หากคุณคิดจะทำการซื้อขายเต็มเวลา คุณต้องเตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับหลายความท้าทาย เทรดเดอร์จำนวนมากไม่สามารถรับมือกับแรงกดดันทางจิตใจและเตรียมพร้อมสำหรับความล้มเหลว
เทรดตามแนวโน้ม vs. เทรดสวนแนวโน้ม
อัปเดทแล้ว • 2023-02-03
หนึ่งในหลักการของการวิเคราะห์ทางเทคนิคคือการเคลื่อนไหวของราคาในแนวโน้ม ทุกแนวโน้มประกอบด้วยช่วงเวลาที่ราคาเคลื่อนไหวไปตามทิศทางของแนวโน้มนี้และช่วงเวลาสั้น ๆ ของการปรับฐานของแนวโน้มที่สวนทางกัน
กลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้มบ่งบอกว่าเทรดเดอร์เปิดตำแหน่งตามทิศทางของแนวโน้มหลัก กล่าวอีกนัยหนึ่งคือพวกเขาซื้อในแนวโน้มขาขึ้นและขายในแนวโน้มขาลง เวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเข้าสู่ตลาดโดยใช้แนวทางนี้คือเมื่อการปรับฐานสิ้นสุดลงและแนวโน้มหลักกลับมาดำเนินต่อ คาถาสุดโปรดของเทรดเดอร์คือ “ซื้อต่ำและขายสูง”
เทรดเดอร์ที่เทรดสวนแนวโน้มไม่อยากรอให้การปรับฐานเสร็จสิ้นไปก่อน หากตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น พวกเขาก็สามารถเข้าขายเมื่อราคากลับตัวจากแนวต้านและตั้งเป้าหมายไว้ใกล้กับแนวรับ แรงจูงใจของพวกเขาคือราคาต้องพุ่งสูงเกินไปมาก ๆ แล้วจนมีแนวโน้มว่ามันจะต้องร่วงลง อย่างน้อยก็ในช่วงหนึ่ง ๆ
วิธีการเหล่านี้มีความเสี่ยงเหมือนกันหรือไม่? วิธีไหนที่สามารถสร้างผลกำไรให้กับเทรดเดอร์ได้มากกว่ากัน? มาดูกันเลย
การเทรดตามแนวโน้ม
การเทรดตามแนวโน้มคือความพยายามที่จะทำกำไรโดยการวิเคราะห์โมเมนตัมของสินทรัพย์ในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง เมื่อราคาเคลื่อนไหวในทิศทางเดียว เช่น ขึ้นหรือลง สิ่งนั้นเรียกว่า แนวโน้ม
เทรดเดอร์ตามแนวโน้มจะเข้าซื้อเมื่อสินทรัพย์มีแนวโน้มสูงขึ้น จุดต่ำสุดของการแกว่งตัวที่สูงขึ้นและจุดสูงสุดของการแกว่งตัวที่สูงขึ้นบ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้น ในทำนองเดียวกัน เทรดเดอร์ตามแนวโน้มสามารถเข้าขายได้เมื่อราคาสินทรัพย์เคลื่อนตัวลง จุดต่ำสุดของการแกว่งตัวที่ต่ำลงและจุดต่ำสุดของการแกว่งตัวที่สูงขึ้นบ่งบอกถึงแนวโน้มขาลง
กลยุทธ์การซื้อขายตามแนวโน้มถือว่าสินทรัพย์จะยังคงเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับที่แนวโน้มที่ดำเนินอยู่ กลยุทธ์ดังกล่าวมักจะมีการกำหนดจุด Take Profit หรือ Stop Loss เพื่อล็อกกำไรหรือหลีกเลี่ยงการขาดทุนจำนวนมากในกรณีที่แนวโน้มกลับตัว การเทรดตามแนวโน้มมักจะใช้โดยเทรดเดอร์ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว
เทรดเดอร์ส่วนใหญ่สามารถระบุแนวโน้มปัจจุบันได้ ความยุ่งยากของพาร์ตนี้ก็คือการตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไร มาดูตัวอย่างแนวโน้มขาขึ้นกันต่อเลย การเทรดตามแนวโน้มหมายความว่าคุณจะเข้าซื้อที่แนวรับหรือแนวต้านที่ถูกทำลาย ในกรณีแรก คุณจะใช้เครื่องมือ เช่น เส้นแนวโน้มและ Fibonacci retracement ในกรณีที่สอง คุณสามารถใช้รูปแบบของกราฟที่ต่อเนื่อง เช่น สามเหลี่ยม ธง และลิ่ม
เทรดเดอร์บางรายจะเข้าซื้อที่จุดที่ 1 (เส้นแนวรับและระดับ Fibonacci retracement) หรือจุดที่ 2 (การพุ่งทะลุของรูปแบบ "ธง") เทรดเดอร์บางรายจะรอให้ถึงจุดที่ 3 (การพุ่งทะลุเหนือระดับสูงสุดก่อนหน้า) แน่นอนว่า ยิ่งคุณซื้อที่ราคาถูกมากเท่าไร คุณก็ยิ่งได้กำไรมากขึ้นเท่านั้น
Take profit
คุณสามารถกำหนดเป้าหมายกำไรของคุณที่จุดสูงสุดก่อนหน้าของแนวโน้มขาขึ้น (จุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลง) หรือแม้แต่ระดับที่สูงกว่านั้นหากคุณมั่นใจในการซื้อขายของคุณมาก ๆ
Stop Loss
โปรดทราบว่าเมื่อคุณเคลื่อนไหวไปตามแนวโน้ม คุณสามารถใช้ Trailing Stop ที่ขยับตามแนวโน้มได้ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจขยับตำแหน่ง Stop Loss อาจไม่ง่ายนัก ความเสี่ยงคือการกลับตัวของราคาจะทำให้ตลาดวิ่งมาชนกับ Stop Loss ของคุณและปิดคำสั่งซื้อขายของคุณได้
Scaling in
มันอนุญาตให้คุณเปิดตำแหน่งเพิ่มได้ขณะที่คุณติดตามแนวโน้ม หากตลาดเคลื่อนตัวไปในทิศทางที่คุณต้องการแล้ว และคำสั่งซื้อขายของคุณได้กำไรแล้ว การทำเช่นนี้จะเป็นการเพิ่มผลกำไรที่เป็นไปได้ของคุณ อย่าลืมปรับการจัดการความเสี่ยงของคุณด้วยหากคุณทำใช้คำสั่งนี้ คุณอาจวางแผนที่จะเริ่มต้นด้วยการซื้อขายในขนาดที่เล็กกว่าปกติ (เช่น ซื้อที่จุดที่ 1) แล้วจึงเพิ่มขนาดขึ้นเมื่อราคาอยู่เหนือจุดที่ 2 กลยุทธ์นี้จะช่วยลดความเสี่ยงของคุณได้
การเทรดสวนแนวโน้ม
แนวโน้มที่สวนทางคือการปรับฐานราคาของสินทรัพย์เมื่อเทียบกับแนวโน้มหลัก พูดง่ายๆ ก็คือ เมื่อตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นและมีการดึงกลับ การดึงกลับไปสู่ขาลงถือเป็นแนวโน้มที่สวนทาง เพราะมันสวนทางกับแนวโน้มของตลาดเดิม
กลยุทธ์การซื้อขายสวนทางกับแนวโน้มคือความพยายามในการทำกำไรเล็กน้อยโดยการเปิดการซื้อขายสวนกับแนวโน้มหลัก การเทรดสวนแนวโน้มเป็นรูปแบบหนึ่งของการเทรดแบบ Swing ซึ่งอนุมานว่าแนวโน้มของตลาดในปัจจุบันจะมีการกลับตัวหรือดึงกลับ จากนั้นจึงพยายามทำกำไรจากการดึงกลับเมื่อแนวโน้มปัจจุบันยังคงดำเนินต่อไป กลยุทธ์นี้เป็นกลยุทธ์ระยะกลาง โดยจะถือตำแหน่งไว้สองสามวันหรือสองสามสัปดาห์
เทรดเดอร์บางรายที่ใช้กลยุทธ์นี้เพื่อผลกำไรก็ใช้การดึงกลับขณะที่รักษาตำแหน่งหลักตามทิศทางของแนวโน้ม กลยุทธ์การเทรดสวนแนวโน้มใช้ตัวบ่งชี้โมเมนตัม ระดับแนวรับและแนวต้าน และรูปแบบแท่งเทียนเพื่อระบุจุดเข้าสู่ตลาดที่เป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ที่ใช้วิธีนี้จำเป็นต้องระมัดระวังเรื่องการดำเนินต่อของแนวโน้มปัจจุบันที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ดังนั้น เมื่อเทรดด้วยกลยุทธ์นี้ ควรใช้เทคนิคการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม เช่น คำสั่ง Stop Loss และขนาดตำแหน่งขั้นต่ำ เพื่อจำกัดการขาดทุน
เทรดเดอร์ที่ใช้แนวทางนี้รับสัญญาณจากรูปแบบแท่งเทียนที่กลับตัว (แท่งเทียน Pin bar, รูปแบบ Morning star หรือ Evening star ฯลฯ) พวกเขายังใช้ออสซิลเลเตอร์อย่างเช่น MACD หรือ RSI เพื่อดูว่าตลาดอยู่ในช่วงซื้อมากเกินไป (overbought) หรือขายมากเกินไป (oversold) หรือไม่ และมีความแตกต่างระหว่างราคาและตัวบ่งชี้หรือไม่ หากสัญญาณเหล่านี้ปรากฏขึ้น แสดงว่าเทรดเดอร์เปิดตำแหน่งสวนทางกับแนวโน้มก่อนหน้า
เทรดเดอร์อาจตัดสินใจเข้าขายที่จุดที่ 1 เนื่องจากมีการก่อตัวของแท่งเทียนที่มีไส้เทียนยาว ๆ ด้านบน (สัญญาณลบ) และ MACD ไม่ได้ยืนยันการเพิ่มขึ้นของราคา
Take profit
มันไม่ง่ายเลยที่จะหาตำแหน่งที่จะเก็บกำไรเมื่อคุณเทรดสวนทางกับแนวโน้ม ความท้าทายคือต้องไม่โลภมากเกินไป จำไว้ให้ดีว่าคุณเดิมพันกับตลาด บางแนวโน้มก็อาจกลายเป็นตลาดแบบไซด์เวย์ที่จำกัดกำไรของตำแหน่งที่เทรดสวนแนวโน้ม แนวโน้มเริ่มต้นอาจกลับมาดำเนินต่อได้อย่างรวดเร็วและไม่ปล่อยให้ราคาได้ปรับฐานมากนัก ดังนั้นจึงควรระมัดระวังและจัดการความเสี่ยงให้ดี
Stop Loss
การวางคำสั่ง Stop Loss ในการเทรดสวนแนวโน้มถือเป็นเรื่องปกติ เทรดเดอร์วาง Stop Loss ไว้หลังจุดสูงสุดของราคาที่เริ่มมีการปรับฐาน โดย Stop Loss มีแนวโน้มที่จะมีขนาดเล็กกว่าที่คุณใช้เวลาที่คุณเทรดตามแนวโน้ม
Scaling in
มันไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะเข้าไปยุ่งกับขนาดตำแหน่งของคุณเมื่อคุณเทรดสวนแนวโน้ม คำสั่งซื้อขายนั้นอาจเป็นระยะที่สั้นมาก ๆ ดังนั้นคุณจึงเสี่ยงที่จะทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สบายใจหากคุณพยายามเพิ่มคำสั่งซื้อขายเข้าไป และอย่าได้เพิ่มตำแหน่งที่สูญเสียเข้าไปเชียวล่ะ เพราะอาจทำให้ขาดทุนมากยิ่งขึ้น
ในวิดีโอใหม่ของเรา เราจะพูดถึงการเทรดตามแนวโน้มและการเทรดสวนแนวโน้มอย่างละเอียดมากยิ่งขึ้นกัน
สรุป
ดังที่คุณเห็น วิธีการเทรดทั้งสองแบบมีลักษณะเฉพาะตัว ทั้งสองวิธีสามารถสร้างสัญญาณการเทรดที่ดี ถึงอย่างนั้นแต่ละวิธีก็ต้องมีกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงของตนเอง ความรู้ทั่วไปของเทรดเดอร์คือการเทรดสวนแนวโน้มนั้นต้องใช้ประสบการณ์มากพอสมควร และเทรดเดอร์มือใหม่ควรเริ่มต้นจากการเทรดตามแนวโน้มก่อน ฝึกเทรดนะและดูว่าวิธีไหนเหมาะกับคุณ!
คล้ายกัน
รูปแบบกรอบสามเหลี่ยมเป็นรูปแบบการสะสมราคาของราคาสินทรัพย์ที่เคลื่อนไหวภายในช่วงที่แคบลงเรื่อย
รูปแบบ Cypher ไม่ใช่รูปแบบการซื้อขายที่เป็นที่นิยมมากที่สุด อย่างไรก็ตาม เครื่องมือการซื้อขายนี้สามารถช่วยให้คุณเข้าใจและคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาได้ดีขึ้น
-
จะเริ่มเทรดอย่างไร?
หากคุณอายุ 18 ปีขึ้นไปคุณสามารถเข้าร่วม FBS ได้และเริ่มต้นการเดินทาง FX ของคุณ ในการซื้อขายคุณจะต้องมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์และมีความรู้ที่เพียงพอเกี่ยวกับวิธีการทำงานของสินทรัพย์ในตลาดการเงิน เริ่มด้วยการศึกษาขั้นพื้นฐานด้วย สื่อการเรียนรู้ฟรี และ สร้างบัญชี FBS คุณอาจต้องการทดสอบสภาพแวดล้อมด้วยเงินเสมือนจริงผ่านบัญชีทดลอง เมื่อคุณพร้อมเข้าสู่ตลาดจริงแล้ว ก็เริ่มทำการซื้อขายเพื่อที่จะได้ประสบความสำเร็จ
-
จะเปิดบัญชี FBS ได้อย่างไร?
คลิกที่ปุ่ม 'เปิดบัญชี' บนเว็บไซต์ของเราแล้วไปที่ Trader Area ก่อนที่คุณจะเริ่มซื้อขายได้ โปรไฟล์ของคุณจะต้องได้รับการยืนยันเสียก่อน ยืนยันอีเมลและเบอร์โทรศัพท์ของคุณ จากนั้นให้ทำการยืนยันตัวตนของคุณ ขั้นตอนนี้จะช่วยรับประกันความปลอดภัยของเงินและตัวตนของคุณ เมื่อคุณผ่านการตรวจสอบทั้งหมดแล้ว ให้ไปที่แพลตฟอร์มการซื้อขายที่ต้องการ แล้วเริ่มซื้อขายได้เลย
-
จะถอนเงินที่ทำได้กับ FBS ได้อย่างไร?
กระบวนการนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย ไปที่หน้า การถอนเงิน บนเว็บไซต์หรือส่วนการเงินของ FBS Trader Area และเข้าไปที่การถอนเงิน คุณจะได้รับเงินที่ทำได้รับผ่านระบบการชำระเงินเดียวกับที่คุณใช้ในการฝากเงิน ในกรณีที่คุณฝากเงินเข้าบัญชีผ่านหลายวิธี ให้ถอนกำไรของคุณผ่านวิธีเดียวกันในอัตราส่วนตามยอดเงินที่ฝากเข้ามา