ดัชนี Nikkei 225

ดัชนีหุ้นเป็นพอร์ตการลงทุนที่มีการกระจายการลงทุนที่ดีอยู่แล้ว การกระจายการลงทุนเป็นหนึ่งในเสาหลักของการซื้อขายหุ้น พูดง่ายๆ คือการที่มีหลากหลายสินทรัพย์ ก็เพื่อลดความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของราคา ที่ไม่คาดคิดของสินทรัพย์หนึ่งๆ ดังนั้นดัชนีจึงประคับประคองตัวเองต่อ เหตุการณ์ไม่คาดฝันของตลาดได้มากกว่าหุ้นเดี่ยวๆ จึงถือว่าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ

เลือกกองทุนดัชนีหรือกองทุนที่คุณต้องการซื้อขาย หากคุณเป็นมือใหม่ ในตอนแรกคุณควรเลือกดัชนีตลาดที่มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักในวงกว้าง พิจารณากลุ่มของดัชนี (ตัวอย่างเช่น Nasdaq 100 เป็นดัชนีกลุ่มเทคโนโลยี) และภูมิศาสตร์ของมัน (Nikkei 225 ดัชนีชั้นนำของหุ้นญี่ปุ่น)

ดัชนีหุ้นเป็นเกณฑ์มาตรฐานที่ ใช้วัดประสิทธิภาพของหุ้นหลายๆ ตัว ตัวอย่างเช่น S&P 500 ที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้รวบรวมบริษัทที่ใหญ่ที่สุด ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา 500 แห่งเอาไว้ด้วยกัน

คุณสามารถซื้อขายดัชนีได้ในช่วงเวลาทำการของตลาดหลักของดัชนีที่เลือก สำหรับดัชนีสหรัฐฯ เวลาซื้อขายนั้นเริ่มตั้งแต่ 15:00 น. ถึง 0:00 น.ตามเวลา MT ดูรายการเวลาทำการของตลาดสำหรับการซื้อขายดัชนีทั้งหมด

ดัชนีจะวัดการเปลี่ยนแปลงราคาของหุ้นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไป มันช่วยให้ซื้อขายมูลค่าของหลายๆบริษัทได้ในผลิตภัณฑ์เดียว ดัชนีตลาดหุ้นยังถูกใช้เพื่อติดตามประสิทธิภาพโดยทั่วไป ของอุตสาหกรรม, เศรษฐกิจ, หรือภาคธุรกิจต่างๆ

ดัชนีหลักๆของโลกมีดังนี้:

• ดาวโจนส์ (US30) - ติดตาม 30 บริษัทใหญ่ๆ ที่มีการซื้อขายกันทั่วไปในสหรัฐอเมริกา
• S&P 500 (US500) - ติดตามบริษัทขนาดใหญ่ 500 แห่งในสหรัฐอเมริกา
• FTSE 100 (UK100) - ติดตามบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 100 แห่ง ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน
• Australia 200 (AU200) - ติดตามบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 200 แห่ง ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย
• Nikkei 225 (JP225) - ติดตามบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 225 แห่ง ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว

เนื่องจากดัชนีเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงสภาวะของตลาด หรือเศรษฐกิจจึงไม่สามารถถูกซื้อหรือขายได้โดยตรง ดังนั้นคุณสามารถซื้อขายดัชนีผ่าน CFDs (Contracts for Difference), ETFs (Exchange-Traded Funds), กองทุนดัชนี, ดัชนีฟิวเจอร์ส หรือออปชั่น