-
จะเริ่มเทรดอย่างไร?
หากคุณอายุ 18 ปีขึ้นไปคุณสามารถเข้าร่วม FBS ได้และเริ่มต้นการเดินทาง FX ของคุณ ในการซื้อขายคุณจะต้องมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์และมีความรู้ที่เพียงพอเกี่ยวกับวิธีการทำงานของสินทรัพย์ในตลาดการเงิน เริ่มด้วยการศึกษาขั้นพื้นฐานด้วย สื่อการเรียนรู้ฟรี และ สร้างบัญชี FBS คุณอาจต้องการทดสอบสภาพแวดล้อมด้วยเงินเสมือนจริงผ่านบัญชีทดลอง เมื่อคุณพร้อมเข้าสู่ตลาดจริงแล้ว ก็เริ่มทำการซื้อขายเพื่อที่จะได้ประสบความสำเร็จ
-
จะเปิดบัญชี FBS ได้อย่างไร?
คลิกที่ปุ่ม 'เปิดบัญชี' บนเว็บไซต์ของเราแล้วไปที่ Trader Area ก่อนที่คุณจะเริ่มซื้อขายได้ โปรไฟล์ของคุณจะต้องได้รับการยืนยันเสียก่อน ยืนยันอีเมลและเบอร์โทรศัพท์ของคุณ จากนั้นให้ทำการยืนยันตัวตนของคุณ ขั้นตอนนี้จะช่วยรับประกันความปลอดภัยของเงินและตัวตนของคุณ เมื่อคุณผ่านการตรวจสอบทั้งหมดแล้ว ให้ไปที่แพลตฟอร์มการซื้อขายที่ต้องการ แล้วเริ่มซื้อขายได้เลย
-
จะถอนเงินที่ทำได้กับ FBS ได้อย่างไร?
กระบวนการนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย ไปที่หน้า การถอนเงิน บนเว็บไซต์หรือส่วนการเงินของ FBS Trader Area และเข้าไปที่การถอนเงิน คุณจะได้รับเงินที่ทำได้รับผ่านระบบการชำระเงินเดียวกับที่คุณใช้ในการฝากเงิน ในกรณีที่คุณฝากเงินเข้าบัญชีผ่านหลายวิธี ให้ถอนกำไรของคุณผ่านวิธีเดียวกันในอัตราส่วนตามยอดเงินที่ฝากเข้ามา
Drawdown in trading
อัตราส่วนการขาดทุนสะสมในการซื้อขาย
Drawdown หรืออัตราส่วนการขาดทุนสะสมในการซื้อขายคืออะไร?
อัตราส่วนการขาดทุนสะสมในการซื้อขายคือการลดลงมาจากจุดสูงสุดไปยังจุดต่ำสุดในช่วงเวลาที่กำหนด โดยปกติแล้วมันจะถูกคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ แต่เทรดเดอร์บางคนก็จะคิดออกมาเป็นจำนวนเงินเลย หากมีเงินในบัญชีซื้อขาย $10,000 และเงินลดลงเหลือเพียง $9,000 ก่อนที่จะปีนกลับขึ้นไปเหนือจำนวน $10,000 เหตุการณ์นี้จะหมายถึงบัญชีซื้อขายกำลังประสบกับอัตราส่วนการขาดทุนสะสมที่ 10%
อัตราส่วนการขาดทุนสะสมจะหมายถึงจำนวนเงินลงทุนหรือบัญชีซื้อขายที่ลดลงจากจำนวนสูงสุดที่มีก่อนที่มันจะฟื้นตัวกลับไปที่จำนวนสูงสุดได้อีกครั้ง อัตราส่วนการขาดทุนสะสมจะเป็นมาตรวัดของความผันผวนขาลง
การทราบมูลค่าของอัตราส่วนการขาดทุนสะสมนั้นมีความสำคัญต่อการจัดการความปั่นป่วนของตลาด, การวัดความผันผวน และความเสี่ยงตามธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนของคุณ เมื่อมูลค่าของการลงทุนลดลงต่ำกว่ามูลค่าสูงสุด แต่ในที่สุดก็วกกลับไปแล้วตัดผ่านมูลค่าสูงสุดในช่วงที่ลงทุนอีกครั้ง ณ จุดนี้เองอัตราส่วนการขาดทุนสะสมก็จะถูกบันทึก ยิ่งมูลค่าของสินทรัพย์อยู่ต่ำกว่ามูลค่าสูงสุดล่าสุดนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีแนวโน้มที่มูลค่าต่ำสุดจะกดตัวลงอีกซึ่งมันจะส่งผลให้อัตราส่วนการขาดทุนสะสมเพิ่มสูงขึ้น
ในตอนที่ประเมินอัตราส่วนการขาดทุนสะสม เทรดเดอร์ควรคำนึงถึงเวลาที่ถูกใช้ไปในการกู้คืนอัตราส่วนการขาดทุนสะสมด้วย
อัตราส่วนการขาดทุนสะสมและการขาดทุนนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งเดียวกัน เทรดเดอร์ส่วนใหญ่จะพิจารณาว่าอัตราส่วนการขาดทุนสะสมนั้นเป็นตัวบ่งชี้จุดสูงสุดถึงจุดต่ำสุด ในขณะที่การขาดทุนมักจะอ้างถึงราคาซื้อที่สัมพันธ์กับราคาปัจจุบันหรือราคาที่ขายออก
แล้วอัตราส่วนการขาดทุนสะสมและอัตราส่วนการขาดทุนสะสมในการธนาคารนั้นต่างกันอย่างไร?
อัตราส่วนการขาดทุนสะสมจะถูกนำไปใช้ทั้งในการลงทุน/การซื้อขาย และการธนาคาร ในแง่ของการซื้อขายและการลงทุน อัตราส่วนการขาดทุนสะสมจะหมายถึงการลดลงของเงินทุน พูดง่ายๆว่ามันเป็นความแตกต่างระหว่างมูลค่าสูงที่เงินในบัญชีของคุณพุ่งขึ้นไปถึง และระดับต่ำสุดที่เงินในบัญชีของคุณลดลงไปถึงในช่วงระยะหว่างเวลาหนึ่ง ส่วนในแง่ของการธนาคาร อัตราส่วนการขาดทุนสะสมจะหมายถึงการค่อยๆเข้าถึงวงเงินสินเชื่อบางส่วนหรือทั้งหมดในที่สุด สรุปก็คือในการลงทุน อัตราส่วนการขาดทุนสะสมจะกำหนดระดับความเสี่ยงของคุณ ในขณะที่ในการธนาคาร อัตราส่วนการขาดทุนสะสมจะกำหนดระดับหนี้สินของคุณ
ทำไมอัตราส่วนการขาดทุนสะสมจึงมีความสำคัญในการลงทุน?
การจัดการความเสี่ยงนั้นเป็นกุญแจสำคัญในการลงทุนหรือการซื้อขาย เมื่อพัฒนากลยุทธ์ เทรดเดอร์จะมองหากลยุทธ์ที่จะช่วยให้พวกเขาได้เปรียบในตลาด กลยุทธ์ที่มีอัตราการประสบความสำเร็จ 80% นั้นไม่ได้หมายความว่า 8 ใน 10 ของคำสั่งซื้อจะทำกำไรได้ มันย่อมต้องมีช่วงที่ขาดทุน ซึ่งมันจะเป็นช่วงที่อัตราการขาดทุนสะสมจะเข้ามา อัตราการขาดทุนสะสมนั้นเป็นส่วนสำคัญของทุกกิจกรรมการซื้อขาย และทุกแผนการจัดการความเสี่ยงควรมีรายละเอียดวิธีจัดการกับมันอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อพอร์ตการลงทุน
อัปเดทแล้ว • 2022-06-10