วิธีการเทรดดัชนี

อ่านบทความบนเว็บไซต์ของ FBS
обложка.png

ดัชนีนั้นเผยให้เห็นผลการดำเนินงานของหุ้นกลุ่มหนึ่ง บทความนี้จะอธิบายทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้ เพื่อเริ่มเทรดดัชนีตลาดหุ้น!

คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับดัชนีมาบ้าง แต่ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไรและจะเทรดมันอย่างไรงั้นเหรอ? คู่มือนี้เหมาะสำหรับคุณอย่างแน่นอน! ในเนื้อหาด้านล่างนี้เราจะอธิบายถึงทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้ เพื่อให้ง่ายต่อการดำดิ่งเข้าสู่การซื้อขายดัชนี มาเริ่มกันเลย!      

ดัชนีในตลาดหุ้นคืออะไร?

ดัชนีหุ้นเป็นเกณฑ์มาตรฐานที่ ใช้วัดประสิทธิภาพของหุ้นหลายๆ ตัว ตัวอย่างเช่น S&P 500 ที่รู้จักกันดีนั้นประกอบไปด้วย บริษัทที่ใหญ่ที่สุด 500 แห่งที่จดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตามดัชนี S&P 500 ถูกมองว่าเป็นมาตรวัดอันดับต้นๆ ของหุ้นสหรัฐฯ มันมีดัชนีหุ้นตัวอื่นๆ อยู่อีกเยอะแยะมากมาย ด้านล่างนี้คุณจะพบรายการดัชนีหลัก ที่คุณสามารถซื้อขายกับ FBS ได้

ดัชนี NASDAQ 100 (US100) - เกณฑ์มาตรฐานสำหรับหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ

ดัชนี FTSE 100 (UK100) -  ดัชนีของ 100 บริษัทชั้นนำในสหราชอาณาจักร

Nikkei 225 (JP225) - ดัชนีชั้นนำของหุ้นญี่ปุ่น

ไปตรวจสอบรายการดัชนีของ FBS แบบเต็มดูนะ โดยคุณสามารถค้นหาชื่อย่อทั้งหมดสำหรับดัชนีหุ้นได้ ตัวอย่างเช่น S&P 500 คือ US500, Dow Jones คือ US30 เป็นต้น

เหตุใดดัชนีจึงเป็นที่นิยมในเหล่าเทรดเดอร์นัก?

เพื่อให้รู้สึกถึงความแตกต่าง ลองมาเปรียบเทียบการเทรดดัชนีและการเทรดหุ้นกัน คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับการกระจายพอร์ตโฟลิโอ หรือสำนวนที่ว่า “อย่าใส่ไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าใบเดียว” ไหม? คุณน่าจะเคยได้ยินนะ! แนวคิดก็คือการมีสินทรัพย์ที่หลากหลาย เพื่อลดความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหว ของราคาที่ไม่คาดคิดของสินทรัพย์หนึ่งๆ เรามาดูข้อดีที่ดีที่สุดของดัชนีกัน กล่าวโดยคร่าวๆ ดัชนีเป็นพอร์ตการลงทุนที่หลากหลายด้วยตัวของมันเอง คุณไม่ต้องคิดหาหุ้นตัวอื่นด้วยซ้ำ เพราะคุณได้ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นแล้ว นั่นมันเยี่ยมมากเลยไม่ใช่เหรอ?

внутренняя.png

แทนที่จะเลือกหุ้นแต่ละตัวเดี่ยวๆ ก็มาเลือกดัชนีแทน นักลงทุนจะเพิ่มโอกาสที่จะได้รับผลกำไรมากขึ้น เนื่องจากความเสี่ยงที่สูงขึ้น ก็จะให้ผลตอบแทนที่สูงตาม ลองดู Tesla สิ! แค่ Elon Musk ทวีตข่าวอะไรสักอย่าง แล้ว Tesla ก็อาจพุ่งสูงขึ้นในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น อย่างไรก็ตามมันก็ยังมีข่าวเชิงลบบางอย่างที่กดดัน Tesla ลงมาอย่างมากเช่นกัน

นักลงทุนบางรายอ้างว่า พวกเขาจะสร้างผลงานที่ทำกำไรได้มากกว่าดัชนีที่มีอยู่แล้ว มันก็อาจจะจริงในบางกรณีนะ แต่ส่วนใหญ่แล้วมันไม่สามารถเอาชนะดัชนีที่กระจายครอบคลุมได้ มาดูสถิติกัน ตามรายงานของ S&P Dow Jones Indices แล้ว 80% ของกองทุนขนาดใหญ่มีประสิทธิภาพต่ำกว่า S&P 500 ในช่วงห้าปีที่สิ้นสุดในเดือนธันวาคม 2019

ดัชนีมีความยั่งยืนต่อสภาวะช็อกของตลาดที่ไม่คาดฝัน แต่มักจะให้ผลกำไรน้อยกว่าหุ้นที่มีความเสี่ยง คุณจะเลือกอะไร: เดิมพันทั้งตลาดสหรัฐฯ หรือหุ้นเพียงตัวเดียว? อย่างไรก็ตามถ้า S&P 500 บางตัวร่วงเหลือศูนย์ พวกเราทุกคนก็คงจะซวยกันหมดอยู่ดี แต่ก็เป็นเพียงแค่การพูดคุยกันเฉยๆ เท่านั้น ในความเป็นจริงคุณไม่จำเป็นต้องเลือกเพียงตัวเลือกเดียว เพราะคุณสามารถเทรดได้ทั้งดัชนีและหุ้น!

เคล็ดลับสำหรับมือใหม่

สำหรับเทรดเดอร์ที่เพิ่งจะเริ่มต้น ดัชนีตลาดที่กระจายครอบคลุมเป็นความคิดที่ดีเสมอ เนื่องจากการซื้อขายหุ้นเพียงอย่างเดียวอาจมีความเสี่ยงเกินไป เมื่อคุณได้รับความรู้พื้นฐานแล้ว คุณสามารถเพลิดเพลินกับการเลือกหุ้นแต่ละตัวได้ เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วพวกมันจะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า

ดัชนีมีการคำนวณอย่างไร?

โดยปกติค่าของดัชนีจะวัดเป็นจุด ดัชนีแต่ละตัวคำนวณแตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ของมูลค่าปัจจุบันของหุ้น การถ่วงน้ำหนักนี้ช่วยให้สามารถจำกัดอิทธิพลของบริษัทที่ใหญ่ที่สุด และทำให้ดัชนีสมดุลกับสมาชิกทั้งหมด แต่หุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ก็ยังมีอิทธิพลต่อดัชนี มากกว่าหุ้นของบริษัทขนาดเล็กอยู่ดี

FBS เก็บรักษาข้อมูลของคุณไว้เพื่อใช้งานเว็บไซต์นี้ เมื่อกดปุ่ม "ยอมรับ" ถือว่าคุณยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเรา