บทความนี้จะแนะนำคุณเกี่ยวกับกลยุทธ์การซื้อขายที่ไม่ต้องใช้ปริมาณ ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค และรูปแบบราคา สิ่งที่คุณต้องทำคือให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของราคา ยินดีต้อนรับสู่บทเรียนเรื่องความไม่สมดุล
วิธีการเทรดด้วยรูปแบบแผนภูมิเพชร
อัปเดทแล้ว • 2023-04-03
รูปแบบกราฟรูปเพชรคืออะไร?
รูปแบบกราฟ Diamond หรือรูปแบบกราฟรูปเพชรคือรูปแบบการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ถูกใช้โดยทั่วไปในการหาการกลับตัวของแนวโน้ม มันเป็นรูปแบบที่พบได้ยากมาก มันจะเกิดขึ้นในตอนที่ราคาเริ่มราบเรียบหลังการวิ่งอย่างคงที่ของแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง ซึ่งทำให้รูปร่างเพชรปรากฏขึ้นบนกราฟ
ในบทความนี้ คุณจะพบคำตอบของคำถามต่างๆดังต่อไปนี้:
- รูปแบบกราฟรูปเพชรคืออะไร?
- พวกมันเกิดขึ้นตอนไหน?
- ความแตกต่างระหว่างรูปแบบกราฟ bullish diamond และ bearish diamond มีอะไรบ้าง?
- คุณจะรวมรูปแบบกราฟรูปเพชรเข้ากับกลยุทธ์การซื้อขายของคุณได้อย่างไร?
รูปแบบกราฟรูปเพชรในการเทรด
รูปแบบ diamond นั้นเป็นรูปแบบกราฟสุดคลาสสิก แต่มันจะปรากฏขึ้นไม่บ่อยเท่ารูปแบบ flag, head-and-shoulders และ rectangle มีโอกาสไม่มากนักในการที่จะได้เทรดรูปแบบกราฟรูปเพชร แต่เทรดเดอร์สายเทคนิคควรทำความคุ้นเคยกับรูปแบบนี้ เนื่องจากมันจะให้โอกาสที่ดีในการเทรด หากจำแนกมันได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
รูปแบบกราฟรูปเพชรมักจะเกิดขึ้นหลังจากช่วงที่แนวโน้มได้ขยายตัวออกไปแล้ว ในช่วงตลาดกระทิง จะเกิดรูปแบบ diamond top หรือ bearish diamond เนื่องจากราคาจะกลับตัวแล้วเริ่มเคลื่อนไหวลงด้านล่างหลังเกิดรูปแบบนี้ ในทางกลับกัน ในขาลงจะเกิดรูปแบบ diamond bottom หรือ bullish diamond เนื่องจากราคาจะเริ่มกลับตัวขึ้นหลังจากที่รูปเพชรปรากฏขึ้นในแนวโน้มขาลง
รูปแบบกราฟรูปเพชรนั้นเกิดไม่บ่อยเท่าไหร่เพราะมันใช้เวลานานมากในการก่อตัว โดยก่อนอื่นเลย มันควรสร้างเส้นแนวรับและแนวต้าน ซึ่งทั้งสองเส้นก็จะทำมุมอันแข็งแกร่งแยกออกจากกันบนฐานเส้นแนวนอน จากนั้นค่อยกลับมาบรรจบกันอีกครั้งจนเกิดเป็นโครงสร้าง ผลที่ได้คือรูปทรงเพชรนั่นเอง นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อ
กราฟด้านล่างจะแสดงรูปแบบรูปเพชรบนกราฟ GBPUSD ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2019
ในความเป็นจริง รูปแบบจะไม่สวยไม่เป๊ะเหมือนในแผนภาพมากนัก แต่ถ้ารูปแบบสอดคล้องกับตรรกะของทั้งยอดสูงสุดและต่ำสุด และแลดูเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนไม่มากก็น้อย นั่นก็ถือว่าเป็นรูปแบบ diamond แล้วล่ะ
รูปแบบ Bearish diamond
รูปแบบต่างๆของ bearish diamond หรืออีกชื่อก็คือ diamond top ได้ถูกอธิบายไว้ในส่วนก่อนหน้านี้ เทรดเดอร์จะเห็นรูปแบบเป็นชุดของการแกว่งตัวขึ้นและลงของราคาที่คล้ายกับโครงสร้างของรูปแบบ head-and-shoulders
ไหล่ซ้ายและส่วนหัวจะสร้างเส้นแนวโน้มเส้นที่หนึ่ง และส่วนหัวและไหล่ขวาจะสร้างเแนวโน้มเส้นที่สอง เส้นแนวโน้มจะมาบรรจบกันในส่วนบนของรูปแบบ bearish diamond สำหรับส่วนล่าง เราจะเชื่อมต่อจุดต่ำสุดของการแกว่งตัวที่เป็นร่อง ซึ่งจะทำให้เกิดเป็นรูปตัว V
ภาพประกอบด้านบนจะแสดงให้เราเห็นรูปแบบ bearish diamond อีกครั้ง กราฟนี้แสดงให้เห็นสัญญาณการเปิดคำสั่งซื้อตามการพุ่งทะลุในการเทรดตามโครงสร้างเพชรและระดับเป้าหมายของรูปแบบนี้ สัญญาณการเปิด short จะถูกเปิดโดยการพุ่งทะลุและปิดใต้เส้นล่างขวาที่ทแยงมุมขึ้นด้านบน
เทรดเดอร์บางรายก็รอแค่ให้ราคาทะลุลงใต้เส้นนี้แต่ไม่จำเป็นต้องปิดใต้มัน นี่ก็ถือว่าเป็นจุดเข้าที่เป็นไปได้ แต่ต้องระวังหน่อยเพราะมันจะให้สัญญาณหลอกมากกว่าการใช้เงื่อนไขที่รอให้ราคาพุ่งทะลุและปิดใต้เส้น
ราคาเป้าหมายของโครงสร้างจะถูกคำนวณโดยใช้วิธีการเคลื่อนไหวที่วัดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราต้องการวัดระยะทางจากยอดไปยังร่องภายในโครงสร้าง แล้วยิงระยะนั้นลงมาจากจุดที่มีการพุ่งทะลุ มันจะให้ระดับที่เราสามารถคาดหวังว่าความต่อเนื่องของแรงกราฟที่พุ่งทะลุออกมาจะเริ่มจางหายไปหรืออาจเกิดการกลับตัว ซึงมันจะเป็นระดับที่ควรเก็บกำไรหรือออกจากตลาด
รูปแบบ Bullish diamond
เดี๋ยวเรามาดูสิ่งที่ตรงกันข้ามกับรูปแบบ bearish diamond นั่นก็คือรูปแบบ bullish diamond รูปแบบ bullish diamond หรือที่เรียกว่า diamond bottom จะเกิดขึ้นหลังแนวโน้มขาลง ปกติแล้วเราจะเห็นการร่วงลงอย่างแข็งแกร่งของราคา แล้วจากนั้นก็จะเข้าสู่ช่วงสะสมราคาที่มีการแกว่งตัวขึ้นและลงในรูปแบบ diamond bottom
ในกรณีนี้ ลักษณะที่ปรากฏจะคล้ายกับรูปแบบ inverted head and shoulders เราจะทำการเชื่อมต่อยอดและร่องภายในโครงสร้างด้วยวิธีการเดียวกันกับที่อธิบายไปก่อนหน้านี้ เมื่อเราลากเส้นแนวโน้มสี่เส้นรอบๆโครงสร้างและมั่นใจว่าเส้นทั้งสี่มีขนาดพอๆกัน เราสามารถยืนยันได้ว่าโครงสร้างที่ได้จะเป็นรูปแบบ bullish diamond
ดูที่ภาพประกอบของรูปแบบ diamond bottom ด้านบน เราจะเห็นว่าราคามีการเคลื่อนที่เป็นขาลงก่อนที่จะเกิดการก่อตัว โครงสร้างของรูปแบบเพชรจะถูกร่างขึ้นด้วยเส้นแนวโน้มบนสองเส้นที่ทแยงมุมลงและเส้นแนวโน้มล่างสองเส้นที่ทแยงมุมขึ้น
การทะลุและปิดเหนือเส้นบนขวาที่ทแยงมุมลงจะให้สัญญาณการเปิดตำแหน่ง long และขอย้ำอีกครั้งว่า ควรรอให้ราคาทะลุออกไปจริงๆและปิดเหนือเส้น ไม่ใช่แค่ดูว่ามันทะลุเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันสัญญาณหลอกและการเคลื่อนไหวของราคาที่อาจเกิดขึ้นได้ในบริเวณนี้
ในการคำนวณราคาเป้าหมายฝั่งบน เราจะทำการวัดค่าสูงสุดและค่าต่ำสุดภายในโครงสร้างที่ปิดแล้ว เมื่อเราคำนวณระยะห่างนี้และวาดลงบนแกราฟแล้ว เราจะลากเส้นระยะห่างที่เท่ากันนี้จากจุดที่มีการทะลุขึ้นไปด้านบนซึ่งปลายทางก็จะเป็นระดับเป้าหมายที่เราต้องการ เมื่อราคาถึงระดับนี้ เราควรพิจารณาปิดตำแหน่งทั้งหมดหรือปิดส่วนใหญ่แล้วถือส่วนเล็กๆต่อหากจำเป็น
รูปแบบเพชรต่อเนื่องคืออะไร?
แม้ว่ารูปแบบกราฟ diamond จะถูกนำไปใช้เพื่อหาการกลับตัวกันอย่างกว้างขวาง แต่มันก็สามารถสร้างความประหลาดใจให้กับเทรดเดอร์ได้เช่นกัน ไม่ใช่ว่ารูปแบบเพชรทั้งหมดจะเป็นรูปแบบที่เปลี่ยนทิศทางของแนวโน้ม ดังนั้นจำเป็นต้องจำไว้ว่ารูปแบบเพชรต่อเนื่องก็มีอยู่เช่นกัน
รูปแบบเพชรต่อเนื่องจะเกิดขึ้นเมื่อราคาทำลายช่วงสะสมราคาแล้วพุ่งต่อไปในทิศทางเดียวกับแนวโน้ม เช่นเดียวกับรูปแบบเพชรกลับตัว ราคาจะสร้างยอดสูงๆต่ำๆ แต่จากนั้นก็จะจำกัดช่วงให้แคบลง แล้วอีกซักพักก็จะกลับมาอยู่ในทิศทางเดียวกับแนวโน้มหลัก
นอกจากนี้ รูปแบบเพชรต่อเนื่องก็จะใช้เวลามากในการพัฒนาและสร้างรูปทรง ดังนั้นคุณจึงมีเวลามากพอที่จะใช้วิธีและเครื่องมืออื่นๆเพื่อดูว่าแนวโน้มจะกลับตัวหรือไม่ หรือราคาจะดำเนินต่อไปในทิศทางเดียวกัน
หลุมพรางของรูปแบบ Diamond
น่าเสียดายที่ไม่มีรูปแบบใดที่สามารถทำนายการเคลื่อนไหวของราคาในตลาดได้อย่างแม่นยำ 100% รูปแบบกราฟรูปเพชรก็ไม่สามารถทำนายการกลับตัวของแนวโน้มได้เสมอไป บางครั้งราคาสามารถทะลุออกและเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดิมได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรอการยืนยันการกลับตัวหรือใช้วิธีอื่นเพื่อให้เห็นโมเมนตัมชัดขึ้น
ตัวอย่างเช่น หนึ่งในเครื่องมือที่มักจะถูกใช้ในกรณีเช่นนี้คือออสซิลเลเตอร์ มันสามารถแสดงให้เห็นได้ว่าสินทรัพย์ถูกขายมากเกินไปหรือซื้อมากเกินไป อีกวิธีหนึ่งคือการใช้ตัวบ่งชี้ moving average และ Relative Strength Index การใช้เครื่องมือเหล่านี้กับรูปแบบกราฟรูปเพชรจะสามารถช่วยให้คุณเข้าใจทิศทางของการเคลื่อนไหวของราคาได้มากขึ้นและเห็นการทำลายแนวรับหรือแนวต้านที่อาจเกิดขึ้นได้
วิธีการล็อกกำไรจากรูปแบบ Diamond
เมื่อคุณพร้อมที่จะใช้รูปแบบเพชรให้เป็นประโยชน์ได้แล้ว คุณอาจเริ่มสงสัยถึงวิธีการนำมันมาใช้งาน สิ่งแรกที่คุณต้องจำไว้คือการเคลื่อนไหวขั้นต่ำของราคาที่คุณคาดหวังได้จากรูปแบบนี้จะเท่ากับขนาดของรูปแบบ ดังนั้นหากต้องการทราบว่าคุณสามารถปิดตำแหน่งและเก็บกำไรได้ตอนไหน คุณต้อง:
- วัดระยะห่างระหว่างจุดสูงสุดสัมบูรณ์และจุดต่ำสุดสัมบูรณ์ของรูปแบบ
- ลากเส้นด้วยความยาวเท่ากันที่ขอบของรูปแบบลงด้านล่าง (หลัง diamond top) หรือขึ้นด้านบน (หลัง diamond bottom)
- ทำเครื่องหมายที่ส่วนท้ายของเส้น - เป้าหมายขั้นต่ำจะอยู่ตรงนี้
เมื่อราคาทะลุระดับนี้ คุณสามารถปิดคำสั่งซื้อได้ หรือคุณจะรออีกซักหน่อยก็ได้เนื่องจากเส้นนี้อาจไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการเคลื่อนไหวของราคา และใช้วิธีการอื่น (เช่น volume-weighted moving average) เพื่อตรวจสอบว่ามีจุดออกที่เป็นไปได้หรือไม่
กลยุทธ์การซื้อขายรูปแบบเพชร
เดี๋ยวเรามาโฟกัสกันที่การสร้างกลยุทธ์การซื้อขายด้วยรูปแบบเพชร เราได้เห็นแล้วว่ารูปแบบเพชรเกิดขึ้นทั้งในแนวโน้มขาขึ้นและขาลง เมื่อการเคลื่อนไหวขาขึ้นของราคาเกิดขึ้นก่อนรูปแบบเพชรมันจะถูกเรียกว่า diamond top ที่มาพร้อมกับอารมณ์อยากขาย เมื่อรูปแบบเพชรเกิดขึ้นหลังการเคลื่อนไหวขาลงของราคา มันจะถูกเรียกว่า diamond bottom ซึ่งมีความหมายแฝงของขาขึ้น
เราทราบดีว่ารูปแบบเพชรนั้นยังไม่เป็นที่แพร่หลายในตลาดมากนัก ดังนั้น เราจึงไม่ต้องการเพิ่มตัวแปรต่างๆที่ช่วยในการกรองสัญญาณเข้าไปมากเกินไปในกลยุทธ์ เราจะพยายามทำให้มันเรียบง่ายที่สุดเท่าที่เป็นไปได้โดยใช้เพียงแค่ price action ในกลยุทธ์การซื้อขายรูปแบบเพชรนี้
นี่คือกฎของการซื้อขายรูปแบบกราฟ diamond top:
- แนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจนจะต้องเกิดขึ้นก่อนการเกิดรูปแบบ diamond top
- รูปแบบ diamond top ควรถูกระบุอย่างชัดเจนด้วยเส้นแนวโน้มสี่เส้นที่เชื่อมต่อถึงกัน และมีความยาวค่อนข้างใกล้เคียงกัน
- เปิดคำสั่ง Sell ที่ราคาตลาดเมื่อมีการพุ่งทะลุและปิดต่ำกว่าเส้นแนวโน้มที่ทแยงมุมขึ้นใกล้จุดบรรจบของรูปแบบ
- ขอแนะนำให้วาง Stop Loss ไว้ที่จุดสูงสุดของการแกว่งตัวล่าสุดก่อนถึงจุดพุ่งทะลุ
- ระดับเป้าหมายจะถูกคำนวณตามการคำนวณการเคลื่อนไหวที่วัดได้ เราจะวัดระยะห่างระหว่างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดภายในโครงสร้าง และยิงลงมาจากจุดพุ่งทะลุ ระดับการคาดการณ์นี้จะทำหน้าที่เป็นจุดออกกำไร
- คำสั่งซื้อนี้จะมีองค์ประกอบเรื่องเวลามาเกี่ยวข้อง ซึ่งหากหลังจากผ่านไป 50 แท่งเทียนแล้ว ราคาไม่แตะทั้ง Stop Loss หรือระดับเป้าหมาย เราจะปิดคำสั่งซื้อทันที
กฎการซื้อขายสำหรับรูปแบบกราฟ diamond bottom จะตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง:
- ต้องมีแนวโน้มขาลงที่ชัดเจนก่อนที่จะเกิดรูปแบบ diamond bottom
- การก่อตัวของ diamond bottom ควรถูกระบุอย่างชัดเจนด้วยเส้นแนวโน้มสี่เส้นที่เชื่อมต่อและมีความยาวค่อนข้างใกล้เคียงกัน
- เปิดคำสั่ง Buy ที่ราคาตลาดเมื่อมีการพุ่งทะลุและปิดเหนือเส้นแนวโน้มที่ทแยงมุมลงใกล้จุดบรรจบของรูปแบบ
- ขอแนะนำให้วาง Stop Loss ไว้ที่จุดต่ำสุดของการแกว่งตัวล่าสุดก่อนถึงจุดพุ่งทะลุ
- ระดับเป้าหมายจะถูกคำนวณตามการคำนวณการเคลื่อนไหวที่วัดได้ เราจะวัดระยะห่างระหว่างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดภายในโครงสร้าง และยิงขึ้นไปจากจุดพุ่งทะลุ ระดับการคาดการณ์นี้จะทำหน้าที่เป็นจุดออกกำไร
- คำสั่งซื้อนี้จะมีองค์ประกอบเรื่องเวลามาเกี่ยวข้อง ซึ่งหากหลังจากผ่านไป 50 แท่งเทียนแล้ว ราคาไม่แตะทั้ง Stop Loss หรือระดับเป้าหมาย เราจะปิดคำสั่งซื้อทันที
วิธีการใช้รูปแบบกราฟรูปเพชรในการเทรด Forex
รูปแบบเพชรเป็นเครื่องที่ทรงพลังในการเทรด Forex แถมยังเอาไปใช้ในกลยุทธ์การเทรด Forex ของคุณได้ไม่ยาก เมื่อคุณเจอรูปแบบเพชรบนกราฟ นี่คือสิ่งที่คุณต้องทำ
- หาจุดเข้า รูปแบบเพชรสามารถใช้ในการทำนายการกลับตัวได้ทั้งขาขึ้นหรือขาลง หากคุณเห็นรูปแบบ bearish diamond ให้เปิด Sell ที่ระดับใต้รูปแบบ และถ้าคุณเห็นรูปแบบ bullish diamond ให้เปิด Buy เมื่อราคาอยู่เหนือมัน
- วาง Stop Loss ของคุณ. คำสั่ง Stop-loss จะช่วยให้คุณจัดการความเสี่ยงแลปิดคำสั่งซื้อของคุณแบบอัตโนมัติเมื่อราคาเปลี่ยนไปยังทิศทางที่คุณไม่ต้องการ สิ่งนี้มีประโยชน์สำหรับรูปแบบกราฟรูปเพชรเนื่องจากบางครั้งมันจะให้สัญญาณหลอก ดังนั้นสำหรับรูปแบบ bearish diamond ให้วาง Stop Loss ไว้เหนือรูปแบบ และสำหรับรูปแบบ bullish diamond ให้วาง Stop Loss ไว้ใต้รูปแบบ
- กำหนดเป้าทำกำไร. ดังที่เราได้กล่าวไปแล้ว การตั้งเป้าหมายกำไรนั้นง่ายมากๆ คุณต้องลากเส้นยาวเท่ากับความสูงของเพชรโดยวัดจากขอบของลวดลาย นี่จะเป็นราคาเป้าหมายขั้นต่ำที่คุณสามารถปิดคำสั่งซื้อได้
รูปแบบเพชร vs. รูปแบบ head-and-shoulders
เทรดเดอร์มักจะสับสนระหว่างรูปแบบเพชรกับรูปแบบ head-and-shoulders เนื่องจากทั้งสองมีรูปร่างที่คล้ายคลึงกัน แต่พวกมันก็มีความแตกต่างที่จะช่วยให้สามารถสามารถระบุได้ว่าคุณกำลังเห็นรูปแบบใด
- รูปแบบ head and shoulders มีโครงสร้างที่แน่นอนและประกอบด้วยเส้นฐานที่มีสามยอด ยอดตรงกลางจะสูงที่สุด ในขณะที่สองยอดด้านข้างนั้นจะมีความสูงใกล้เคียงกัน แต่รูปแบบเพชรสามารถมีหลายยอดและร่องได้ และมีโครงสร้างที่ไม่เป๊ะเท่ารูปแบบ head-and-shoulders
- จุดต่ำสุดของรูปแบบ head-and-shoulders จะอยู่บนเส้นเดียวกันที่เรียกว่าเส้น neckline หากราคาทะลุเส้น neckline ออกไปได้ มันจะบ่งชี้ถึงการกลับตัวของแนวโน้ม และถือเป็นจังหวะที่ดีในการเปิดคำสั่งซื้อ สำหรับรูปแบบเพชร จุดต่ำสุดหรือสูงสุดของรูปแบบจะไม่อยู่บนเส้นเดียวกัน ดังนั้นการวาดเส้น neckline ผ่านเส้นเหล่านี้จึงไม่สามารถทำได้
รูปแบบเพชร: ข้อดีและข้อเสีย
เช่นเดียวกับรูปแบบทั้งหมด รูปแบบเพชรก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อดี ได้แก่:
- ก่อตัวบนกรอบเวลาใดก็ได้
- ใช้ได้ทั้งในกลยุทธ์ทั้งตลาดกระทิงและตลาดหมี
- เข้ากันได้กับทุกกลยุทธ์การซื้อขายการกลับตัว
ข้อเสียของรูปแบบเพชรคือ:
- มองยากแถมตีความก็ยาก
- นานๆเกิดที
- ไม่มีประสิทธิภาพบนกรอบเวลาเล็กๆ
- สามารถให้สัญญาณหลอกได้
ดังนั้น แม้ว่าคุณจะคิดว่าคุณพบเพชรในกราฟของคุณแล้ว อย่ารีบเร่งในการตัดสินใจ ลองใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆเพื่อให้แน่ใจว่าการกลับตัวกำลังจะเกิดขึ้น จากนั้นค่อยตัดสินใจว่าคุณต้องการดำเนินการกับมันหรือไม่
ใช้รูปแบบเพชรกับคริปโตได้ไหม?
รูปแบบเพชรนั้นพบได้ทั่วไปในตลาด Forex แต่ยังสามารถนำไปใช้กับสินทรัพย์ประเภทอื่นได้อีกด้วย กราฟคริปโตรวมถึง แต่คริปโตนั้นแตกต่างจากสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ดังนั้นก่อนที่จะใช้รูปแบบเพชรกับคริปโต คุณต้องเข้าใจวิธีการทำงานของการเทรดคริปโต - การรู้ว่าสิ่งใดในตลาดคริปโตที่สามารถสร้างหรือทำลายการซื้อขายของคุณได้
สรุป
รูปแบบเพชรกลับตัวจะถูกพบได้ในตลาดการเงินทุกประเภท รวมถึงตลาดหุ้น, ตลาด Forexล ตลาดสกุลเงินดิจิทัล, และตลาดฟิวเจอร์ส รูปแบบเพชรจะไม่เหมือนกับรูปแบบกราฟสุดคลาสสิกอื่นๆ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือคุณต้องเข้าใจรูปแบบและสามารถจดจำมันได้ เนื่องจากเมื่อมันปรากฏขึ้น มันสามารถมอบโอกาสที่ดีเยี่ยมในการซื้อขายให้คุณได้
รูปแบบ diamond top ที่เกิดขึ้นหลังจากการพุ่งขึ้นของราคาในตลาด โดยปกติแล้วมันจะให้โอกาสในการซื้อขายสูงกว่ารูปแบบ diamond bottom ที่เกิดขึ้นหลังการร่วงลงของราคา คุณจะต้องทำการทดสอบด้วยตัวคุณเองเพื่อดูว่าแนวโน้มนี้ตรงกับตลาดที่คุณกำลังซื้อขายอยู่หรือไม่
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ฉันสามารถเทรดรูปแบบเพชรในกรอบเวลาใดก็ได้หรือเปล่า?
รูปแบบกราฟรูปเพชรสามารถเกิดขึ้นในกรอบเวลาใดก็ได้ ดังนั้นในทางเทคนิคแล้ว คุณสามารถซื้อขายได้ในกรอบเวลาใดก็ได้ที่คุณต้องการ แต่มันจะมีความแม่นยำและเชื่อถือได้มากที่สุดเมื่อเกิดขึ้นในกรอบเวลาใหญ่ๆ เนื่องจากเพชรในกรอบเวลาเล็กๆมักจะให้สัญญาณหลอก
อันไหนแม่นยำกว่ากัน: diamond tops หรือ diamond bottoms?
รูปแบบ diamond tops จะปรากฏบ่อยกว่า diamond bottoms แถมมันยังมีความแม่นยำสูงกว่า แต่อย่างไรก็ตาม รูปแบบทั้งสองก็จะถูกนำมาใช้ในการหาการกลับตัวของแนวโน้ม
รูปแบบเพชรเป็นตัวบ่งชี้การกลับตัวที่เชื่อถือได้หรือเปล่า?
รูปแบบเพชรถือเป็นตัวบ่งชี้การกลับตัวที่เชื่อถือได้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีตัวบ่งชี้หรือเครื่องมือใดที่แม่นยำ 100% ดังนั้นการใช้ตัวบ่งชี้และวิธีการอื่นๆประกอบจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าการเคลื่อนไหวของราคาจะกลับตัว
รูปแบบเพชรใช้ได้ผลบ่อยแค่ไหน?
รูปแบบเพชรเป็นหนึ่งในตัวบ่งชี้การกลับตัวที่น่าเชื่อถือที่สุด แต่ด้วยความมันมองออกยาก เทรดเดอร์จึงไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้มัน
คล้ายกัน
ตัวบ่งชี้ DeMarker ได้ถูกคิดค้นและอธิบายโดย Thomas DeMark
บทความนี้จะสำรวจกลยุทธ์การเทรดด้วย MACD + RSI และวิธีการนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อระบุโอกาสในการเปิดคำสั่งซื้อขายในตลาด Forex
-
จะเริ่มเทรดอย่างไร?
หากคุณอายุ 18 ปีขึ้นไปคุณสามารถเข้าร่วม FBS ได้และเริ่มต้นการเดินทาง FX ของคุณ ในการซื้อขายคุณจะต้องมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์และมีความรู้ที่เพียงพอเกี่ยวกับวิธีการทำงานของสินทรัพย์ในตลาดการเงิน เริ่มด้วยการศึกษาขั้นพื้นฐานด้วย สื่อการเรียนรู้ฟรี และ สร้างบัญชี FBS คุณอาจต้องการทดสอบสภาพแวดล้อมด้วยเงินเสมือนจริงผ่านบัญชีทดลอง เมื่อคุณพร้อมเข้าสู่ตลาดจริงแล้ว ก็เริ่มทำการซื้อขายเพื่อที่จะได้ประสบความสำเร็จ
-
จะเปิดบัญชี FBS ได้อย่างไร?
คลิกที่ปุ่ม 'เปิดบัญชี' บนเว็บไซต์ของเราแล้วไปที่ Trader Area ก่อนที่คุณจะเริ่มซื้อขายได้ โปรไฟล์ของคุณจะต้องได้รับการยืนยันเสียก่อน ยืนยันอีเมลและเบอร์โทรศัพท์ของคุณ จากนั้นให้ทำการยืนยันตัวตนของคุณ ขั้นตอนนี้จะช่วยรับประกันความปลอดภัยของเงินและตัวตนของคุณ เมื่อคุณผ่านการตรวจสอบทั้งหมดแล้ว ให้ไปที่แพลตฟอร์มการซื้อขายที่ต้องการ แล้วเริ่มซื้อขายได้เลย
-
จะถอนเงินที่ทำได้กับ FBS ได้อย่างไร?
กระบวนการนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย ไปที่หน้า การถอนเงิน บนเว็บไซต์หรือส่วนการเงินของ FBS Trader Area และเข้าไปที่การถอนเงิน คุณจะได้รับเงินที่ทำได้รับผ่านระบบการชำระเงินเดียวกับที่คุณใช้ในการฝากเงิน ในกรณีที่คุณฝากเงินเข้าบัญชีผ่านหลายวิธี ให้ถอนกำไรของคุณผ่านวิธีเดียวกันในอัตราส่วนตามยอดเงินที่ฝากเข้ามา