โควิด-19 จะสิ้นสุดลงในปี 2022 จริงหรือ?

โควิด-19 จะสิ้นสุดลงในปี 2022 จริงหรือ?

อัปเดทแล้ว • 2022-12-15

สองปีผ่านไปแล้วนับตั้งแต่เจอผู้ป่วยรายแรกที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ผู้คนกว่า 275 ล้านคนได้ติดเชื้อไวรัสและมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนกว่าห้าล้านคน สายพันธุ์ใหม่ๆยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แถมวัคซีนก็ยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่เราต้องการเสมอไป นอกจากนี้ บริษัทต่างๆต่างก็พยายามทำให้ไวรัสอ่อนแอลงด้วยการใช้ยาในรูปแบบอื่นๆ เช่น ยาเม็ด ในบทความนี้ เราได้ศึกษาแนวทางหลักในการต่อสู้กับโควิด-19, ติดตามอัตราการฉีดวัคซีนทั่วโลก, และคาดการณ์โอกาสในการฟื้นตัวอย่างเต็มที่จากโรคระบาดของศตวรรษที่ 21

การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนากำลังชะลอตัวลง

ว่ากันตามตรง คนส่วนใหญ่ในโลกไม่ได้เอาจริงเอาจังกับโควิดมากพอ หลายสิบประเทศกล่าวว่ามันเป็นแค่ไวรัสอีกประเภทที่คล้ายๆกับของไข้หวัดใหญ่ที่จะถูกกำจัดได้อย่างรวดเร็ว แต่กลับกลายเป็นว่าพวกเขาคิดผิด ผลที่ตามมาของความไม่รับผิดชอบนี้ก็คือคลื่นการติดเชื้อไวรัสที่เกิดขึ้นหลายระลอก, ความสูญเสียทางเศรษฐกิจในระดับที่เหลือเชื่อ, และการหยุดชะงักของซัพพลายเชนทั่วโลก

สำหรับเรา ตัวอย่างที่สำคัญที่สุดก็คือสหรัฐฯที่ตอบสนองช้าเกินไป นอกจากนี้ แต่ละรัฐในประเทศก็ยังมีแนวทางปฏิบัติที่ไม่เหมือนกันอีก ซึ่งมันได้ส่งผลให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเกิดความเสียหายทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจโดยรวม สหรัฐอเมริกาสูญเสียชีวิตผู้คนไปมากกว่า 800K คน และตอนนี้ก็มีท่าทีว่าจะสูญเสียเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อได้พุ่งขึ้นเกือบถึง 7% และยังคงมีท่าทีว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากการได้มีการพิมพ์เงินออกมาเป็นจำนวนมหาศาล ในตอนนี้ สหรัฐอเมริกามีประชากรมากกว่า 61% ที่ได้รับการฉีดวัคซีน แต่ภูมิคุ้มกันหมู่ต้องการ 80%+ เพื่อให้ประชาชนมีภูมิต้านทานไวรัส อย่างไรก็ตาม ชัยชนะของผู้คนก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่สำหรับเศรษฐกิจแล้วยังคงอีกไกล หนี้ของประเทศได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนสหรัฐฯจำเป็นต้องเพิ่มระดับการกระตุ้นทุกๆสองเดือนเพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศผิดนัดชำระหนี้

อย่างไรก็ตาม ไวรัสโคโรนากำลังชะลอตัวลงในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก ซึ่งเห็นได้จากตัวเลข

{8B394834-DD96-4464-B782-D9D5A3CE07FE}.png

แม้ว่าคลื่นลูกที่สี่ของการติดเชื้อจะรุนแรงพอๆกับลูกที่สาม แต่ส่วนใหญ่เป็นเพราะสายพันธุ์โอไมครอนที่สามารถแพร่ระบาดได้ง่ายกว่า แต่ก็มีอันตรายน้อยกว่า ซึ่งยืนยันเรื่องนี้ได้จากสถิติของจำนวนผู้เสียชีวิต

 {D33DCB5C-6F54-4140-B6ED-74CCE5A2BDD9}.png

กราฟจำนวนผู้เสียชีวิตรายวันไม่มีระลอกที่สี่ ซึ่งแตกต่างจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน และจำนวนผู้เสียชีวิตยังคงลดลงเรื่อยๆ, ช้าลง, แล้วค่อยๆคงที่ หากแนวโน้มนี้ไม่เปลี่ยนแปลงไป จุดสิ้นสุดของโควิด-19 ก็คงใกล้เข้ามาแล้ว

Moderna, Pfizer และบริษัทอื่นๆที่พากันตามหายาวิเศษ

ปัจจุบัน หลายบริษัทต่างก็กำลังต่อสู้กับไวรัส ซึ่งคุณก็รู้จักบริษัทเหล่านี้เป็นอย่างดี มาวิเคราะห์กันว่าเรามีอะไรที่จะสามารถเอาชนะโควิดได้

Moderna มีวัคซีนหนึ่งชนิด (mRNA-1273) โดยมีวิธีการใช้งานที่แตกต่างกันสองวิธี วิธีแรก คุณต้องได้รับการฉีดสองเข็ม ซึ่งเข็มที่สองจะต้องห่างจากเข็มแรก 28 วัน สำหรับบางคน (ที่มีปัญหาสุขภาพบางอย่าง) ควรได้รับการฉีดวัคซีนหลักเพิ่มเติม (เข็มที่สาม) อย่างน้อย 28 วันหลังจากเข็มที่สอง นอกจากนี้ ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปที่ได้รับวัคซีน Moderna ครบโดสไปแล้ว ควรได้รับการฉีดกระตุ้นอย่างน้อยหกเดือนหลังจากนั้น

mRNA-1273 มีประสิทธิภาพ 95% ในการต่อต้านเชื้อโควิด-19 แทบทุกสายพันธุ์ แต่พอสายพันธุ์โอไมครอนได้แพร่ระบาดออกมา เราก็จะโฟกัสไปที่สายพันธุ์ล่าสุดเนื่องมันถูกพิจารณาแล้วว่าเป็นสายพันธู์ที่คนติดกันได้ง่ายที่สุด การวิจัยของบริษัทได้แสดงให้เห็นว่าโดสที่สามของวัคซีน Moderna ได้ช่วยเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันสายพันธุ์โอไมครอน (เพิ่มขึ้น 32 เท่าเมื่อเทียบกับการฉีดวัคซีนสองเข็ม) นอกจากนี้ Moderna กำลังทดสอบวัคซีนรุ่นใหม่ที่จะช่วยจัดการกับสายพันธุ์โอไมครอนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น (mRNA-1273.529) บริษัทคาดว่าจะเริ่มนำมาทดลองใช้ในคนในช่วงต้นปี 2022

imgonline-com-ua-Resize-87nHAjuDGa.jpg

มาพูดกันถึงคู่แข่งรายใหญ่ที่สุดของ Moderna ซึ่งก็คือ Pfizer และ BioNTech พวกเขาเสนอให้ฉีดวัคซีนสองเข็มห่างกัน 21 วัน นอกจากนี้ ทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปสามารถเข้ารับการฉีดกระตุ้นได้อย่างน้อยหกเดือนหลังจากที่ฉีดครบสองโดสหลักของ Pfizer-BioNTech สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือผู้ใหญ่สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ยี่ห้อใดก็ได้ที่ได้รับอนุญาตในสหรัฐอเมริกาสำหรับการฉีดกระตุ้น ไม่ใช่แค่ของ Pfizer เท่านั้น การศึกษาในห้องปฏิบัติการพบว่ามันมีประสิทธิภาพในการป้องกันสายพันธุ์โอไมครอนเพิ่มขึ้น 25 เท่า เมื่อเทียบกับการฉีดเพียงสองเข็ม ส่วน Moderna ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า แต่อย่างไรก็ตามการมีการป้องกันย่อมดีกว่าการไม่มีการป้องกันใดๆเลย  

แต่ Pfizer ยังมีไพ่เด็ดอยู่ในมือ ซึ่งก็คือยาเม็ดต้านไวรัส Pfizer กล่าวว่ายาเม็ดต้านไวรัสโควิด-19 ของตนมีประสิทธิภาพเกือบ 90% ในการป้องกันการเข้ารักษาในโรงพยาบาลและการเสียชีวิตในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งข้อมูลในห้องปฏิบัติการล่าสุดบ่งชี้ว่ายายังคงประสิทธิภาพในการต้านไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วนี้ได้

imgonline-com-ua-Resize-3ttahbINj0hQ.jpg

Merck บริษัทยารายใหญ่อีกเจ้าก็มียาดีเช่นกัน แต่ยาเม็ดของ Merck จะช่วยลดความเสี่ยงของการเจ็บป่วยที่รุนแรง, การเข้ารักษาในโรงพยาบาล, และการเสียชีวิตได้เพียง 30% เท่านั้น ผลลัพธ์ดังกล่าวยังคงห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ แย่หน่อยที่ความเป็นไปได้ในการปล่อยออกสู่ตลาดก็จะเป็นหลังคริสต์มาส ซึ่งช้ากว่าที่ Merck คาดหวังไว้ แต่มาช้าก็ยังดีกว่าไม่มานะ!

หากได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา แพทย์อาจสั่งให้ผู้ป่วยกลับไปรักษาตัวเองที่บ้านและไปรับยาได้ที่ร้านขายยาในท้องถิ่นเพื่อลดความเสี่ยงของการป่วยป่วยหนัก แน่นอน ยาเม็ดดังกล่าว (และวัคซีนรุ่นใหม่ๆ) ก็ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นอย่างเหลือเชื่อ แต่มันต้องใช้เวลานานแค่ไหนกันกว่าที่โลกจะพัฒนาภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้นมาได้? และที่สำคัญกว่านั้น โควิดจะสิ้นสุดลงในปี 2022 จริงหรือ?

วันที่โควิดจะสิ้นสุดลง

มาว่ากันตามตรงอีกครั้ง และดูอัตราการฉีดวัคซีนทั่วโลก อันดับแรก เราต้องให้ประชากรอย่างน้อย 80% ของโลกได้รับภูมิต้านทานโควิด นอกจากนี้ ความท้าทายกลับเพิ่มขึ้นอีกด้วยสายพันธุ์ใหม่ที่เกิดขึ้นทุกๆหกเดือน แต่เราก็รู้แล้วว่าต้องทำอย่างไรกับพวกมัน

imgonline-com-ua-Resize-3l4pUH6lO499t.jpg

57% ของประชากรโลกได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างน้อยหนึ่งโดส วัคซีนจำนวน 8.78 พันล้านโดสถูกจ่ายออกไปทั่วโลก และขณะนี้ประมาณ 36.07 ล้านโดสก็ถูกบริหารจัดการในแต่ละวัน ในอีกไม่กี่สัปดาห์ ประการ 57% ที่ว่านั้นก็จะได้รับเข็มที่สองและมีภูมิต้านทานต่อโควิดไม่มากก็น้อย สำหรับตอนนี้ ผู้คนจำนวน 3.63 พันล้านคนได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน ซึ่งคิดเป็นเกือบ 47% ของประชากรโลก

imgonline-com-ua-Resize-AnKDUFRBjb47lu.jpg

ทั่วแอฟริกานั้นมีอัตราการฉีดวัคซีนที่แย่ที่สุด ส่วนทวีปอื่นๆต่างก็มีภูมิคุ้มกันหมู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันมาก ดังนั้น เราสามารถพูด (แบบระมัดระวัง) ได้ว่าวันที่เลวร้ายที่สุดของยุคโควิดได้ผ่านไปแล้ว ไวรัสอาจกลายเป็นเหมือนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ซึ่งมันก็ยังคงเป็นการติดเชื้อที่อันตราย แต่ก็ควบคุมได้มากขึ้นและมีอันตรายน้อยกว่า แต่ก็อย่าลืมว่าแม้แต่ไข้หวัดใหญ่ก็สามารถทำให้เราประหลาดใจได้เป็นครั้งคราว ตัวอย่างเช่น "ไข้หวัดหมู" ในปี 2009 ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวน 491 ล้านราย และเสียชีวิตมากกว่า 284 000 ราย

ไอเดียการลงทุนสำหรับปี 2022

เมื่อพิจารณาสิ่งที่เราได้กล่าวถึงข้างต้นแล้ว คุณจะได้ไอเดีย: อีกไม่นานวัคซีนก็จะมีความจำเป็นน้อยลง เว้นแต่ว่าบริษัทต่างๆจะไม่ผลิตยาเพื่อต่อสู้กับโควิด สำหรับ Moderna ถือเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากบริษัทมีผลิตภัณฑ์ไม่กี่ตัวในตลาด และรายได้ก็ขึ้นอยู่กับ mRNA-1273 ซึ่งรายได้ที่ลดลงก็หมายถึงราคาของหุ้นก็จะปรับตัวร่วงลงตาม ดังนั้นในระยะยาว ราคาหุ้นของ Moderna จึงมีแนวโน้มลดลง

กราฟรายวันของ Moderna

แนวต้าน: 380.0; 455.0; 515.0

แนวรับ: 265.0; 230.0; 190.0

MRNADaily.png

ส่วน Prizer นั้นตัวเลขจะเป็นไปในเชิงบวกมากกว่า บริษัทมียาที่มีประสิทธิภาพสูงที่จะออกสู่ตลาดในช่วงต้นปี นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆอีกมากที่จะช่วยรักษาระดับรายได้ให้ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยการวิเคราะห์ทางเทคนิค ราคาหุ้นได้ทำลายกรอบการซื้อขายขนาดใหญ่ในรอบ 9 ปีไปแล้ว

PFIZERWeekly.png

หลังจากการกลับมาทดสอบอันเนื่องมาจากการเกิดไดเวอร์เจนซ์ของ RSI ทั้งรายสัปดาห์และรายวัน เราคาดว่าราคาหุ้น Pfizer จะแตะที่ระดับ $66 ต่อหุ้น แถมมีแนวโน้มว่าจะปรับตัวสูงขึ้นอีกถึง $75 ภายในสิ้นปี 2022 อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถคาดการณ์ข่าวสุ่มๆได้ ดังนั้นควรระมัดระวังและคอยดูปฏิกิริยาต่อระดับ $46.5 และ $42

กราฟรายวันของ Pfizer

แนวต้าน: 66.0; 75.0

แนวรับ: 55.0; 52.0; 46.5; 42.0; 38.0

 PFIZERDaily.png

ลงชื่อเข้าใช้

คล้ายกัน

ข่าวล่าสุด

NASDAQ มีโอกาสลงต่อได้ ถ้าราคาสามารถเคลื่อนที่ลงไปถึง 17,700 จุด ได้
NASDAQ มีโอกาสลงต่อได้ ถ้าราคาสามารถเคลื่อนที่ลงไปถึง 17,700 จุด ได้

ก่อนหน้านี้ เรามีการประเมินว่า ให้รอเข้าเทรด BUY NASDAQ (US500) ที่ระดับ 17,200 จุด โดยสามารถตั้งจุด TP ได้ที่บริเวณ 19,300 จุด และตั้งจุด SL

ฝากเงินกับระบบการชำระเงินในประเทศของคุณ

ประกาศการเก็บรวบรวมข้อมูล

FBS เก็บรักษาข้อมูลของคุณไว้เพื่อใช้งานเว็บไซต์นี้ เมื่อกดปุ่ม "ยอมรับ" ถือว่าคุณยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเรา

โทรกลับ

ผู้จัดการของเราจะโทรหาคุณในเร็ว ๆ นี้

เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์

เราได้รับคำร้องของคุณแล้ว

ผู้จัดการของเราจะโทรหาคุณในเร็ว ๆ นี้

คำขอโทรกลับครั้งต่อไปสำหรับหมายเลขโทรศัพท์นี้
จะพร้อมใช้งานใน

หากคุณมีปัญหาเร่งด่วนโปรดติดต่อเราผ่านทาง
สนทนาออนไลน์

เกิดข้อผิดพลาดภายใน กรุณาลองใหม่อีกครั้งในภายหลัง

อย่ามัวเสียเวลา - ติดตามดูว่า NFP ส่งผลกระทบอย่างไร ต่อ USD แล้วทำกำไรเลยสิ!

คุณกำลังใช้เบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่ากว่านี้

อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดหรือลองใช้เพื่อการเทรดที่สะดวกสบายและมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น

Safari Chrome Firefox Opera