเหล่านี้จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์เอง

สินทรัพย์ที่ดีที่สุดที่ควรขายในช่วงเศรษฐกิจถดถอยคือ:

  • หุ้นการท่องเที่ยว หุ้นอุตสาหกรรม หุ้นเทคโนโลยี และสกุลเงินดิจิทัล นักลงทุนออกจากสินทรัพย์เสี่ยงและโครงการต่าง ๆ ที่มีหนี้สินสูง ราคาจึงปรับตัวลง
  • น้ำมัน (Brent, WTI) เมื่อกิจกรรมทางธุรกิจเพิ่มขึ้น ความต้องการน้ำมันก็เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ในทางตรงกันข้าม ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย ราคาสินค้าโภคภัณฑ์กลับมีแนวโน้มที่จะลดลง
  • สกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนสูง (AUD, GBP) เทียบกับสกุลเงินปลอดภัย (ดอลลาร์สหรัฐ, ฟรังก์สวิส) นักลงทุนเปลี่ยนจากการแสวงหารายได้ที่สูงขึ้นเป็นการมองหาที่หลบภัยที่จะช่วยรักษาเงินทุนไว้ได้ เป็นผลให้สกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงมีมูลค่าลดลง

เปิด Long เมื่อตลาดฟื้นตัว

การเปิด Long ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยอาจมีความเสี่ยง นั่นเป็นเหตุผลที่เทรดเดอร์และนักลงทุนต่างรอคอยการดีดตัวครั้งแรกเมื่อสินทรัพย์จำนวนมากต่างแตะถึงระดับต่ำสุดของพวกมัน จากนั้นพวกเขาก็จะเข้าซื้อที่ระดับเหล่านี้ โดยพยายามสร้างผลตอบแทนสูงสุดจากการฟื้นตัวหลังภาวะเศรษฐกิจถดถอยในที่สุด

สินทรัพย์ที่ดีที่สุดที่ควรเปิด Long ในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวคือ:

  • ทองคำ รัฐบาลจะกลับไปใช้นโยบายการเงินแบบสุดโต่ง พิมพ์เงินและเข้าซื้อสินทรัพย์ตามงบดุล และสร้างความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นในอนาคต อัตราเงินเฟ้อที่สูงจะทำให้ทองคำมีความน่าสนใจ
  • หุ้นการท่องเที่ยว หุ้นอุตสาหกรรม หุ้นเทคโนโลยี และสกุลเงินดิจิทัล สินทรัพย์เหล่านี้จะมีราคาถูก และเป็นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนระยะยาว
  • น้ำมัน (Brent, WTI) เมื่อกิจกรรมทางธุรกิจเพิ่มขึ้น ความต้องการน้ำมันก็เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
  • สกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนสูง (AUD, GBP) เทียบกับสกุลเงินปลอดภัย (ดอลลาร์สหรัฐ, ฟรังก์สวิส) นักลงทุนกลับมามีความเชื่อมั่นในความเสี่ยงและเข้าซื้อพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ส่งผลให้ความต้องการสกุลเงินของประเทศเหล่านี้เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน

สรุป

ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะสร้างโอกาสมากมายให้กับทั้งเทรดเดอร์และนักลงทุน ด้วยการที่มีโอกาสในการเปิดได้ทั้ง Long และ Short (กล่าวคือเปิดคำสั่ง Buy และ Sell) เทรดเดอร์สามารถเพิ่มทุนจำนวนมากเข้าไปได้เนื่องจากความผันผวนสูง ในขณะเดียวกัน นักลงทุนก็สามารถเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ต้องการได้ในราคาต่ำ ๆ

เพื่อให้ประสบความสำเร็จ คุณต้องเข้าใจต้นเหตุของภาวะเศรษฐกิจถดถอยและแนวทางที่เป็นไปได้ในการแก้ปัญหาของรัฐบาล (ส่วนมากก็จะเป็นนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษ) ด้วย FBS คุณสามารถสร้างรายได้จากการขายหุ้น สกุลเงินดิจิทัล และน้ำมันในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ นอกจากนี้ คุณยังสามารถเพิ่มสินทรัพย์ของคุณได้ด้วยการซื้อทองคำและสินทรัพย์อื่น ๆ ในตอนที่เศรษฐกิจกลับมาเติบโตอีกครั้ง

คล้ายกัน

กลยุทธ์การซื้อขายด้วยความไม่สมดุล
กลยุทธ์การซื้อขายด้วยความไม่สมดุล

บทความนี้จะแนะนำคุณเกี่ยวกับกลยุทธ์การซื้อขายที่ไม่ต้องใช้ปริมาณ ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค และรูปแบบราคา สิ่งที่คุณต้องทำคือให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของราคา ยินดีต้อนรับสู่บทเรียนเรื่องความไม่สมดุล

กลยุทธ์การเทรดด้วยโมเมนตัม
กลยุทธ์การเทรดด้วยโมเมนตัม

บทความนี้จะสำรวจกลยุทธ์การเทรดด้วย MACD + RSI และวิธีการนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อระบุโอกาสในการเปิดคำสั่งซื้อขายในตลาด Forex

คำถามที่พบบ่อย

  • จะเริ่มเทรดอย่างไร?

    หากคุณอายุ 18 ปีขึ้นไปคุณสามารถเข้าร่วม FBS ได้และเริ่มต้นการเดินทาง FX ของคุณ ในการซื้อขายคุณจะต้องมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์และมีความรู้ที่เพียงพอเกี่ยวกับวิธีการทำงานของสินทรัพย์ในตลาดการเงิน เริ่มด้วยการศึกษาขั้นพื้นฐานด้วย สื่อการเรียนรู้ฟรี และ สร้างบัญชี FBS คุณอาจต้องการทดสอบสภาพแวดล้อมด้วยเงินเสมือนจริงผ่านบัญชีทดลอง เมื่อคุณพร้อมเข้าสู่ตลาดจริงแล้ว ก็เริ่มทำการซื้อขายเพื่อที่จะได้ประสบความสำเร็จ  

  • จะเปิดบัญชี FBS ได้อย่างไร?

    คลิกปุ่ม ‘เปิดบัญชี’ บนเว็บไซต์ของเราแล้วไปที่ Personal area ก่อนที่คุณจะเริ่มทำการซื้อขายได้ คุณจะต้องผ่านการตรวจสอบโปรไฟล์, ยืนยันอีเมลและหมายเลขโทรศัพท์ของคุณ, และผ่านการยืนยัน ID ของคุณ ขั้นตอนนี้มีไว้เพื่อรับประกันความปลอดภัยของเงินทุนและตัวตนของคุณ เมื่อคุณตรวจสอบทั้งหมดเสร็จแล้วให้ไปที่แพลตฟอร์มการซื้อขายที่ต้องการแล้วเริ่มทำการซื้อขาย 

  • จะถอนเงินที่ทำได้กับ FBS ได้อย่างไร?

    ขั้นตอนนั้นตรงไปตรงมามาก ไปที่หน้า การถอนเงิน บนเว็บไซต์หรือส่วนการเงินของ FBS Personal area แล้วถอนเงิน คุณจะรับเงินที่ถอนผ่านระบบการชำระเงินเดียวกับที่คุณใช้ในการฝากเงิน ในกรณีที่คุณฝากเงินเข้าบัญชีด้วยวิธีการอื่น คุณต้องถอนกำไรของคุณผ่านวิธีเดียวกันในยอดเดียวกันกับจำนวนเงินที่ฝาก

ฝากเงินกับระบบการชำระเงินในประเทศของคุณ

ประกาศการเก็บรวบรวมข้อมูล

FBS เก็บรักษาข้อมูลของคุณไว้เพื่อใช้งานเว็บไซต์นี้ เมื่อกดปุ่ม "ยอมรับ" ถือว่าคุณยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเรา

โทรกลับ

ผู้จัดการของเราจะโทรหาคุณในเร็ว ๆ นี้

เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์

เราได้รับคำร้องของคุณแล้ว

ผู้จัดการของเราจะโทรหาคุณในเร็ว ๆ นี้

คำขอโทรกลับครั้งต่อไปสำหรับหมายเลขโทรศัพท์นี้
จะพร้อมใช้งานใน

หากคุณมีปัญหาเร่งด่วนโปรดติดต่อเราผ่านทาง
สนทนาออนไลน์

เกิดข้อผิดพลาดภายใน กรุณาลองใหม่อีกครั้งในภายหลัง

อย่ามัวเสียเวลา - ติดตามดูว่า NFP ส่งผลกระทบอย่างไร ต่อ USD แล้วทำกำไรเลยสิ!

คุณกำลังใช้เบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่ากว่านี้

อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดหรือลองใช้เพื่อการเทรดที่สะดวกสบายและมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น

Safari Chrome Firefox Opera