วิธีการปลูกฝังเรื่องการเก็บเงินให้กับเด็กๆ

- แม่ครับ! ผมอยากได้หุ่นยนต์ตัวนี้!

- โอ๊ะ เจ้าหนู! มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

นั่นคือสิ่งที่เด็กๆใน Generation Z (ที่เกิดระหว่างปี 1995-2015) ส่วนใหญ่ได้ยินได้ฟังกันในช่วงที่กำลัง เติบโต ช่วงชีวิตของพวกเขาได้เจออย่างน้อยสอง วิกฤติเศรษฐกิจและได้เห็นว่าพ่อแม่ของพวกเขาต้อง รับมือกันมันยังไง และค้นหาวิธีที่สร้างสรรค์เพื่อเอาชนะช่วงเวลาที่มืดมน ผลดีคือเด็กๆจะมีศักยภาพที่คาดไม่ถึงในแง่ของความรู้ ทางการเงิน ตอนนี้สถิติบอกว่าพวกเขาอาจกลายเป็น พนักงานที่ทำงานหนักที่สุด, ใช้และเก็บเงินเก่ง!">

ลองนึกภาพถึงสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้ด้วยศักยภาพตาม สถิติดังกล่าวหากคุณเริ่มช่วยให้พวกเขาคุ้นเคยกับการเงิน ตั้งแต่อายุยังน้อย?! ความรับผิดชอบนั้นมันอยู่ที่คุณ ดังนั้น จงเข้มแข็ง, เรียนรู้ร่วมกันกับเด็กๆ และเป็นแบบอย่างที่ดีที่สุด ให้กับพวกเขา เราได้จัดทำเคล็ดลับสำหรับแต่ละช่วงอายุและ กฎการเงินสากล

แผนการสอนสำหรับแต่ละกลุ่มอายุ

ไม่ต้องหลงทางอีกต่อไป! นี่เป็นคำแนะนำแบบเป็นขั้นตอน ที่จะช่วยให้คุณพิจารณาแต่ละช่วงอายุเมื่อจะสอนเรื่องเงิน ให้กับเด็ก, วัยรุ่นตอนต้น และวัยรุ่น

อายุ 3 ถึง 4 ปี

การใช้ความคิด, การพูด, การเคลื่อนไหว และทักษะทางสังคม ล้วนกำลังได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ช่วงเวลานี้เป็นช่วง เวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเรียนรู้แนวคิดพื้นฐานและนวคิดใหม่ๆ ทำไมไม่สอนเรื่องการเงินล่ะ? เด็กๆของคุณมีความต้องการที่ จำเป็นอยู่แล้ว: ของว่างแสนอร่อยระหว่างการเดินทาง, ของเล่น ยอดนิยม หรือตุ๊กตาหมีเท็ดดี้สำหรับค่ำคืนอันเงียบสงัด เด็กน้อยอายุ 4 ขวบของฉันเคยขอฉันใช้เตาอบของจริงทำเค้ก วันเกิด ช่างมีความทะเยอทะยานอะไรเบอร์นี้!

แต่ก็นะ มันคงต้องใช้เวลานานในการที่คุณจะอธิบายให้ เด็กๆฟังว่าพวกเขาจะซื้อบริการหรือสิ่งของด้วยเงินได้ อย่างไร อย่างไรก็ตามจำไว้ว่าถ้าคุณจะไปเริ่มความเป็น อัจฉริยะด้านการเงินจาก Wall Street คุณก็จะพบกับ ความล้มเหลว จงเตรียมตัวรับความสนุกสนานและเรียนรู้ ผ่านการเล่น ให้เริ่มด้วยเงินจริงเพื่อให้ลูกของคุณรู้ว่า ธนบัตรและเหรียญมีลักษณะอย่างไร

อายุ 5 ถึง 7 ปี

คุณยังคงเป็นต้นแบบ เมื่อเด็กๆมีข้อสงสัยเรื่องเงินทองๆ เขาก็จะมองดูคุณ ตอนนี้เมื่อพวกเขารู้ว่าเงินเป็นยังไง และการจ่ายแล้วได้มาเป็นอย่างไร คุณอาจต้องการ อธิบายวิธีการหาเงินของคุณและวิธีการที่พวกเขาจะ สามารถเริ่มหาเหรียญแรกของพวกเขาเองได้ และออม เอาไว้ซื้อของเล่นเด็ก

ฝึกเล่นเล่นเกมส์สวมบาบาทเป็นอาชีพต่างๆและแลกเปลี่ยน เงินกับสินค้าที่บ้าน ช่วงวัยนี้เหมาะกับการให้ค่าจ้างแลกกับ การทำงานบ้านเล็กๆน้อยๆ ตัวอย่างเช่นกำหนดจำนวนเงิน ที่แน่นอนที่ให้เป็นค่าจ้างสำหรับการซักผ้า, ทำความสะอาด, ให้อาหารสัตว์เลี้ยง, เตรียมอาหารว่างง่ายๆ จงมีความคิด สร้างสรรค์ในการกระตุ้นให้เด็กๆไม่ใช้จ่ายหยุมหยิมและ อดออมไว้เพื่อความฝันของพวกเขา

อายุ 8 ถึง 10 ปี

ได้เวลาสำหรับบทเรียนการจัดการเงินครั้งแรก โหมดเล่น ยังคงมีประสิทธิภาพมาก ลองเล่นเกมส์กระดานเช่น 'เกมส์เศรษฐี' มันจะสอนเด็กๆเรื่องกลยุทธ์, การลงทุน, การมองภาพรวม, การซื้อแบบไม่ยั้งคิด และสถานการณ์ การเงินอื่นๆที่คุณเลือกที่จะแสดงให้พวกเขาเห็น คุณอาจ ร่วมกันจัดทำงบประมาณขนาดเล็กด้วยกันเพื่อแสดงให้เห็น ว่าเงินที่ออมไว้ช่วยในการวางแผนสำหรับเป้าหมายในระยะยาว

ปล่อยให้เด็กๆของคุณได้มีความสร้างสรรค์ในเรื่องของ วิธีการหาเงิน ปล่อยให้พวกเขาเลือกงานที่จะทำแล้วได้ รับเงินจากงานนั้น คุณไม่มีทางรู้เลยว่าเค้าเกิดมาเป็น ผู้ประกอบการหรือนักวิทยาศาสตร์! เงินเก็บและค่าจ้าง ที่ได้รับมาจะมอบอิสรภาพเล็กๆให้กับลูกหลานของคุณ พูดคุยเรื่องสิ่งต่างๆที่พวกเขาอยากซื้อ หากการซื้อนั้น เป็นการซื้อที่ไม่ฉลาดก็สอนให้พวกเขายอมรับความผิดพลาด

อายุ 11 ถึง 13 ปี

คุณต้องรับมือกับวัยรุ่นตอนต้น — สิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่ เด็กอีกต่อไปและยังไม่ถึงกับเป็นวัยรุ่นเต็มตัว ถึงกระนั้นพวกเขาต้องการได้รับการปฏิบัติเหมือน ผู้ใหญ่ พวกเขามีความเข้าใจเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับว่า พวกเขาควรใช้เงินไปกับอะไร พูดเกี่ยวกับการใช้เงิน ค่าจ้างตามความต้องการที่จำเป็นและความต้องการ ทั่วไป

วางแผนงบประมาณร่วมกันเช่นวางแผนการไปซื้อเสื้อผ้า ทำรายการสิ่งที่จำเป็นสำหรับเด็กและอนุญาตให้พวกเขา ไปซื้อเอง คุณจะแสดงให้เห็นว่าคุณไว้วางใจ 'ผู้ใหญ่ตัวน้อย ของคุณ' และพวกเขาจะรู้สึกพึงพอใจอย่างมากกับรูปลักษณ์ใหม่

เมื่อถึงวัยนี้คุณอาจเริ่มอธิบายว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อคนๆนึงเงินหมด เด็กๆของคุณควรคุ้นเคยกับ แนวคิดของการยืมเงิน, กู้ยืม, หนี้, ดอกเบี้ย

อายุ 14 ถึง 16 ปี

ทักทายวัยรุ่นตัวจริงในบ้านของคุณ ช่วงเวลาที่ผู้ที่เคย เป็นเด็กของคุณเข้าสู่ความท้าทายด้านจิตวิทยา, สรีรวิทยา และแรงกดดันจากเพื่อน ตอนนี้การตัดสินใจ ซื้ออะไรบางอย่างได้รับอิทธิพลอย่างมากจากเพื่อนๆ, ดาราทีวี หรือแหล่งที่นำเทรนด์อื่นๆที่อยู่นอกครอบครัว

พูดกับวัยรุ่นของคุณ, ฟังพวกเขาด้วยความเห็นอกเห็นใจ หากคุณไม่เห็นด้วยกับการซื้ออะไรที่มีราคาแพง จงชี้ให้ เห็นว่าทำไมตอนนี้ครัวเรือนของคุณจึงไม่สามารถทำได้ อธิบายให้พวกเขาฟังว่าสิ่งต่างๆที่สามารถซื้อได้ไม่ได้ นิยามความเป็นปัจเจกบุคคล แต่บ่งบอกถึงบุคลิก, งานอดิเรก และความฝัน หากความต้องการในการใช้จ่าย ยังคงแข็งแกร่ง จงกระตุ้นให้พวกเขาหางานพาร์ทไทม์ พวกเขาสามารถทดลองทำงานต่างๆ, สัมผัสถึงความยาก ในการได้มาซึ่งเงินและความเพลิดเพลินในการได้รับเงิน

ช่วงเวลานี้ยังเป็นประโยชน์สำหรับการพูดคุยกันเรื่องแผน การศึกษาหลังจบระดับมัธยมเช่นเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย หรือตัวเลือกอะไรก็ได้ที่มีในประเทศของคุณ เริ่มการออม เงินเพื่อความสำเร็จทางวิชาการไปพร้อมๆกัน แม้ว่าการ ช่วยเหลือจากลูกชายและลูกสาวของคุณจะไม่สำคัญ แต่พวกเขาควรเข้าใจถึงคุณค่าของความสำเร็จของพวก เขาเองในอนาคต

อายุ 17 ถึง 18 ปี

วัยรุ่นกำลังก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ตอนต้น ความกดดัน จากเพื่อนของพวกเขาถูกแทนที่ด้วยความเครียดจาก การแข่งขันในสถาบันการศึกษา คนในวัยนี้อยู่ในช่วง หัวเลี้ยวหัวต่อของการตัดสินใจที่สำคัญชองชีวิต และคุณในฐานะพ่อแม่ควรอยู่ที่นั่นเพื่อพวกเขาเสมอ ปรับตัวให้เข้ากับลูกๆของคุณและอย่ามองความปรารถนา ของพวกเขาเป็นเรื่องตลก อนาคตจะไม่ถูกจำกัดไว้ใน สถาบันการศึกษาเท่านั้น แต่มันแค่ช่วยให้พวกเขาไม่ต้อง กังวลมากจนเกินไป และพวกเขาควรเปิดรับงานอดิเรก และโอกาสใหม่ๆ จงอธิบายว่ามหาวิทยาลัยไม่ได้เป็นเพียง หนทางเดียวที่จะประสบความสำเร็จ พวกเขาสามารถเดิน ตามฝันของตัวเองได้โดยใช้เส้นทางที่ไม่เหมือนใคร

ส่งเสริมให้พวกเขาทำงานในช่วงหยุดเรียนภาคฤดูร้อน พวกเขาสามารถทำให้วัยรุ่นของคุณรู้สึกมั่นใจมากขึ้น, ทำให้พวกเขาไปหางานทำและรับเงินจากการทำงานของ ตัวเองแทนที่จะได้รับจากพ่อแม่

พูดคุยกับพวกเขาเรื่องเป้าหมายระยะยาวและวิธีต่างๆใน การเก็บเงิน มันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะพูดคุยเกี่ยวกับ ทางเลือกในการลงทุนด้วยเช่นกัน กระตุ้นให้เด็กๆกล้าฝันให้ ใหญ่และหาวิธีเข้าใกล้เป้าหมายของพวกเขา

5 เคล็ดลับสากล

แม้ว่าแนวทางในการสอนเรื่องเงินจะแตกต่างกันออกไปใน แต่ละช่วงอายุ อย่างไรก็ตามแนวคิดพื้นฐานบางอย่างก็เป็น เรื่องทั่วไป ขอให้แน่ใจว่าลูกๆของคุณเรียนรู้มันด้วยหัวใจ!

เงินไม่ได้งอกมาจากต้นไม้

มันคงจะดีถ้าระหว่างที่เราเดินทางไปโรงเรียนเราสามารถ เด็ดเงิน $100 ออกมาจากต้นไม้ได้ แต่จักรวาลก็ไม่ได้ กำหนดให้ทำเช่นนี้ ผู้คนหารายได้จากการทำงานและ สามารถแลกเปลี่ยนเป็นสินค้าหรือบริการต่างๆได้

ความต้องการที่จำเป็น vs ความต้องการทั่วไป — ไม่ใช่การซื้อทุกครั้งนั้นจะมีความสำคัญเท่ากัน

เด็กๆจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีจัดลำดับความสำคัญ (ความ ต้องการที่จำเป็น) เช่น อาหาร, ที่พัก, การเดินทาง และสิ่งต่างๆที่ทำให้ชีวิตสนุกยิ่งขึ้น (ความต้องการทั่วไป) เช่น การท่องเที่ยว, เสื้อผ้า, การดูหนัง, หรือกาแฟ

ลองสร้างภาพตัดปะจากรูปภาพสินค้าต่างๆที่เด็กๆใฝ่ฝัน และทำเครื่องหมายแต่ละอย่างด้วย N (ความต้องการที่ จำเป็น) หรือ W (ความต้องการทั่วไป) จากนั้นอธิบายว่า พวกเขาต้องมีสมดุลในการซื้อแต่ละสิ่งด้วยการวางแผน และจัดทำงบประมาณที่เหมาะสมอย่างไร

ใช้เงินอย่างชาญฉลาด

เด็กๆควรรับผิดชอบเงินของพวกเขาและเรียนรู้แนวคิด 'จ่ายแพงกว่าทำไม' แม้ว่าทีวีจะยังคงฉายซ้ำๆว่าแกดเจ็ท ราคาแพงจะทำให้เด็กๆเป็นที่จับตามองที่โรงเรียน แต่มัน ก็อาจไม่ได้ผลเช่นนี้ สอนเด็กๆให้รู้จักเปรียบเทียบสินค้า และวิเคราะห์โฆษณาด้วยกันกับพวกเขา เปิดนิตยสารแล ะพูดเกี่ยวกับสิ่งที่โฆษณา พูดคุยเกี่ยวกับวิธีที่ผู้คนขาย สินค้านั้นๆ, ภาพอะไรที่พวกเขาใช้, วิธีการดึงดูดความสนใจ และคำใดที่ถูกเลือกมาใช้ในการทำให้คุณคิดว่าผลิตภัณฑ์ นั้นไม่เหมือนใครและไม่สามารถถูกทดแทนได้

คิดการใหญ่ — เก็บเงินเพื่ออนาคต

ไม่ควรเชื่อมโยงการเก็บเงินเข้ากับภาระ แต่พยายามเชื่อม โยงมันเข้ากับความฝัน ผู้คนควรเก็บเงินเพื่อเป้าหมายของ พวกเขา

จงมีความคิดสร้างสรรค์และยืดหยุ่นในเรื่องรายได้

ส่งเสริมความสามารถตามธรรมชาติในการคิดนอกกรอบ ทักษะนี้ไม่เพียงช่วยในการตัดสินใจเรื่องเงินเท่านั้น แต่ยังช่วย ให้ชีวิตง่ายขึ้นอีกด้วย คุณสามารถฝึกความคิดสร้างสรรค์ใน กิจกรรมประจำวันได้ เช่นการทำงานประดิษฐ์จากสิ่งต่างๆที่ พวกเขาสามารถหาได้รอบๆบ้านและดัดแปลงมันให้เป็นสิ่งใหม่ และใช้งานได้จริง

ในฐานะผู้ใหญ่ คุณอาจลงลึกไปอีกเล็กน้อยและเรียนรู้เรื่อง กฎการเงินอื่นๆที่อาจช่วยคุณเรื่องการจัดทำงบประมาณ

อัจฉริยะเรื่องเงิน

ผู้ปกครองทั้งหลาย — พยามต่อไปนะ! ลูกๆของคุณจะไม่ เป็นไร — พวกเขาจะออกเดินทาง, พูดภาษาต่างๆ, และเก็บ เงินเข้า 'กระปุกออมสิน' ของพวกเขาเพื่อคุณ จงเปิดใจให้ กับเด็กๆในเรื่องเงิน: พูดคุยเกี่ยวกับมัน, แนะนำมันตั้งแต่ เด็กๆยังอายุน้อยๆ, ปล่อยให้ลูกหลานของคุณได้ฝัน, และกระตุ้นให้พวกเขาทำการตัดสินใจเรื่องเงินอย่างชาญ ฉลาดตามแนวทางของตัวเอง, ทำให้เรื่องเงินวนเวียนอยู่ใน หัวของพวกเขาแต่ไม่วนเวียนอยู่ในใจ!