บทที่ 2 ตราสารการซื้อขาย 5-7 นาทีในการอ่าน

ถึงเวลาเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสินทรัพย์ที่คุณสามารถซื้อขายได้ จะเริ่มต้นจากตรงไหนดี? เดี๋ยวเราค่อย ๆ เรียนรู้กันไปทีละขั้นตอนนะ

1. คู่สกุลเงิน

การทำเงินโดยการซื้อและขายสกุลเงินต่าง ๆ นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ ข้อเท็จจริงที่ว่าแต่ละสกุลเงินจะลอยตัว ร่วงลง หรือพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับมูลค่าของสกุลเงินอื่นเป็นเหตุผลที่การซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเติบโตขึ้นจนเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าการซื้อขายรายวันมากกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์

จากประสบการณ์ของคุณเอง คุณคงจะรู้อยู่แล้วว่าเมื่อคุณต้องการเดินทางไปต่างประเทศ คุณจะต้องซื้อสกุลเงินของประเทศที่คุณกำลังไปเยี่ยมเยือน แน่นอนว่าตอนนี้คุณสามารถชำระเงินด้วยบัตรได้ ในกรณีนี้ การดำเนินการแลกเปลี่ยนจะถูกดำเนินการโดยธนาคาร และคุณจะเห็นเฉพาะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับยอดเงินในบัญชีของคุณ แต่ถึงกระนั้นการแลกเปลี่ยนเงินตราก็เกิดขึ้นอยู่ดี นอกจากนี้ ผู้คนมักจะซื้อสกุลเงินต่างประเทศโดยเฉพาะเงินยูโรหรือดอลลาร์สหรัฐเพื่อจะได้เก็บออมเงินและได้รับการรับประกันจากภาวะเงินเฟ้อในสกุลเงินท้องถิ่นของตน

สกุลเงินหนึ่งจะถูกแลกเปลี่ยนกับอีกสกุลเงินหนึ่งอยู่เสมอ รวมกันแล้วพวกมันจะถูกเรียกว่า คู่สกุลเงิน

"คุณช่วยอธิบายเรื่องคู่สกุลเงินพร้อมยกตัวอย่างให้ดูด้วยได้ไหม?"

มาดูคู่สกุลเงิน EURUSD ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดกัน สกุลเงินยูโร (EUR) อยู่ในตำแหน่งแรกซึ่งจะถูกเรียกว่าสกุลเงินหลัก หากราคาของ EURUSD คือ 1.20 นั่นหมายความว่าเงิน 1 ยูโร จะมีราคาเท่ากับ 1.20 ดอลลาร์ หรือก็คือ 1 ดอลลาร์ และ 20 เซ็นต์ (สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) คือ สกุลเงินอ้างอิงหรือสกุลเงินเทียบ)

ตำแหน่งของสกุลเงินที่อยู่ในคู่เงินนั้นเป็นมาตรฐาน เดี๋ยวอีกไม่นานคุณก็จะคุ้นเคยกับพวกมัน ส่วนในคู่เงินอื่น ๆ ก็จะมีสถานการณ์จะคล้ายกันคือสกุลเงินในตำแหน่งแรกจะถูกเทียบราคากับอีกสกุลที่อยู่ในตำแหน่งที่สอง

จำไว้ให้ดีว่าหากสกุลเงินหลักแข็งค่าขึ้น คู่สกุลเงินจะพุ่งขึ้น แต่ในทำนองกลับกัน หากสกุลเงินอ้างอิงแข็งค่าขึ้น คู่สกุลเงินจะร่วงลง หาก EUR แข็งค่า EURUSD จะพุ่งขึ้น แต่หาก USD แข็งค่าขึ้น EURUSD จะร่วงลง

ตัวอย่าง

ดูที่กราฟด้านล่าง EURUSD ได้ร่วงลงอย่างรวดเร็วในวันที่ 16 มิถุนายน สาเหตุเกิดจากอะไร? Federal Reserve (ธนาคารกลางสหรัฐ) ได้จัดประชุมในวันนั้น ธนาคารกลางอ้างว่าจะเริ่มลดการสนับสนุนทางการเงิน เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของโควิด-19 เร็วกว่าที่คาดไว้ ซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับ USD! ส่งผลให้ EURUSD ร่วงลงเป็นเวลา 3 วันติดต่อกัน!

1.png

"พวกเทรดเดอร์เขาหาข่าวเศรษฐกิจนี้ได้จากที่ไหนกัน? ผมก็อยากติดตามข่าวบ้างเหมือนกัน!"

ปฏิทินเศรษฐกิจเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เทรดเดอร์ไม่พลาดเหตุการณ์สำคัญ คุณสามารถค้นหาได้บนเว็บไซต์ของเรา

"วิธีการอ่านข้อมูลในปฏิทินเศรษฐกิจต้องทำยังไงเหรอ? ผมเดาว่าถ้าประเทศหนึ่งแสดงข้อมูลดี ๆ ออกมา สกุลเงินของประเทศนั้นก็จะแข็งค่า และในทำนองกลับกัน ผมเข้าใจถูกไหม?"

ถูกเผงเลย! แต่เดี๋ยวเราจะอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมให้คุณฟังอีกหน่อย ในการเปรียบเทียบการคาดการณ์กับข้อมูลจริงในปฏิทินเศรษฐกิจ หากตัวเลขจริงมากกว่าที่คาดไว้ สกุลเงินจะแข็งค่าขึ้น แต่ถ้ามันแย่กว่า สกุลเงินก็จะอ่อนค่าลง ยกเว้นแค่เพียงการว่างงานและตัวชี้วัดที่คล้าย ๆ กัน เพราะสำหรับตัวชี้วัดหล่านี้ ยิ่งตัวเลขจริงออกมาสูงเท่าไร ก็จะยิ่งเป็นผลเสียต่อสกุลเงิน

แต่ทว่าผลลัพธ์กลับไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถคาดเดาได้เสมอ บางครั้ง หากการคาดการณ์ในปฏิทินมองในแง่ดีเกินไป เทรดเดอร์ก็จะหมายใจว่าผลลัพธ์จะออกมาดีก่อนที่ประกาศจะออก และโดยการคิดเช่นนั้นราคาสกุลเงินจะถูกผลักดันให้สูงขึ้น แต่พอทราบผลแล้ว ราคากลับร่วงลงเนื่องจากพวกเขากลับไม่ตื่นเต้นไปกับผลลัพธ์ที่ได้ยิน เทรดเดอร์เรียกโอกาสแบบนี้ว่า 'ซื้อเมื่อมีข่าวลือ ขายเมื่อความจริงปรากฏ'

คู่สกุลเงินหลัก

ด้านล่างนี้ คุณจะพบรายการของคู่สกุลเงินที่เรียกว่า 'คู่สกุลเงินหลัก' ลองดูซิว่า พวกมันมีอะไรที่เหมือนกัน?

EURUSD

GBPUSD

USDJPY

USDCHF

AUDUSD

NZDUSD

USDCAD

"ทุกคู่ล้วนมี USD อยู่ด้วยใช่ไหม?"

ใช่แล้วล่ะ! คู่สกุลเงินหลักจะมี USD อยู่ในคู่ ส่วนสกุลเงินเทียบในแต่ละคู่สกุลเงินข้างต้นจะเป็นสกุลเงินทั่วไปที่เป็นของหนึ่งในประเทศที่พัฒนาแล้วมากที่สุดของโลก กล่าวอีกนัยหนึ่งคือคู่สกุลเงินหลักจะเป็นตัวแทนของสกุลเงินที่น่าเชื่อถือและเป็นที่นิยม พอเอามารวมกันก็คิดเป็นประมาณ 75% ของคำสั่งซื้อขายทั้งหมด – ตามชื่อเลย

เทรดเดอร์จะเลือกซื้อขายคู่สกุลเงินหลักด้วยเหตุผลที่ว่าตราสารเหล่านี้มีสภาพคล่องสูงกว่าคู่สกุลเงินอื่น ๆ

"และสภาพคล่องหมายถึง…"

มันหมายถึงคู่สกุลเงินเหล่านี้มีปริมาณการซื้อขายมากที่สุด มีการเคลื่อนไหวแบบไม่คงที่ และซื้อขายกันในราคาที่ถูกที่สุด

คู่สกุลเงินรอง

ถ้าคิดจะเดาจากชื่อของกลุ่มนี้ก็คงจะยาก เพราะมันประกอบด้วยคู่สกุลเงินที่มีสกุลเงินหลักอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ดอลลาร์สหรัฐ มันจะเป็น USD ไปตลอดก็ไม่ได้นี่เนอะ ใช่ไหมล่ะ? ก่อนหน้านี้เราไม่สามารถซื้อขายสกุลเงินเหล่านี้ได้โดยตรง จำเป็นต้องแปลงเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐก่อน ทำให้เทรดเดอร์ต้องทำธุรกรรมสองรายการซึ่งอาจทำให้ขาดทุน แต่เมื่อเวลาผ่านไป คู่สกุลเงินรองได้กลายเป็นสิ่งที่พบได้บ่อย ซึ่งตอนนี้คุณสามารถค้นหาได้ในทุกแอปการซื้อขาย และนี่คือตัวอย่างของคู่สกุลเงินรองบางส่วน

EURGBP

EURJPY

CHFJPY

GBPAUD

EURNZD

CADJPY

หากคุณมีปัญหากับการวิเคราะห์ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ หรือ USD ไม่ค่อยเคลื่อนไหวมากนักด้วยเหตุผลบางประการ เช่นนั้นคู่สกุลเงินรองจะกลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของคุณ เงื่อนไขการซื้อขายก็ดีเช่นกัน เพราะสกุลเงินเช่น EUR, GBP, JPY, CHF, NZD, AUD และ CAD ต่างก็เป็นที่นิยมและมีสภาพคล่องสูง

"อืม... คุณช่วยยกตัวอย่างให้ดูหน่อยได้ไหม?"

ถ้าคุณดูที่กราฟด้านล่าง คุณจะเห็นคู่เงิน CADJPY ประเทศแคนาดาเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก นั่นเป็นเหตุผลที่เมื่อราคาน้ำมันดิบร่วงลง สกุลเงิน CAD ก็เลยร่วงตามไปด้วย

โปรดจำไว้ว่าราคาน้ำมันและสกุลเงินดอลลาร์แคนาดามีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน

เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2021 สำนักบริหารข้อมูลพลังงานได้เผยรายงานน้ำมันที่แย่กว่าที่คาดไว้ และทำให้เกิดการเทขายสินทรัพย์น้ำมัน ดังนั้นสกุลเงินดอลลาร์แคนาดาจึงอ่อนค่าลง และ CADJPY ก็ร่วงลงเช่นกัน

2.png

คู่สกุลเงินแปลกใหม่

"Exotic? คู่สกุลเงินแปลกใหม่? คำนี้ทำให้ผมนึกถึงเครื่องดื่มค็อกเทลสูตรเมืองร้อนที่ประดับด้วยร่มเล็ก ๆ เลย"

คุณจะเข้าใจสกุลเงินแปลกใหม่ด้วยวิธีนี้ได้แน่นอน โดยทั่วไปแล้ว สกุลเงินหนึ่งในคู่จะเป็นสกุลเงินยอดนิยมอย่างเช่น USD และอีกสกุลหนึ่งนั้นจะเป็นสกุลเงินหายาก ซึ่งมักจะเป็นสกุลเงินของประเทศกำลังพัฒนาหรือเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น เปโซเม็กซิกันหรือเรียลบราซิล มาดูรายชื่อคู่สกุลเงินแปลกใหม่กัน

USDTHB

EURTRY

USDZAR

USDBRL

CNHJPY

USDBRL

ตัวอย่าง

โดยปกติแล้ว คู่สกุลเงินเหล่านี้จะมีความผันผวนมากกว่า กล่าวคือ มีแนวโน้มที่จะเกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เนื่องจากการดำเนินการของผู้กำหนดนโยบาย ตัวอย่างเช่น ในวันที่ 22 มีนาคม 2021 ลีราตุรกีได้ร่วงลง 15% หลังจากที่ประธานาธิบดีเรเจป เทย์ยิป เออร์โดกัน ไล่ผู้ว่าการธนาคารกลางของประเทศออก แม้การเคลื่อนไหวดังกล่าวจะให้โอกาสแก่เทรดเดอร์ แต่มันก็สร้างความเสี่ยงด้วยเช่นกัน

ซึ่งอาจมีแนวโน้มที่ยาวนานและแข็งแกร่งที่อาจเป็นประโยชน์อย่างมากต่อเทรดเดอร์ เนื่องจากพวกเขาสามารถขี่แนวโน้มเหล่านี้ได้ ในขณะเดียวกัน ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศอาจสูงขึ้นได้เนื่องจากสภาพคล่องที่ต่ำกว่า โดยรวมแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสไตล์การซื้อขายของคุณและกลยุทธ์ที่คุณใช้

3.png

2. โลหะและน้ำมัน

ทองคำ

ในการค้นหาทองคำในเทอร์มินัลการซื้อขาย ให้มองหา XAUUSD ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทองคำ โลหะมีค่าก็เหมือนกับสกุลเงินที่มีการซื้อขายเทียบกับ USD แม้ว่าจะมีปัจจัยเฉพาะที่ผลักดันราคาของทองคำก็ตาม

การซื้อขายทองคำและการลงทุนในโลหะมีค่ามีมานานหลายศตวรรษแล้ว ผู้คนเคยซื้อทองคำเมื่อพวกเขาต้องการรักษามูลค่าของเงิน และทุกวันนี้ก็ยังคงทำเหมือนเดิม ทองคำได้อยู่ในตลาดมานานแล้วและจะคงอยู่กับเราต่อไปในอนาคต นั่นเป็นเหตุผลที่ผู้เล่นในตลาดพากันเข้าซื้อทองคำเมื่อพวกเขาแสวงหาความปลอดภัยหรือต้องการปกป้องเงินของพวกเขาจากภาวะเงินเฟ้อ ในทำนองกลับกัน ในตอนที่เศรษฐกิจกำลังเฟื่องฟูและเทรดเดอร์ต้องการความเสี่ยงมากขึ้น พวกเขามักจะเทขายทองคำซึ่งจะทำให้ราคาตกลง

"จะจับแนวโน้มเหล่านี้ได้อย่างไร?"

คุณจำเป็นต้องติดตามข่าวตลาดและการวิเคราะห์ คุณสามารถเปิดคำสั่งซื้อขายได้ทั้ง Buy และ Sell ในทองคำ

ตัวอย่าง

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2021 XAUUSD ได้ร่วงลงอย่างรวดเร็ว ทำไมน่ะเหรอ? ก็สหรัฐฯ ได้เผยข้อมูลแรงงานที่ดีเกินคาดน่ะสิ การจ้างงานนอกภาคเกษตร หรือ NFP เป็นหนึ่งในรายงานทางเศรษฐกิจที่มีผลกระทบมากที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ รายงานนี้จะแสดงจำนวนชาวอเมริกันที่ได้งานทำในเดือนก่อน โดยไม่รวมอุตสาหกรรมการเกษตร

"โอเค แต่นั่นมันช่วยอธิบายการร่วงลงของทองคำได้อย่างไร?"

ก็ USD และทองคำมีความสัมพันธ์กันแบบผกผันกัน เมื่อ USD พุ่งขึ้นทองคำก็มีแนวโน้มที่จะร่วงลง และในทำนองกลับกัน เนื่องจาก USD เป็นสกุลเงินอ้างอิงใน XAUUSD ดังนั้น NFP ที่แข็งแกร่งจึงได้ดันราคา USD ขึ้น และกดราคาทองคำลง

4.png

น้ำมัน

น้ำมันเป็นสินทรัพย์อีกประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมในหมู่เทรดเดอร์ทั่วโลก ผู้เล่นรายใหญ่จะซื้อขายน้ำมันที่ตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า ส่วนเทรดเดอร์รายย่อยสามารถเปิดคำสั่งซื้อและขายน้ำมันได้ด้วยความช่วยเหลือจากตราสารทางการเงินแบบพิเศษ

"สิ่งใดที่ขับเคลื่อนราคาน้ำมัน?"

ราคาน้ำมันจะขยับขึ้น ๆ ลง ๆ เนื่องจากอุปทานน้ำมัน (ปริมาณน้ำมันที่ถูกสกัดและนำออกสู่ตลาด) และอุปสงค์ (ปริมาณน้ำมันที่เศรษฐกิจต้องการและซื้อ) เกณฑ์มาตรฐานหลักสองประการของน้ำมัน (ประเภท) คือ Brent และ WTI ในซอฟต์แวร์ซื้อขายพวกมันจะอยู่ภายใต้ชื่อ XBRUSD และ XTIUSD สินทรัพย์ทั้งสองมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน แต่ระดับราคาจริงจะแตกต่างกัน เพราะน้ำมันผสมเหล่านี้ได้ถูกผลิตในคนละภูมิภาคของโลก

ตัวอย่าง

ราคาน้ำมันได้แตะถึงระดับต่ำสุดในเดือนเมษายน 2020 ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มันบ้าไปแล้ว! สัญญาซื้อขายน้ำมันล่วงหน้าบางสัญญาได้ติดลบ ผู้ขายจ่ายเงินให้ผู้ซื้อเพื่อเอาของออกจากคลังของพวกเขา สถานการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในภาวะล็อกดาวน์ ส่งผลให้มีน้ำมันที่ไม่ได้ใช้จำนวนมากจนอเมริกาไม่มีที่จัดเก็บ ในกราฟด้านล่างนี้ คุณจะเห็นการพังทลายของตลาดน้ำมันและการฟื้นตัวของตลาดนี้ในปี 2021

5.png

"ผมแอบผิดหวังนิดหน่อยนะที่ไม่ได้เข้าซื้อน้ำมันในตอนนั้น"

ไม่ต้องกังวลไป! คุณเพิ่งเริ่มต้นเอง ยังไงเดี๋ยวพอสินทรัพย์ที่ทำกำไรได้ดีบางตัวอยู่ที่ระดับต่ำสุด เทรดเดอร์หลายคนจะพูดว่า 'ซื้อตอนราคาร่วง' เป็นหนึ่งในวลีที่พวกเขาที่ชื่นชอบ แนวคิดก็คือการเข้าซื้อสินทรัพย์ที่มูลค่าต่ำที่มีศักยภาพสูงในการเติบโตในอนาคตเพื่อขายในราคาที่สูงขึ้นในภายหลัง

3. ดัชนีหุ้นและหุ้น

ดัชนี

ดัชนีตลาดหุ้นถูกนำมาใช้เพื่ออธิบายผลการดำเนินงานของตลาดหุ้นของประเทศหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของตลาดโดยเฉพาะ

ตัวอย่างเช่น US500 (S&P 500) แสดงให้เห็นว่าหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกามีผลการดำเนินงานโดยรวมเป็นอย่างไร ส่วน US100 (NASDAQ) จะมีข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่

เมื่อคุณซื้อขายดัชนี คำสั่งซื้อขายของคุณจะไม่ได้รับผลกระทบจากข่าวของแต่ละบริษัท คุณจะต้องดูเงื่อนไขต่าง ๆ ทางธุรกิจในประเทศ หากอัตราดอกเบี้ยต่ำ รัฐบาลสนับสนุนธุรกิจ และสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการเมืองมีเสถียรภาพ ดัชนีก็มีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้น หากคุณดูที่กราฟระยะยาว หุ้นอเมริกันก็มีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นเสมอ

"ผมเคยได้ยินว่าดัชนีหุ้นเป็นหนึ่งในการลงทุนที่ปลอดภัยมากที่สุด มันจริงไหม?"

จริงแท้แน่นอน! ดัชนีหุ้นเป็นพอร์ตการลงทุนที่มีความหลากหลายอยู่แล้ว การกระจายการลงทุนเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการซื้อขายหุ้น มันหมายถึงการถือครองหลากหลายสินทรัพย์ที่แตกต่างกันเพื่อลดความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวที่ไม่คาดคิดของราคาสินทรัพย์แต่ละรายการ ด้วยเหตุนั้น ดัชนีจึงทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดแบบไม่คาดคิดได้มากกว่าหุ้นเดี่ยว ๆ แต่ละตัว จึงถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ

ตัวอย่าง

คุณจะเห็นดัชนี US500 ในภาพด้านล่าง มันพุ่งขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม มันได้ร่วงลงไปบ้างเป็นเวลาสั้น ๆ ในตอนที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่หลังจากนั้น มันไม่เพียงแต่จะกลับสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาดเท่านั้น แต่มันยังสามารถเอาชนะระดับนั้นไปได้อีกด้วย!

6.png

หุ้น

"เข้าใจละ ดัชนีมันดีมากจริง ๆ แล้วถ้าผมยังอยากจะลงทุนในหุ้นบางตัวล่ะ?"

ด้วย FBS คุณสามารถซื้อและขายหุ้นได้เช่นกัน!

การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นจะขึ้นอยู่กับผลประกอบการและข่าวที่เกี่ยวข้องกับแต่ละบริษัท ตัวอย่างเช่น หุ้น Tesla มีแนวโน้มที่จะกระโดดขึ้นในตอนที่บริษัทประกาศโมเดลใหม่ ๆ ออกมา

เพื่อให้สามารถทำนายทิศทางการเคลื่อนไหวของหุ้นได้ คุณจะต้องตรวจสอบรายงานผลประกอบการของบริษัทที่มีอยู่ในปฏิทินเศรษฐกิจ และฟีดข่าวบนเว็บไซต์ FBS

ตัวอย่าง

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2020 ได้มีการประกาศว่า Tesla เตรียมเข้าร่วมดัชนี S&P 500 ในวันที่ 21 ธันวาคม 2020 ส่งผลให้ราคาหุ้นได้พุ่งขึ้นจาก $410 เป็น $650 ซึ่งมันได้เพิ่มขึ้นถึง 60% ในเดือนถัดไป ราคาได้ขยับสูงขึ้นไปอีกถึง $880 โดยรวมแล้วนับว่ากระโดดไปถึง 114%

7.png

4. สกุลเงินดิจิทัล

สกุลเงินดิจิทัลกำลังกลายเป็นกระแสหลักที่นักลงทุนก็มิอาจเพิกเฉยได้ สกุลเงินดิจิทัล (คริปโต) เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกนำมาใช้ในการซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ ซึ่งมันได้รับการรักษาความปลอดภัยด้วยการเข้ารหัส สกุลเงินดิจิทัลส่วนใหญ่เป็นเครือข่ายแบบกระจายอำนาจที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน สกุลเงินดิจิทัลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดได้แก่ Bitcoin, Ethereum, XRP, Litecoin เป็นต้น

"ผมเคยเห็นผู้คนตื่นเต้นเรื่องสกุลเงินดิจิทัลมาก ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นล่ะ?"

ก็มีหลายสาเหตุนะ ประการแรก นักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อว่ามันมีศักยภาพในการเติบโตอย่างมหาศาล โดยทั่วไปแล้วสกุลเงินดิจิทัลถูกมองว่าเป็นสกุลเงินแห่งอนาคต และด้วยเหตุนั้น ผู้คนจึงต้องการครอบครองสินทรัพย์ประเภทนี้เอาไว้ ถ้าเกิดวันหนึ่งมันพุ่งเป็นจรวดขึ้นมาล่ะ? คงไม่มีใครอยากตกรถแน่ ๆ เลยใช่ไหม

ประการที่สอง ไม่มีใครที่มีอำนาจควบคุมมัน สกุลเงินดิจิทัลไม่ได้ถูกควบคุมโดยธนาคารกลางใด ๆ ซึ่งนั่นทำให้พวกมันเป็นที่น่าดึงดูดใจมากขึ้นในช่วงเวลาที่เงินเฟ้อสูง อัตราเงินเฟ้อจะลดมูลค่าของเงินเฟียต อย่างเช่น USD หรือ EUR ในขณะที่ BTC จะไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ

ประการที่สามคือความปลอดภัย สกุลเงินดิจิทัลนั้นได้รับการรักษาความปลอดภัยด้วยการเข้ารหัส ซึ่งทำให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปลอมแปลงหรือใช้จ่ายซ้ำซ้อน ว่ากันว่าสกุลเงินดิจิทัลอาจมีความปลอดภัยมากกว่าระบบการชำระเงินแบบดั้งเดิมเสียอีก

"จะเทรดสกุลเงินดิจิทัลอย่างไรดี?"

คุณสามารถเลือกลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล ซื้อขาย หรือจะทำทั้งสองอย่างเลยก็ได้ ในการลงทุนแบบซื้อแล้วถือ นักลงทุนจะลงทุนด้วยการซื้อสกุลเงินดิจิทัลที่มีแนวโน้มทำกำไรมากที่สุด รอไปสักพัก แล้วขายออกไปในราคาที่สูงขึ้น ส่วนการซื้อขายนั้นเป็นแนวทางระยะสั้นที่แตกต่างจากการลงทุน เทรดเดอร์จะได้รับรายได้จากการเปลี่ยนแปลงของราคาในช่วงหนึ่งวัน หลายชั่วโมง หรือแม้แต่หลายนาที ซึ่งมันแทบไม่ต่างจากการซื้อขายคู่สกุลเงิน! สังเกตว่าสกุลเงินดิจิทัลมีแนวโน้มที่จะผันผวนมากกว่าสินทรัพย์คู่สกุลเงิน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีความระมัดระวังและมีการจัดการความเสี่ยง

8.png

"โห... ข้อมูลใหม่ ๆ เยอะแยะเต็มไปหมดเลย ผมเหนื่อยแล้วล่ะ เดี๋ยวมาสรุปแล้วไปพักกันดีกว่า!"

สรุปบทเรียน

  • ตราสารที่พร้อมให้ทำการซื้อขายออนไลน์นั้นมีหลากหลาย ได้แก่ คู่สกุลเงิน โลหะ น้ำมัน ดัชนี หุ้น และสกุลเงินดิจิทัล

  • สินทรัพย์การเงินทุกประเภทต่างถูกขับเคลื่อนโดยปัจจัยบางประการ

  • คุณสามารถกระจายการซื้อขายของคุณได้ด้วยการเลือกซื้อขายหลากหลายตราสารที่แตกต่างกัน

กำลังจะมา

สู้ต่อไปนะ! บทเรียนถัดไปจะสอนคุณถึงวิธีการเปิดคำสั่งซื้อขายทดลองแรกของคุณ

แบ่งปันกับเพื่อน ๆ: