-
คุณสามารถซื้อขายในช่วงเศรษฐกิจถดถอยได้หรือไม่?
ได้ การซื้อขายในช่วงเศรษฐกิจถดถอยนั้นสามารถทำได้ ถึงอย่างนั้นก็ตาม สิ่งสำคัญคือให้ทำการซื้อขายในตลาดที่มีความผันผวนน้อย หรือหากคุณต้องการซื้อขายหุ้น ให้ทำการวิจัยเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของบริษัทนั้น ๆ ให้ดี
-
การลงทุนในช่วงเศรษฐกิจถดถอยปลอดภัยหรือไม่?
การลงทุนในช่วงเศรษฐกิจถดถอยสามารถทำกำไรได้ แต่ก็ค่อนข้างจะเสี่ยงอยู่เช่นกัน มันบอกได้ยากที่จะบอกว่าราคาของสินทรัพย์จะเคลื่อนไหวอย่างไรในตลาดที่ผันผวน เมื่อลงทุนในหุ้น ก็ยังมีโอกาสที่เป็นไปได้อยู่ว่าบริษัทอาจล้มละลาย
-
กลยุทธ์การซื้อขายที่ดีที่สุดสำหรับภาวะเศรษฐกิจถดถอยคืออะไร?
ในสภาวะเศรษฐกิจถดถอย การซื้อขายระยะยาวและลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยที่มีความมั่นคงอยู่ไม่มากก็น้อยนั้นจะเป็นการดีกว่า เช่น ทองคำ เงิน สกุลเงินที่แข็งแกร่ง (CHF, USD, JPY) และพันธบัตรรัฐบาล
Recession
ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ภาวะเศรษฐกิจถดถอยคืออะไร?
ภาวะเศรษฐกิจถดถอยมักหมายถึงการลดลงของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเงินที่ยืดเยื้อและมีนัยสำคัญ ในขณะที่มีความคิดเห็นแตกต่างกันออกไปเกี่ยวกับว่า เมื่อใดที่การถดถอยทางเศรษฐกิจที่ดูเหมือนเป็นเพียงแค่ชั่วคราวอาจถือเป็นภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ ฉันทามติทั่วไปคือเมื่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ติดลบสองไตรมาสติดต่อกัน ก็จะถือว่าเป็นภาวะเศรษฐกิจถดถอย
นอกเหนือจาก GDP ที่ลดลงแล้ว ภาวะเศรษฐกิจถดถอยยังมาพร้อมกับอัตราการว่างงานที่สูง การใช้จ่ายภาครัฐที่ต่ำ และรายได้ที่แท้จริงที่ต่ำ ซึ่งสิ่งนี้ส่งผลเสียต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ทำให้ความต้องการของตลาดสำหรับสินค้าบางประเภทลดลง เพื่อให้อยู่รอดได้ บริษัทต่าง ๆ จึงลดอัตราการผลิตลง และโดยมากแล้วมักต้องเลิกจ้างพนักงานส่วนใหญ่ออกไป ซึ่งมีแต่จะยิ่งเพิ่มปัญหา
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีผลกระทบในทางลบ แต่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็ถือเป็นเรื่องปกติของเศรษฐกิจ มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และมักเป็นไปตามช่วงหนึ่งของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่ในขณะเดียวกันก็วางรากฐานไว้สำหรับอีกช่วงหนึ่งด้วย
อะไรที่ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย?
เมื่อพิจารณาถึงสาเหตุของภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากมุมมองที่กว้างขึ้น มันจะเริ่มขึ้นเมื่อวัฏจักรธุรกิจถึงจุดสูงสุดในช่วงที่เศรษฐกิจขยายตัว เนื่องจากเศรษฐกิจกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี ผู้บริโภคจึงมีกำลังซื้อที่แข็งแกร่งและผลักดันอุปสงค์ของสินค้าให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อรองรับแรงกดดันนี้และรักษาอุปทานที่จำเป็น บริษัทต่าง ๆ จึงต้องขึ้นราคา ในขณะเดียวกัน ธนาคารและสถาบันสินเชื่ออื่น ๆ ก็ช่วยให้ทั้งผู้บริโภคและบริษัทผู้ผลิตสามารถกู้ยืมเงินและสร้างหนี้เพิ่มได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงจุดหนึ่ง เหตุการณ์หนึ่งหรือหลายเหตุการณ์ทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก และทำให้ผู้บริโภคและบริษัทต่าง ๆ ไม่สามารถมีส่วนร่วมในสมการของอุปสงค์และอุปทาน และในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถรักษาภาระผูกพันทางการเงินที่มีต่อผู้ให้กู้ได้ด้วย เศรษฐกิจหยุดเติบโตและเข้าสู่ช่วงถดถอยรอบใหม่ ซึ่งกินเวลาหลายเดือนถึงหลายปี
โดยสำหรับเหตุการณ์ที่อาจทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงักนั้นก็มีหลายสาเหตุที่เป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย:
- อัตราเงินเฟ้อสูง — อัตราเงินเฟ้อ คือการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและบริการ ซึ่งทำให้กำลังซื้อลดลงเมื่อเวลาผ่านไป โดยอัตราเงินเฟ้อเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่กระตุ้นให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงเกินไป ค่าจ้างไม่สามารถปรับขึ้นตามราคาที่เพิ่มขึ้นได้ ก็จะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง และมาตรการที่ทางการใช้เพื่อต่อสู้กับค่าจ้างอาจนำไปสู่การว่างงานในระยะสั้นและแม้กระทั่งภาวะเศรษฐกิจถดถอย
- อุปทานล้นตลาด — เมื่ออุปสงค์สูง บริษัทต่าง ๆ จะพยายามผลิตสินค้าให้ได้มากที่สุด แต่เมื่ออุปสงค์ถึงจุดสูงสุดและลดลง ก็จะกลายเป็นว่าอุปทานสูงเกินไป ทำให้บริษัทขายสินค้าได้ยาก สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การลดขนาดธุรกิจ ผู้คนจำนวนมากตกงานและสูญเสียกำลังซื้อ การบริโภคลดลง และเศรษฐกิจเสียสมดุล
- ภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ — ภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ หมายถึง การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของราคาสินทรัพย์บางอย่าง แม้ว่ามูลค่าที่แท้จริงของมันจะต่ำกว่ามากก็ตาม สิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงที่เศรษฐกิจแข็งแกร่งจากหลายสาเหตุ รวมถึงการเก็งกำไร ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค หรือแนวโน้มของตลาดในปัจจุบัน นักลงทุนมองโลกในแง่ดีเกินไปและพยายามซื้อสินทรัพย์ให้ได้มากที่สุดเพื่อขายมันเมื่อราคาเหมาะสม อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลานั้น อุปทานจะสูงกว่าอุปสงค์อย่างมาก ทำให้ราคาลดลงและผู้ขายก็จะพังตลาดด้วยความตื่นตระหนก ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้
- การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง — บางครั้งเหตุการณ์ในโลกหรือในประเทศที่ไม่คาดฝันก็อาจสร้างปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรงได้ ซึ่งทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากผู้บริโภคและธุรกิจลังเลที่จะใช้จ่ายเงินของพวกเขา ตัวอย่างล่าสุดคือการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของโควิด-19 ซึ่งก็มีตัวกระตุ้นที่เป็นไปได้อื่น ๆ โดยทั่วไปด้วย ได้แก่ สงคราม ภัยธรรมชาติ และการหยุดชะงักในการจัดหาสิ่งจำเป็น (เช่น น้ำมัน)
- อัตราเงินฝืดสูง — แม้ว่าภาวะเงินเฟ้อสูงจะเป็นอันตรายมาก แต่ภาวะเงินฝืดก็อาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้เช่นกัน ภาวะเงินฝืดคือการลดลงของราคาที่นำไปสู่การลดลงของค่าจ้างและการลดลงของราคาในที่สุด สิ่งนี้กีดกันธุรกิจออกจากการผลิตสินค้าให้มากขึ้น ซึ่งทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลงและบ่อนทำลายเศรษฐกิจ
เหตุการณ์เหล่านี้อาจเกิดขึ้นคนละเวลาหรือเกิดขึ้นพร้อมกันในเวลาเดียวกัน แต่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจอาจทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยระลอกใหม่ได้
ภาวะเศรษฐกิจถดถอยส่งผลต่อการซื้อขายอย่างไร?
เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทุกด้าน จึงส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินอย่างมาก ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย เทรดเดอร์และนักลงทุนจะระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินของพวกเขา บางคนอาจเริ่มตื่นตระหนกและถอนเงินออกจากการซื้อขายและการลงทุนที่มีอยู่เพื่อรักษาผลกำไรก่อนที่ตลาดจะดิ่งลง ซึ่งมีแต่จะทำให้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงขึ้น แต่แม้แต่ผู้ที่ถือตำแหน่งที่เปิดอยู่ก็สามารถเห็นได้ว่ามูลค่าของการลงทุนของพวกเขานั้นลดลงอย่างมาก และไม่ปลอดภัยจากผลกระทบด้านลบของภาวะเศรษฐกิจถดถอย
อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์บางชนิดมีความทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากกว่าและทำงานได้ดีในช่วงที่เศรษฐกิจผันผวน บางครั้งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นแม้จะมีแนวโน้มที่ย่ำแย่ก็ตาม สิ่งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินและหลักทรัพย์ต่าง ๆ แตกต่างกัน ทำให้การซื้อขายในช่วงเศรษฐกิจถดถอยนั้นสามารถทำได้ แม้ว่าจะค่อนข้างยากก็ตาม
ตลาดหุ้น
ตลาดหุ้นมักจะได้รับความเสียหายมากที่สุดเมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำโดยรวมส่งผลกระทบต่อธุรกิจส่วนใหญ่ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยมักจะมาพร้อมกับการชำระหนี้ที่เพิ่มขึ้นและรายได้ที่ลดลง ซึ่งทำให้ราคาหุ้นของบริษัทที่มีผลประกอบการแย่นั้นต่ำลง เนื่องจากศักยภาพของบริษัทเหล่านี้ไม่สามารถปรับการลงทุนทางการเงินได้อย่างรวดเร็วอีกต่อไป
ด้วยเหตุนี้ เทรดเดอร์จำนวนมากจึงพยายามขายหุ้นที่ตนมีอยู่แล้วเพื่อชดเชยเงินที่ลงทุนไปแล้วและผลักดันราคาหุ้นให้ต่ำลง เมื่อเห็นสิ่งนี้ เทรดเดอร์รายอื่นก็จะพยายามทำกำไรจากการลดลงของราคาและซื้อหุ้นเหล่านี้ในขณะที่ราคาถูก ซึ่งก็ผลักดันราคาให้เด้งกลับขึ้นมา สิ่งนี้ก่อให้เกิดความผันผวน ทำให้ไม่สามารถคำนวณได้ว่าตลาดจะเคลื่อนตัวไปทิศทางใดต่อไป
ซึ่งทำให้การซื้อขายหุ้นในช่วงเศรษฐกิจถดถอยมีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหลายบริษัทอาจกำลังใกล้ที่จะล้มละลาย หุ้นที่เสี่ยงที่สุดในการซื้อขายและลงทุนในช่วงเศรษฐกิจถดถอยคือ:
- หุ้นเก็งกำไร
- หุ้นของบริษัทที่มีเลเวอเรจสูง
- หุ้นวัฏจักร
อย่างไรก็ตาม การซื้อขายหุ้นสามารถทำได้แม้ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย ถึงกระนั้น สิ่งสำคัญคือต้องรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกระแสเงินสด หนี้สิน และประวัติการดำเนินงานของบริษัทในสถานการณ์เศรษฐกิจที่ท้าทายก่อนที่จะนำเงินของคุณไปลงทุนในหุ้นของบริษัทนั้น ๆ
ตลาด Forex
เมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยขึ้นในประเทศหนึ่ง ๆ รัฐบาลมักจะพยายามลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดผลกระทบและเร่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ทำให้ความแข็งแกร่งของสกุลเงินในตลาด Forex ทั่วโลกอ่อนแอลง ทำให้ไม่น่าสนใจสำหรับเทรดเดอร์และนักลงทุน ด้วยเหตุนี้ การซื้อขาย Forex จึงไม่ปลอดภัยจากผลกระทบเชิงลบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจถดถอยแทบจะไม่ส่งผลกระทบต่อทั้งโลก ดังนั้นจึงมักจะมีประเทศที่เศรษฐกิจค่อนข้างดีในสภาวะเหล่านี้อยู่ สิ่งนี้สร้างโอกาสมากมายสำหรับเทรดเดอร์ Forex ในการทำกำไรจากความแตกต่างระหว่างสกุลเงินที่แข็งแกร่งและสกุลเงินที่อ่อนแอ
โลกของ Forex เป็นเรื่องของความสมดุล หากสกุลเงินหนึ่งอ่อนค่าลง อีกสกุลเงินหนึ่งก็จะแข็งค่าขึ้น ดังนั้นเทรดเดอร์และนักลงทุนสามารถใช้สกุลเงินที่อ่อนแอที่มีดอกเบี้ยต่ำเพื่อซื้อสกุลเงินที่แข็งแกร่งที่มีดอกเบี้ยสูงกว่าได้ โดยทั่วไปแล้ว บางสกุลเงินถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่เทรดเดอร์สามารถใช้เพื่อปกป้องเงินทุนของตนได้ สกุลเงินเหล่านี้ ได้แก่ ฟรังก์สวิส (CHF) ดอลลาร์สหรัฐ (USD) และเยนญี่ปุ่น (JPY)
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องระมัดระวังก่อนที่จะลงทุนในสกุลเงินเหล่านี้ เนื่องจากสกุลเงินเหล่านี้อาจสูญเสียมูลค่าบางส่วนเมื่อเศรษฐกิจของประเทศอื่นเริ่มฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย
สินค้าโภคภัณฑ์
สำหรับสินค้าโภคภัณฑ์ มูลค่าของสินค้าจะขึ้นอยู่กับว่าอัตราการผลิตได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่ หากบริษัทต้องชะลอการผลิตเนื่องจากขาดอุปสงค์และผู้บริโภคมีกำลังซื้อต่ำ ราคาของสินค้าโภคภัณฑ์ที่ผลิตได้ก็จะร่วงลงไปด้วย มูลค่าของสินค้าโภคภัณฑ์ที่เน่าเสียง่าย (เช่น ธัญพืช) ก็ลดลงเร็วกว่ามากเช่นกัน เนื่องจากไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน
ในขณะเดียวกัน สินค้าโภคภัณฑ์บางชนิดยังสามารถทำหน้าที่เป็นแหล่งหลบภัยด้านการลงทุนได้ โดยทั่วไปก็ประกอบด้วยโลหะมีค่า เช่น ทองคำ เงิน แพลทินัม ฯลฯ เนื่องจากสามารถรักษามูลค่าได้แม้ในตลาดขาลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทองคำเป็นสินค้าที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในช่วงเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากมีประวัติอันยาวนานในการใช้เป็นสกุลเงินในการซื้อขาย เป็นวัตถุดิบในการสร้างเครื่องประดับและงานศิลปะ และแม้กระทั่งในทางการแพทย์ แม้ว่ามูลค่าของสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้จะไม่เพิ่มขึ้น แต่ก็ยังพิสูจน์ได้ว่าเป็นทางเลือกที่ดีกว่าและมั่นคงกว่าหุ้น
พันธบัตร
พันธบัตรรัฐบาล โดยเฉพาะพันธบัตรที่ออกโดยประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่ง (เช่น สหรัฐอเมริกา) ถือเป็นการลงทุนที่ปลอดภัย ดังนั้นมูลค่าของพันธบัตรจึงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย แม้แต่ธนาคารกลางก็ซื้อพันธบัตรเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ พันธบัตรบางประเภททำผลงานออกมาดีกว่าเมื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ และบางประเภทมีราคาสูงขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ดังนั้น สิ่งสำคัญคือต้องรวบรวมข้อมูลให้เพียงพอเพื่อทำการตัดสินใจอย่างรอบคอบพร้อมข้อมูลครบถ้วน
จะทำนายภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้อย่างไร?
น่าเสียดายที่ไม่มีวิธีที่แม่นยำ 100% ในการทำนายภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่กำลังจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ตัวชี้วัดบางตัวสามารถเตือนนักเศรษฐศาสตร์เกี่ยวกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นได้ ตัวอย่างเช่น อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากงานน้อยลง (โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้า) ซึ่งหมายถึงการใช้จ่ายและอุปสงค์ของผู้บริโภคลดลง
หนึ่งในตัวบ่งชี้ที่สำคัญที่สุดคือ Inverted yield curve (เส้นอัตราผลตอบแทนพลิกกลับ)
เส้นอัตราผลตอบแทนแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นและระยะยาว ผลตอบแทนระยะยาวจะสูงขึ้นเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น อย่างไรก็ตาม หากเส้นอัตราผลตอบแทนพลิกกลับโดยที่อัตราผลตอบแทนระยะยาวต่ำกว่า อาจส่งสัญญาณถึงการขาดความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจ การเริ่มต้นของความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ และภาวะถดถอยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้
ความแตกต่างระหว่างภาวะเศรษฐกิจถดถอยและภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
“ภาวะเศรษฐกิจถดถอย” และ “ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ” เป็นคำศัพท์ทางเศรษฐกิจที่ใกล้เคียงกันมาก แต่ก็ยังมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำรุนแรงกว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยมาก ซึ่งนำไปสู่ผลกระทบที่รุนแรงกว่า ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำนั้นยาวนานกว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยกินเวลาอย่างน้อยหลายเดือนไปจนถึงหลายปี
ตัวอย่างเช่น ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่กินเวลานานกว่าสี่ปี เริ่มต้นในปี 1929 และสิ้นสุดในปี 1933 โดยต้องใช้เวลาเกือบทศวรรษกว่าที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัว เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ในช่วงปลายยุค 2000 นั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2007 จนถึงกลางปี 2009 ซึ่งสั้นกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะกินเวลานานแค่ไหน?
ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจกินเวลาตั้งแต่หลายสัปดาห์จนถึงหลายปี ขึ้นอยู่กับว่าเศรษฐกิจได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน และทางการสามารถใช้มาตรการที่ดีพอเพื่อบรรเทาผลกระทบได้หรือไม่ โดยเฉลี่ยแล้ว ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจกินเวลานานประมาณ 11 ถึง 17 เดือน โดยภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ใช้เวลานานกว่า 5 ปี น่าเสียดายที่เราไม่สามารถคาดเดาได้แน่ชัดว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะสิ้นสุดลงเมื่อไร ดังนั้นสิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือรอ
ตัวอย่างของภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ตัวอย่างล่าสุดที่สำคัญคือภาวะเศรษฐกิจถดถอยหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ย้อนกลับไปในตอนนั้น เศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกประสบกับภาวะถดถอยอย่างรุนแรง เนื่องจากธุรกิจจำนวนมากต้องปิดตัวลงและหยุดการผลิตสินค้า สิ่งนี้ทำให้ตลาดหุ้นพังทลายเนื่องจากหลายบริษัทล้มละลาย แม้ว่ารัฐบาลของพวกเขาจะพยายามช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินก็ตาม
อัปเดทแล้ว • 2023-07-19