1. FBS >
  2. บล็อก FBS >
  3. 15 รูปแบบกราฟหุ้นที่สำคัญที่สุด
อัปเดทแล้ว • 2024-06-06

15 รูปแบบกราฟหุ้นที่สำคัญที่สุด

cover.png

เมื่อคุณกำลังซื้อขายหุ้น การใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะช่วยให้คุณเห็นการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ภายในตลาด รูปแบบกราฟคือสิ่งที่คุณสามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์ทางเทคนิคของคุณได้ พวกมันจะปรากฏบนกราฟราคาและระบุทิศทางที่ตลาดมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวและตำแหน่งที่คุณสามารถเปิดหรือปิดคำสั่งซื้อขายได้

ในบทความนี้ เราจะบอกคุณว่ารูปแบบกราฟเป็นอย่างไร คุณจะนำไปใช้ในการซื้อขายได้อย่างไร และค้นหาเกี่ยวกับรูปแบบกราฟหุ้นที่สำคัญที่สุด 15 รูปแบบที่จะช่วยคุณในการซื้อขายได้

รูปแบบกราฟคืออะไร?

รูปแบบกราฟ คือการแสดงภาพกราฟิกของความผันผวนของราคาโดยใช้ชุดของเส้นแนวโน้มและเส้นโค้งบนกราฟ แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกการขึ้นและลงที่เกิดขึ้นในตลาดนั้นจะเป็นส่วนหนึ่งของบางรูปแบบ แต่ถ้าราคาเคลื่อนไหวในลักษณะที่เคยสังเกตเห็นมาก่อนในเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งในตลาด ก็มีโอกาสสูงมากที่การก่อตัวใหม่นี้น่าจะเกิดขึ้นจากเหตุการณ์เดียวกัน

รูปแบบกราฟทำงานอย่างไร?

รูปแบบกราฟกลายเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการทำนายทิศทางในอนาคตของแนวโน้ม เนื่องจากตลาดถูกมองว่ามีธรรมชาติที่เป็นวัฏจักร แต่เนื่องจากรูปแบบกราฟหุ้นเป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์ทางเทคนิค เหตุผลเบื้องหลังจึงขึ้นอยู่กับแนวคิดที่ว่าพฤติกรรมของนักลงทุนมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นซ้ำ ๆ เมื่อเวลาผ่านไป

ราคาหุ้นไม่อาจเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวของมันเอง แต่มันเป็นภาพสะท้อนของการตัดสินใจโดยคนจริง ๆ ที่ถูกขับเคลื่อนด้วยอารมณ์และความทะเยอทะยานเช่นเดียวกับผู้คนในอดีต กราฟหุ้นเป็นตัวแทนของอารมณ์เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการมองโลกในแง่ดีหรือแง่ร้าย ดังนั้นหากราคาสร้างรูปแบบที่คุ้นเคยอย่างชัดเจน นั่นหมายความว่าเทรดเดอร์อาจลงเอยด้วยการตัดสินใจซื้อขายแบบเดียวกันกับคนอื่น ๆ ก่อนหน้านี้

1.png

ทำไมคุณควรวิเคราะห์รูปแบบกราฟ

แม้ว่ารูปแบบจะไม่ได้มีความน่าเชื่อถือ 100% ในแง่ของการทำนายทิศทางการเคลื่อนไหวของราคา แต่เราก็สามารถนำมันมาใช้ในรูปแบบอื่น ๆ ได้หลากหลาย กราฟจะแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทานภายในตลาด เมื่อเทรดเดอร์สนใจที่จะซื้อหุ้นมากกว่าขาย หรือในทำนองกลับกัน

เมื่อตลาดเคลื่อนไหวในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง การคาดเดาก็จะง่ายขึ้น ระดับแนวรับและแนวต้าน จุดพุ่งทะลุ จุดเข้า จุดออก การกลับตัวที่อาจเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่เทรดเดอร์สามารถตรวจจับได้จากกราฟหนึ่งรูปแบบ ดังนั้นแม้ว่าแนวโน้มจะจบลงในทิศทางที่แตกต่างจากที่คุณคาดไว้ คุณจะมีข้อมูลเยอะมากที่จะใช้ในการปกป้องคำสั่งซื้อขายของคุณจากการขาดทุน

ประเภทของรูปแบบกราฟ

มีรูปแบบกราฟที่แตกต่างกันอยู่จำนวนมาก แต่ทั้งหมดสามารถแบ่งออกได้เป็นสามกลุ่ม:

  • รูปแบบต่อเนื่อง รูปแบบต่อเนื่องจะบ่งชี้ว่าแนวโน้มปัจจุบันจะดำเนินต่อไปหลังจากที่รูปแบบเสร็จสมบูรณ์ โดยทั่วไป รูปแบบเหล่านี้จะปรากฏบนกราฟหุ้นจากการที่เป็นช่วงเวลาของการสะสมราคาในระยะสั้น มันจะให้สัญญาณการหยุดชะงักชั่วคราวของแนวโน้ม แต่โดยปกติแล้วจะไม่นำไปสู่การกลับตัวของทิศทางการเคลื่อนไหวของราคา
  • รูปแบบการกลับตัว รูปแบบการกลับตัวจะบ่งชี้ว่าแนวโน้มปัจจุบันกำลังจะสิ้นสุดลง และทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาก็มีแนวโน้มที่จะกลับตัว
  • รูปแบบที่เป็นไปได้ทั้งสองทาง รูปแบบที่เป็นไปได้ทั้งสองทางจะบ่งชี้ว่าตลาดยังไม่มีการตัดสินใจ ดังนั้นราคาอาจเคลื่อนไหวไปในทิศทางใดก็ได้ รูปแบบเหล่านี้สามารถถูกนำมาใช้เพื่อทำการซื้อขายทั้งสองทิศทาง ดังนั้นเทรดเดอร์ควรรอให้ราคาทะลุรูปแบบออกไปก่อนแล้วค่อยเข้าร่วมกับฝ่ายที่ชนะ

ประเภทกราฟที่สำคัญที่สุด

กราฟที่คุณสามารถใช้ในการซื้อขายได้นั้นมีอยู่ด้วยกันหลายประเภท แต่ประเภทที่สำคัญที่สุด ได้แก่ กราฟเส้น กราฟแท่ง และกราฟแท่งเทียน

กราฟเส้น จะระบุการเคลื่อนไหวทั่วไปของราคาตลาดในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ โดยวาดระหว่างแต่ละราคาปิด มันจะแสดงการเปลี่ยนแปลงของราคาปิดและแนวโน้มปัจจุบัน และช่วยให้เทรดเดอร์มองเห็นภาพรวมของความผันผวนของราคา

กราฟแท่ง จะถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์ราคาเปิดและราคาปิด ตลอดจนราคาสูงสุดและราคาต่ำสุด แต่ละแท่งจะแสดงราคาซื้อขายต่ำสุด (ด้านล่างของแท่ง) ราคาซื้อขายสูงสุด (ด้านบนของแท่ง) ช่วงการซื้อขาย (ตัวแท่ง) ราคาเปิด (เส้นแนวนอนฝั่งซ้าย) และราคาปิด (เส้นแนวนอนฝั่งขวา) ความยาวของแท่งจะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถมองเห็นได้ว่าตลาดกำลังมีความผันผวนหรือมีเสถียรภาพ

กราฟแท่งเทียน มักจะถูกเรียกว่าเป็นการพลิกแพลงของกราฟแท่ง แม้ว่ากราฟแท่งเทียนจะแสดงข้อมูลเหมือนกับกราฟแท่งมาก ๆ แต่มันก็อ่านได้ง่ายกว่ามาก ข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่างกราฟทั้งสองประเภทคือ เนื้อแท่งเทียนจะแสดงช่วงระหว่างราคาเปิดและราคาปิด นอกจากนี้ แท่งเทียนยังมีสีสันที่แตกต่างกันอีกด้วย โดยหากราคาของสกุลเงินปิดต่ำกว่าราคาเปิด เนื้อแท่งเทียนจะเป็นสีแดง ในขณะที่สีเขียวจะแสดงว่าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด การสร้างภาพข้อมูลนี้จะช่วยให้เทรดเดอร์เห็นว่าตลาดปัจจุบันถูกครอบงำโดยผู้ซื้อหรือผู้ขาย และระบุแนวโน้มปัจจุบันได้ ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึง รูปแบบกราฟแท่งเทียน

15 รูปแบบกราฟหุ้นที่คุณควรรู้

สามเหลี่ยมขาขึ้น (Ascending Triangle)

รูปแบบกราฟแรกที่เราจะพิจารณาคือสามเหลี่ยมขาขึ้น (Ascending Triangle) รูปแบบนี้เป็นรูปแบบขาขึ้นต่อเนื่องที่ก่อตัวขึ้นเมื่อราคาเริ่มแกว่งตัวในช่วงที่แคบลง เส้นบน (แนวต้าน) ของสามเหลี่ยมขาขึ้นจะเป็นเส้นแนวนอน ในขณะที่เส้นล่าง (แนวรับ) จะสร้างจุดต่ำสุดใหม่ที่กำลังปีนเข้าหาเส้นแนวต้าน มันจะไต่ขึ้นเรื่อย ๆ จนกว่าราคาจะทะลุเส้นแนวต้านในที่สุด ยืนยันรูปแบบ แล้วเคลื่อนไหวขึ้นต่อ

สามเหลี่ยมขาลง (Descending Triangle)

ขั้วตรงข้ามของสามเหลี่ยมขาขึ้นก็คือสามเหลี่ยมขาลง ซึ่งเป็นรูปแบบขาลงต่อเนื่องที่ปรากฏขึ้นเมื่อราคาของหุ้นเริ่มเคลื่อนไหวระหว่างเส้นแนวต้านที่ค่อย ๆ ลาดลงและแนวรับที่เป็นเส้นแนวนอน เมื่อเส้นแนวต้านและแนวรับบรรจบกัน การพุ่งทะลุก็จะเกิดขึ้น และราคาก็จะยิ่งร่วงต่ำลงและดำเนินต่อไปในแนวโน้มขาลง

สามเหลี่ยมสมมาตร (Symmetrical Triangle)

รูปแบบสุดท้ายของรูปแบบกราฟสามเหลี่ยม สามเหลี่ยมสมมาตรจะก่อตัวจากเส้นแนวรับที่เฉียงขึ้นและเส้นแนวต้านที่ลาดลง ราคาจะดีดกลับจากทั้งสองเส้นในช่วงที่ค่อย ๆ แคบลงอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเส้นทั้งสองตัดกัน คงเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าราคาจะไปในทิศทางใดหลังจากที่มันพุ่งทะลุออกไปได้ เนื่องจากทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต่างก็มีอิทธิพลต่อตลาดเท่ากัน นี่คือเหตุผลที่สามเหลี่ยมสมมาตรถือเป็นรูปแบบที่เป็นไปได้ทั้งสองทาง เทรดเดอร์ควรวางสองคำสั่ง Stop ไว้ทั้งเหนือและใต้เส้น

1139-triangles.png

ธง (Flag)

รูปแบบธงมักเกี่ยวข้องกับการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและได้กำไรเร็ว มันเป็นรูปแบบต่อเนื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงกลางของแนวโน้มที่แข็งแกร่ง รูปแบบธงจะก่อตัวขึ้นเมื่อแนวโน้มเข้าสู่ช่วงสะสมราคาสั้น ๆ ซึ่งมันอาจเป็นได้ทั้งขาขึ้นและขาลง หลังจากพุ่งขึ้นหรือดิ่งลงอย่างกะทันหัน (ที่เราเรียกกันว่า "เสาธง") ราคาจะเริ่มผันผวนและย้อนกลับไปหาการเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ที่อยู่ในช่วงแคบ ๆ ที่มีลักษณะคล้ายกับสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่เอียงเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นานราคาก็จะทะลุเส้นใดเส้นหนึ่งแล้วเคลื่อนต่อไปยังทิศทางก่อนหน้าในขณะที่ได้รับโมเมนตัมอย่างรวดเร็ว

1139-flags.png

ชายธง (Pennant)

รูปแบบชายธงจะดูคล้าย ๆ กับรูปแบบธงหรือสามเหลี่ยมสมมาตรที่เป็นรูปแบบต่อเนื่องกันเช่นกัน แต่มันก็ค่อนข้างแตกต่างจากรูปแบบทั้งสองดังกล่าว เช่นเดียวกับรูปแบบธง มันจะเกิดขึ้นเมื่อราคาเข้าสู่ช่วงสะสมราคาหลังจากการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันในทิศทางเดียว ("เสาธง") อย่างไรก็ตาม ตัวของชายธงนั้นจะก่อตัวจากเส้นสองเส้นมาบรรจบกันโดยไม่ขนานกัน ซึ่งจะทำให้ดูเหมือนรูปสามเหลี่ยมสมมาตร แต่รูปแบบสามเหลี่ยมนี้ไม่ได้นำหน้าด้วย "เสาธง" ตามที่ปรากฏในตลาดที่ไม่มีความเสถียร และชายธงจะเกิดขึ้นภายในแนวโน้มที่แข็งแกร่ง หลังจากที่เส้นทั้งสองมาบรรจบกัน ราคาจะทะลุออกไปและส่วนใหญ่มักจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางของแนวโน้มหลัก

1139-pennants.png

ดับเบิลท็อป (Double top)

ดับเบิลท็อปเป็นรูปแบบตลาดหมีที่เกิดขึ้นก่อนการกลับตัวเป็นขาลงระยะกลางหรือระยะยาว รูปแบบดับเบิลท็อปจะประกอบด้วยสองยอดสูงสุดและหนึ่งร่องต่ำสุด และมีลักษณะเหมือนตัวอักษร "M" มันจะเริ่มต้นเมื่อราคาย้อนกลับหลังจากพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องเนื่องจากแรงต้านของหมี ต่อมามันก็ดีดตัวขึ้นอีกครั้ง แต่พอแตะถึงระดับสูงสุดก่อนหน้า มันก็ดิ่งกลับลงมา เมื่อมันตัดผ่านเส้น neckline ก็จะถือว่ารูปแบบได้รับการยืนยัน และแนวโน้มก็จะกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง

ดับเบิลบอททอม (Double bottom)

ดับเบิลบอททอมจะเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับดับเบิลท็อป เนื่องจากมันจะเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลง และโดยทั่วไปมันจะส่งสัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้น ดับเบิลบอททอมมีลักษณะเหมือนตัวอักษร "W" ซึ่งจะก่อตัวขึ้นเมื่อราคาพุ่งขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่ร่วงลงมาเป็นเวลานาน จากนั้นก็จะกลับตัวลงมาแต่เด้งออกจากแนวรับแล้วเริ่มพุ่งสูงขึ้นจนทะลุเส้น neckline เทรดเดอร์มักจะใช้รูปแบบนี้เพื่อระบุโอกาสที่ดีที่สุดในการเริ่มเปิดคำสั่งซื้อขายระยะยาว

ทริปเปิลบอททอม (Triple bottom)

ทริปเปิลบอททอมเป็นรูปแบบการกลับตัวขาขึ้นที่เกิดขึ้นหลังจากช่วงขาลงอันยืดเยื้อ มันประกอบไปด้วยจุดต่ำสุดสามจุดติดกันโดยเว้นระยะห่างจากกันไม่มาก ซึ่งแต่ละจุดจะอยู่ในระดับราคาเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน ทริปเปิลบอททอมจะส่งสัญญาณว่าแม้ผู้ซื้อจะพยายามแล้วก็ตาม แต่ผู้ขายก็ไม่ยอมสละตำแหน่งง่าย ๆ อย่างไรก็ตาม หลังจากจุดต่ำสุดที่สาม พวกเขามักจะยอมจำนนต่อผู้ซื้อแล้วปล่อยให้ราคาเริ่มขยับขึ้นหลังจากที่ทะลุเส้น neckline รูปแบบนี้เป็นหนึ่งในรูปแบบที่หายากที่สุด แต่ก็เป็นหนึ่งในรูปแบบที่แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือมากที่สุดเช่นกัน ดังนั้น หากคุณสามารถระบุรูปแบบนี้ดังกล่าวบนกราฟได้ อย่าลืมทำกำไรให้ได้สูงสุดจากมัน

1139-bottoms.png

ลิ่ม (Wedge)

รูปแบบลิ่มจะเกิดขึ้นเมื่อราคาเริ่มเคลื่อนไหวระหว่างเส้นแนวโน้มสองเส้นที่บรรจบกันที่สร้างช่วงที่แคบลงอย่างต่อเนื่อง รูปแบบนี้อาจเป็นได้ทั้งขาขึ้นหรือขาลง ขึ้นอยู่กับความแปรผันของรูปแบบเอง

  • ลิ่มเฉียงลง (Falling wedge) ถือเป็นรูปแบบขาขึ้น ซึ่งมันสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งหลังจากแนวโน้มขาลงหรือขาขึ้น และทำหน้าที่เป็นสัญญาณการกลับตัวหรือไปต่อ ลิ่มเฉียงลงจะมีลักษณะด้านบนกว้าง ๆ จากนั้นจะค่อย ๆ แคบลงเรื่อย ๆ เมื่อราคาเคลื่อนลง เมื่อแรงกดดันจากผู้ขายลดลง ผู้ซื้อจะได้รับโอกาสในการชะลอการร่วงลงของราคา ซึ่งจะนำไปสู่การที่ราคาพุ่งทะลุแนวต้านแล้วดำเนินต่อไปในแนวโน้มขาขึ้น
  • ลิ่มเฉียงขึ้น (Rising wedge) นั้นจะตรงกันข้ามกับลิ่มเฉียงลง โดยทั่วไป มันจะเป็นรูปแบบขาลงที่สามารถส่งสัญญาณความต่อเนื่องหรือการกลับตัวของแนวโน้ม ขึ้นอยู่กับว่าตลาดมีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางใดก่อนที่รูปแบบนี้จะเกิดขึ้น มันจะประกอบไปด้วยเส้นแนวโน้มสองเส้นที่มาบรรจบกัน และราคากำลังขยับขึ้นภายในช่วงของการสะสมราคา ในที่สุดผู้ซื้อก็จะอ่อนแรงลง ดังนั้นผู้ขายจึงสามารถทำลายแนวรับได้ สร้างแนวโน้มขาลงใหม่ (หรือลงต่อตามแนวโน้มขาลงก่อนหน้า)

1139-wedges.png

หัวและไหล่ (Head and shoulders)

รูปแบบหัวและไหล่ (head and shoulders) มักจะเกิดขึ้นในช่วงท้ายของแนวโน้มขาขึ้นและเกิดขึ้นก่อนการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาลง มันจะประกอบด้วยการแกว่งตัวสามครั้งที่มีรูปร่างคล้ายกับภูเขา โดยที่ภูเขาสองลูกที่อยู่ด้านนอกจะอยู่ในระดับเดียวกันและมีขนาดเล็กกว่าลูกที่อยู่ตรงกลาง การแกว่งตัวลงครั้งสุดท้ายมีแนวโน้มที่จะทะลุเส้น neckline (เส้นที่เชื่อมต่อด้านล่างของรูปแบบ) ซึ่งเป็นสัญญาณให้เทรดเดอร์ขายหุ้นของตน

1139-h-and-sh.png

หัวและไหล่กลับด้าน (Inverse head and shoulders)

รูปแบบนี้จะเป็นรูปแบบที่ตรงกันข้ามกับรูปแบบที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ มันจะก่อตัวขึ้นในแนวโน้มขาลงและส่งสัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้น รูปแบบ inverse head and shoulders จะประกอบไปด้วยสามร่องภูเขา โดยที่ร่องที่อยู่ตรงกลางจะลึกกว่าอีกสองร่องที่อยู่ด้านข้าง รูปแบบนี้มีการซื้อขายคล้ายกับรูปแบบ head and shoulders เพียงแต่มันจะเกิดขึ้นก่อนแนวโน้มขาขึ้น ดังนั้นเทรดเดอร์จำเป็นต้องซื้อหุ้นทันทีที่ราคาทะลุเส้น neckline

ถ้วยและหูจับ (Cup and handle)

รูปแบบ Cup and handle นั้นเป็นรูปแบบขาขึ้น โดยทั่วไป มันจะเกิดขึ้นในช่วงขาขึ้นและเทรดเดอร์จะใช้เพื่อค้นหาโอกาสในการเปิดตำแหน่ง long (ซื้อ) รูปแบบนี้จะมีลักษณะเหมือนตัวอักษร "U" ซึ่งจะตามมาด้วยการลดลงเล็กน้อยที่มีรูปร่างคล้ายกับหูจับของถ้วย หูจับจะมีลักษณะคล้ายรูปแบบธงหรือรูปแบบชายธง แต่ในไม่ช้าราคาก็จะทะลุเส้นแนวต้าน และแนวโน้มขาขึ้นก็จะได้รับโมเมนตัมอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

1139-cup.png

ช่องว่าง (Gaps)

Gaps คือช่องว่างบนกราฟที่เกิดขึ้นในตลาดที่ผันผวน พวกมันจะปรากฏขึ้นในตอนที่ตลาดกำลังประสบกับความสนใจในการซื้อหรือขายในระดับที่ไม่ธรรมดา ความสนใจนี้จะนำไปสู่การซื้อขายหุ้นแม้ในตอนข้ามคืนที่ตลาดปิด ส่งผลให้ราคาเปิดของหุ้นในวันถัดไปนั้นแตกต่างจากราคาปิดของวันก่อนหน้าอย่างมาก เทรดเดอร์มักจะใช้ประโยชน์จากช่องว่างนี้โดยการเข้าซื้อหุ้น โดยหวังว่าช่องว่างจะเกิดขึ้นในวันถัดไป หรือโดยการขายหุ้นหลังจากช่องว่างได้เกิดขึ้นไปแล้ว

1139-gap.png

ชนแล้วหนี (Bump and run)

Bump and run เป็นรูปแบบการกลับตัวที่เกิดขึ้นได้ยากทั้งในตลาดกระทิงและตลาดหมี รูปแบบ bump and run จะเกิดขึ้นเมื่อราคากลับตัวอย่างรวดเร็วจากเส้นแนวโน้มในทิศทางของแนวโน้มหลัก จากนั้นก็ย้อนกลับการเคลื่อนไหวและในที่สุดก็ทะลุผ่านเส้นแนวโน้มก่อนหน้า ซึ่งจะกำหนดแนวโน้มใหม่ รูปแบบนี้มักจะเห็นได้ในกรอบเวลาที่ใหญ่ขึ้น แต่บางครั้งมันก็อาจปรากฏในกราฟระหว่างวัน

1139-bump-and-run.png

ช่องราคา (Price channel)

ช่องราคาเป็นรูปแบบที่เป็นไปได้ทั้งสองทางที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในแนวโน้มขาขึ้นและขาลง ช่องราคาจะก่อตัวขึ้นในตอนที่ราคาเริ่มแกว่งตัวภายในช่วงที่จำกัด การแกว่งตัวจะเด้งออกจากแนวต้านและแนวรับที่วิ่งขนานกันอยู่ ราคาอาจวิ่งขึ้น วิ่งลง หรือวิ่งออกข้างก็ได้

1139-channel.png

วิธีการจำแนกรูปแบบกราฟแบบต่าง ๆ?

หนึ่งในวิธีที่พบได้บ่อยที่สุดในการระบุรูปแบบกราฟหุ้นคือการวาดเส้นแนวโน้มและดูว่าราคาเบี่ยงเบนไปจากทิศทางของมันหรือไม่ หากคุณเห็นราคาแกว่งไปมาในช่วงที่จำกัด การลากเส้นผ่านจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดจะช่วยให้คุณมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่ารูปแบบกำลังก่อตัวอยู่หรือไม่ แรก ๆ มันอาจดูเหมือนยาก แต่หลังจากที่ได้ฝึกฝนแล้ว คุณจะสามารถจดจำรูปแบบกราฟหุ้นต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น แพลตฟอร์มการซื้อขายของคุณอาจมีตัวคัดกรองรูปแบบต่าง ๆ ที่สามารถช่วยให้คุณค้นพบโอกาสในการซื้อขายใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว

สรุป

เทรดเดอร์ได้ใช้รูปแบบกราฟหุ้นมานานหลายทศวรรษแล้ว หากสามารถระบุมันได้อย่างถูกต้อง มันจะช่วยยืนยันจุดเริ่มต้นของแต่ละแนวโน้มและช่วยให้เทรดเดอร์สามารถระบุโอกาสในการซื้อขายใหม่ ๆ ได้ รูปแบบกราฟหุ้นทั้ง 15 รูปแบบข้างต้นจะช่วยปรับปรุงความเข้าใจของคุณเกี่ยวกับวิธีการทำงานของตลาด และช่วยให้คุณสามารถคาดการณ์การกลับตัวของแนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาได้อย่างแม่นยำ

  • 16379

ประกาศการเก็บรวบรวมข้อมูล

FBS เก็บรักษาข้อมูลของคุณไว้เพื่อใช้งานเว็บไซต์นี้ เมื่อกดปุ่ม "ยอมรับ" ถือว่าคุณยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเรา

โทรกลับ

ผู้จัดการของเราจะโทรหาคุณในเร็ว ๆ นี้

เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์

เราได้รับคำร้องของคุณแล้ว

ผู้จัดการของเราจะโทรหาคุณในเร็ว ๆ นี้

คำขอโทรกลับครั้งต่อไปสำหรับหมายเลขโทรศัพท์นี้
จะพร้อมใช้งานใน

หากคุณมีปัญหาเร่งด่วนโปรดติดต่อเราผ่านทาง
สนทนาออนไลน์

เกิดข้อผิดพลาดภายใน กรุณาลองใหม่อีกครั้งในภายหลัง

อย่ามัวเสียเวลา - ติดตามดูว่า NFP ส่งผลกระทบอย่างไร ต่อ USD แล้วทำกำไรเลยสิ!

คุณกำลังใช้เบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่ากว่านี้

อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดหรือลองใช้เพื่อการเทรดที่สะดวกสบายและมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น

Safari Chrome Firefox Opera