-
จะเริ่มเทรดอย่างไร?
หากคุณอายุ 18 ปีขึ้นไปคุณสามารถเข้าร่วม FBS ได้และเริ่มต้นการเดินทาง FX ของคุณ ในการซื้อขายคุณจะต้องมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์และมีความรู้ที่เพียงพอเกี่ยวกับวิธีการทำงานของสินทรัพย์ในตลาดการเงิน เริ่มด้วยการศึกษาขั้นพื้นฐานด้วย สื่อการเรียนรู้ฟรี และ สร้างบัญชี FBS คุณอาจต้องการทดสอบสภาพแวดล้อมด้วยเงินเสมือนจริงผ่านบัญชีทดลอง เมื่อคุณพร้อมเข้าสู่ตลาดจริงแล้ว ก็เริ่มทำการซื้อขายเพื่อที่จะได้ประสบความสำเร็จ
-
จะเปิดบัญชี FBS ได้อย่างไร?
คลิกที่ปุ่ม 'เปิดบัญชี' บนเว็บไซต์ของเราแล้วไปที่ Trader Area ก่อนที่คุณจะเริ่มซื้อขายได้ โปรไฟล์ของคุณจะต้องได้รับการยืนยันเสียก่อน ยืนยันอีเมลและเบอร์โทรศัพท์ของคุณ จากนั้นให้ทำการยืนยันตัวตนของคุณ ขั้นตอนนี้จะช่วยรับประกันความปลอดภัยของเงินและตัวตนของคุณ เมื่อคุณผ่านการตรวจสอบทั้งหมดแล้ว ให้ไปที่แพลตฟอร์มการซื้อขายที่ต้องการ แล้วเริ่มซื้อขายได้เลย
-
จะถอนเงินที่ทำได้กับ FBS ได้อย่างไร?
กระบวนการนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย ไปที่หน้า การถอนเงิน บนเว็บไซต์หรือส่วนการเงินของ FBS Trader Area และเข้าไปที่การถอนเงิน คุณจะได้รับเงินที่ทำได้รับผ่านระบบการชำระเงินเดียวกับที่คุณใช้ในการฝากเงิน ในกรณีที่คุณฝากเงินเข้าบัญชีผ่านหลายวิธี ให้ถอนกำไรของคุณผ่านวิธีเดียวกันในอัตราส่วนตามยอดเงินที่ฝากเข้ามา
การซื้อขายด้วย Stochastic Oscillator
Stochastic Oscillator คืออะไร?
Stochastic Oscillator ได้รับการพัฒนาโดย George C. Lane เมื่อปลายทศวรรษที่ 1950 เป็นเครื่องมือการซื้อขายอันล้ำค่าที่ใช้สำหรับการทำนายการกลับตัวของแนวโน้ม ตัวบ่งชี้นี้จะระบุระดับการซื้อมากเกินไปและขายมากเกินไปของหลักทรัพย์โดยการวัดโมเมนตัมของราคา ซึ่งเป็นอัตราการเร่งความเร็วในการเคลื่อนไหวของราคา
แนวคิดเบื้องหลัง Stochastic Oscillator คือโมเมนตัมมักจะเปลี่ยนแปลงก่อนที่ราคาจะเปลี่ยนทิศทาง เป็นผลให้ตัวบ่งชี้นี้สามารถแซงหน้าการเคลื่อนไหวของราคาได้ ซึ่งทำให้เทรดเดอร์ได้เปรียบ
Stochastic Oscillator เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์กับทั้งเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์และมือใหม่ เมื่อรวมเข้ากับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ เช่น เส้นค่าเฉลี่ยการเคลื่อนที่ เส้นแนวโน้ม และระดับแนวรับและแนวต้านแล้ว Stochastic Oscillator สามารถเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการปรับปรุงความแม่นยำในการซื้อขายและระบุจุดเข้าและออกที่ดีที่สุดได้
Stochastic Oscillator ทำงานอย่างไร?
ตัวบ่งชี้จะวัดราคาปิดล่าสุดที่สัมพันธ์กับจุดสูงสุดและต่ำสุดของช่วงที่หลักทรัพย์ถูกซื้อขายในจำนวนช่วงเวลาในอดีตที่กำหนด จำนวนช่วงเวลามาตรฐานที่ใช้วัดคือ 14 ตัวอย่างเช่น ในกราฟรายวัน มันก็คือ 14 วัน ส่วนในกราฟรายชั่วโมง มันก็คือ 14 ชั่วโมง เป็นต้น
ตัวบ่งชี้ Stochastic เป็นตัวบ่งชี้สองเส้นที่เทรดเดอร์สามารถใช้กับกราฟใดก็ได้ สองเส้นนี้คือเส้น %K และ %D ที่เคลื่อนที่ระหว่าง 0 ถึง 100
- เมื่อตัวบ่งชี้ Stochastic อยู่ในระดับสูง ราคาของตราสารจะปิดใกล้กับจุดสูงสุดของช่วง 14 ช่วงเวลา
- ในทางตรงกันข้าม เมื่อตัวบ่งชี้อยู่ในระดับต่ำ ราคาจะปิดใกล้กับจุดต่ำสุดของช่วง 14 ช่วงเวลา
- กฎทั่วไปสำหรับตัวบ่งชี้ Stochastic คือในตลาดที่มีแนวโน้มขาขึ้น ราคาจะปิดใกล้กับจุดสูงสุด ในทางกลับกัน ราคาจะปิดใกล้ระดับต่ำสุดในตลาดที่มีแนวโน้มขาลง หากราคาปิดหลุดจากจุดสูงสุดในตลาดกระทิงหรือหลุดจากจุดต่ำสุดในตลาดหมี โมเมนตัมจะชะลอตัวลง และการกลับตัวอาจเริ่มขึ้นในอีกไม่ช้า
สูตรการคำนวณของ Stochastic Oscillator
สูตรการคำนวณของ Stochastic Oscillator คือ:
%K = (Current Close - Lowest Low)/(Highest High - Lowest Low) * 100
%D = 3-day SMA of %K
โดยที่:
- "Current Close" คือ ราคาปิดของหลักทรัพย์ของช่วงเวลาปัจจุบัน
- "Lowest Low" คือ ราคาต่ำสุดที่หลักทรัพย์ไปถึงตามช่วงเวลาที่กำหนด
- "Highest High" คือ ราคาสูงสุดที่หลักทรัพย์ไปถึงตามช่วงเวลาที่กำหนด
%K เป็นตัวบ่งชี้ Fast Stochastic เนื่องจากมันจะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาได้เร็วกว่า %D เป็นตัวบ่งชี้ "Slow" Stochastic เนื่องจากโดยปกติแล้วมันจะเฉลี่ยค่าการเคลื่อน 3 ช่วงเวลาของ %K
การตั้งค่าตัวบ่งชี้ Stochastic
Stochastic Oscillator เป็นเครื่องมือชุดเริ่มต้นของ MetaTrader 4 และ MetaTrader 5 คุณสามารถเพิ่มลงในกราฟได้โดยคลิก “Insert” – “Indicators” – “Oscillators” จากนั้นเลือก “Stochastic Oscillator”
การตั้งค่าเริ่มต้นคือ 5, 3, 3 การตั้งค่าอื่น ๆ ที่นิยมใช้กันทั่วไปสำหรับ Stochastics ได้แก่ 14, 3, 3 และ 21, 5, 5 การตั้งค่า Stochastic แบบ 5, 4 มักจะถูกเรียกว่า Fast Stochastic ด้วยการตั้งค่าแบบ 14, 3 จะเรียกว่า Slow Stochastic และการตั้งค่าแบบ 14, 3, 3 จะเรียกว่า Full Stochastic
Fast Stochastic จะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาตลาดได้เร็วกว่า ขณะที่ Slow Stochastic จะลดจำนวนการตัดกันที่ผิดพลาด และด้วยเหตุนี้ สัญญาณเท็จบางส่วนจึงถูกกรองออกไป คุณสามารถเลือกค่าพารามิเตอร์ที่คุณต้องการได้เลย
การอ่านค่าตัวบ่งชี้ Stochastic
ดังที่เราได้กล่าวไว้ข้างต้น Stochastic Oscillator จะเคลื่อนที่ระหว่าง 0 ถึง 100 อย่างไรก็ตาม ราคามักจะไปไม่ถึงพื้นที่สุดขั้วเหล่านี้ ดังนั้น เทรดเดอร์มักจะใช้ระดับ 20 และ 80 เป็นเครื่องหมายสำหรับพื้นที่ที่มีการซื้อมากเกินไปและการขายมากเกินไป
หากตัวบ่งชี้พุ่งขึ้นเหนือ 80 ตราสารจะถูกซื้อขายใกล้กับจุดสูงสุดของช่วงสูง-ต่ำ และขณะนี้ก็มีการซื้อมากเกินไป ในทำนองกลับกัน หากตัวบ่งชี้ร่วงลงต่ำกว่า 20 ตราสารจะถูกซื้อขายใกล้จุดต่ำสุดของช่วงสูง-ต่ำ และขณะนี้มีการขายมากเกินไป โดยปกติแล้ว เมื่อราคามาถึงบริเวณที่มีการซื้อมากเกินไปและขายมากเกินไป การกลับตัวก็กำลังจะเกิดขึ้น
หากออสซิลเลเตอร์เคลื่อนตัวเหนือ 50 ตราสารจะถูกซื้อขายในส่วนบนของกรอบการซื้อขาย โดยเหล่ากระทิงจะเป็นผู้ครองตลาด ในทำนองกลับกัน หากออสซิลเลเตอร์เคลื่อนตัวอยู่ใต้ 50 ตราสารจะถูกซื้อขายในส่วนล่างของกรอบการซื้อขาย โดยเหล่าหมีจะเป็นผู้ครองตลาด
ระดับการซื้อมากเกินไปและการขายมากเกินไปมีประโยชน์มากสำหรับการทำนายการกลับตัวของแนวโน้ม
วิธีการซื้อขายด้วย Stochastic Oscillator
เช่นเดียวกับตัวบ่งชี้อื่น ๆ Stochastic นั้นก็ไม่ได้ให้สัญญาณที่ทำกำไรได้แบบ 100% แต่มีสองวิธีในการทำให้สัญญาณของตัวบ่งชี้นี้แม่นยำยิ่งขึ้น:
ใช้สัญญาณที่สร้างขึ้นเมื่อการตัดกันเกิดขึ้นในพื้นที่สุดขั้ว (สูงกว่า 80 สำหรับสัญญาณขาย และต่ำกว่า 20 สำหรับสัญญาณซื้อ)
พิจารณาแนวโน้มในกรอบเวลาที่กว้างขึ้นและซื้อขายตามนั้น ตัวอย่างเช่น หากคุณใช้ Stochastic บน H1 ให้ตรวจสอบแนวโน้มบน H4 หากมีแนวโน้มขาลงที่แข็งแกร่ง อย่าใช้สัญญาณซื้อ เนื่องจากราคาอาจอยู่ในพื้นที่ซื้อมากเกินไปเป็นระยะเวลานาน แต่ให้เน้นไปที่สัญญาณขายที่ถูกสร้างโดย Stochastics แล้วคุณจะทำกำไรได้จากการซื้อขายตามแนวโน้ม
นอกจากนี้ เช่นเดียวกับออสซิลเลเตอร์อื่น ๆ จงให้ความสนใจกับสถานการณ์ที่ Stochastic Oscillator สร้างความแตกต่าง (divergence) จากกราฟราคา สัญญาณขายจะเกิดขึ้นเมื่อราคาสร้างจุดสูงสุดที่สูงขึ้น แต่ Stochastic สร้างจุดสูงสุดที่ต่ำลง (bearish divergence) ในทางตรงกันข้าม สัญญาณซื้อจะปรากฏขึ้นเมื่อราคาทำจุดต่ำสุดที่ต่ำลง ขณะที่ Stochastic สร้างจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น
ขอแนะนำให้ใช้ Stochastic Oscillator ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ เช่น Moving Averages, Heiken Ashi, Alligator ฯลฯ
สรุป
Stochastic Oscillator เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับเทรดเดอร์ที่ช่วยในการระบุการกลับตัวของตลาดที่อาจเกิดขึ้นและการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัม การทำความเข้าใจวิธีการทำงานและวิธีการนำไปใช้ในกลยุทธ์การซื้อขายของคุณจะทำให้คุณได้เปรียบในตลาด อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าไม่มีตัวบ่งชี้ทางเทคนิคใดที่จะไม่มีวันผิดพลาด และการจัดการความเสี่ยงและการซื้อขายอย่างมีวินัยก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญเสมอ
อัปเดทแล้ว • 2023-05-11
บทความอื่นๆ ในส่วนนี้
- McClellan Oscillator
- กลยุทธ์การซื้อขายด้วยตัวบ่งชี้ Aroon
- ความแข็งแกร่งของสกุลเงิน
- กรอบเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเทรด
- Renko chart
- ประเภทของแผนภูมิ
- จะใช้ Heikin-Ashi อย่างไร?
- นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
- Pivot Points
- ตัวบ่งชี้ ZigZag คืออะไร?
- Moving Average: วิธีง่ายๆในการหาเทรนด์
- Williams’ Percent Range (%R)
- Relative Vigor Index (ตัวบ่งชี้ RVI) คืออะไร?
- โมเมนตัม
- Force index
- ตัวบ่งชี้ Envelopes คืออะไร?
- Bulls Power และ Bears Power
- Average True Range
- จะเทรดจากการตัดสินใจของธนาคารกลางอย่างไร?
- CCI (Commodity Channel Index)
- Standard deviation
- Parabolic SAR
- Relative Strength Index (RSI)
- MACD (Moving Average Convergence/Divergence)
- ออสซิลเลเตอร์
- ตัวบ่งชี้ ADX: วิธีใช้สำหรับการวิเคราะห์แนวโน้ม Forex อย่างมีประสิทธิภาพ
- Bollinger bands
- ตัวบ่งชี้เทรนด์
- การแนะนำตัวชี้วัดทางเทคนิค
- แนวรับและแนวต้าน
- แนวโน้ม
- การวิเคราะห์ทางเทคนิค
- ธนาคารกลาง: นโยบายและผลกระทบ
- ปัจจัยพื้นฐาน
- การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานในการเทรด Forex และการเทรดหุ้น
- การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน vs การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค