จะเกิดอะไรขึ้นกับสกุลเงินยูโร? มุมมองทางเศรษฐกิจ

จะเกิดอะไรขึ้นกับสกุลเงินยูโร? มุมมองทางเศรษฐกิจ

อัปเดทแล้ว • 2023-05-10

ท่ามกลางเบื้องหลังของการลดอำนาจสกุลเงินดอลลาร์อย่างค่อยเป็นค่อยไปของระบบเศรษฐกิจโลก คำถามเกี่ยวกับการแทนที่สกุลเงินประจำชาติของสหรัฐฯ กำลังถูกหยิบยกขึ้นมามากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้เชี่ยวชาญบางคนได้เริ่มพูดถึงเงินยูโรในฐานะตัวแทนดังกล่าวแล้ว แต่สิ่งนี้ไม่น่าเป็นไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์ประกอบทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ของสหภาพยุโรป ซึ่งกำลังแสดงอยู่บนเวทีโลก เกิดอะไรขึ้นกับสหภาพยุโรป และชะตากรรมใดที่กำลังรอสกุลเงินยูโรอยู่? อ่านเรื่องราวทั้งหมดนี้ได้ในบทความของเราในวันนี้

แกตายก่อนวันนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันค่อยตาย

ในนวนิยายเรื่อง "Gulag Archipelago" โดยนักเขียนชาวรัสเซีย Alexander Solzhenitsyn มักจะพบวลีที่ว่า "แกตายก่อนวันนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันค่อยตาย" มันอธิบายได้ค่อนข้างดีถึงความสัมพันธ์ระหว่าง "ตำรวจโลก" ซึ่งก็คือสหรัฐอเมริกา สกุลเงินสำรองของโลก ซึ่งก็คือดอลลาร์สหรัฐ และดาวเทียมหลักของสหรัฐอเมริกา ซึ่งก็คือประเทศต่าง ๆ ในสหภาพยุโรป

ในรูปแบบเศรษฐกิจสมัยใหม่ที่มีดอลลาร์สหรัฐเป็นศูนย์กลาง การรักษาโรค (วิกฤตการณ์ทางการเงิน) ใด ๆ ก็คือการโยนสภาพคล่องเพิ่มเติมเข้าสู่ตลาด

ตัวอย่างของ "การรักษา" นี้สามารถเห็นได้ในวิกฤตการณ์สามครั้งสำคัญที่ผ่านมาซึ่งเศรษฐกิจสมัยใหม่ได้ผ่านพ้นไป และคุณน่าจะคุ้นเคยดี

วิกฤตซับไพรม์ปี 2008

หลังจากกระตุ้นการก่อตัวของฟองสบู่ขนาดใหญ่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ผ่านการปล่อยอนุพันธ์ที่ไร้การควบคุม สหรัฐฯ จึงได้เพิ่มปริมาณเงินสำรองอย่างมหาศาล (ปริมาณเงินสำรอง M2 "เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด" จากต้นปี 2008 และ 2009) และสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กันคือการเริ่มวัฏจักรอันยาวนานของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลักโดยทำให้มันลดลงจนเกือบถึงระดับศูนย์

เมื่อพิจารณาว่าสหรัฐฯ เป็นผู้นำเข้าสุทธิ สิ่งนี้ทำให้เกิดการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (key rate) ในสหภาพยุโรปอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนเหลือ 1% และลดค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับดอลลาร์อย่างค่อยเป็นค่อยไป (มูลค่าสูงสุดของคู่ EURUSD อยู่ที่ 1.6038 ในปี 2008)

การไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (อ่าน: หนี้สหรัฐฯ) ในขณะที่ก่อนเกิดวิกฤตซับไพรม์ อัตราส่วนหนี้ต่อ GDP ไม่เกิน 70% หลังปี 2009 อัตราส่วนหนี้ต่อ GDP ได้พุ่งขึ้นเป็น 82% แถมยังเพิ่มขึ้นอีกเรื่อย ๆ

วิกฤตโควิด-19

สหรัฐฯ ได้เดินตามเส้นทางเดิม แต่ครั้งนี้รุนแรงกว่า โดยอัดฉีดเงินกว่า $4.5 ล้านล้าน เข้าสู่ระบบ หลังจากรอบ 4 ปีของการเพิ่มอัตราดอกเบี้ย มันก็ได้ลดลงอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ถึงเวลานี้ เศรษฐกิจของสหภาพยุโรปไม่มีโอกาสให้เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกต่อไป ตั้งแต่ปี 2008 สหภาพยุโรปแทบไม่ได้หยุดวงจรขาลง และสกุลเงินยูโรก็อ่อนค่าลง 16.3% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในตอนนั้น

วิกฤตการณ์ในปี 2022

หลังการระบาดครั้งใหญ่สิ้นสุดลงได้ไม่นานเท่าไร วิกฤตของปี 2022 ก็เกิดขึ้นทันที โดยเริ่มต้นจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน วิกฤตครั้งนี้ได้เปิดโปงปัญหาที่ชัดเจนซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ได้รับความสนใจ แต่สะสมไว้มาโดยตลอด วิกฤตแรกคือปัญหาของแหล่งพลังงานราคาถูกซึ่งมีพื้นฐานมาจากอัตราเงินเฟ้อต่ำในประเทศที่พัฒนาแล้ว ทำให้ในที่สุดก็อนุญาตให้คงอัตราดอกเบี้ยต่ำเอาไว้ และไม่ฆ่าเชื้อสภาพคล่องที่ฝังตัวอยู่ในระบบมาเป็นเวลานานแล้ว วิกฤตที่สอง จีนและอินเดียบางส่วนได้แข็งแกร่งขึ้น และขณะนี้กลายเป็นผู้เล่นชั้นนำในเวทีภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อการครอบงำของสหรัฐฯ และส่งผลต่ออำนาจสูงสุดของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

ปัญหาของการอยู่รอดของสหรัฐฯ ในสถานการณ์นี้คือคำถามของการผนึกกำลังกับพันธมิตรหลักในสหภาพยุโรป และใช้เศรษฐกิจของพวกเขาเพื่อรับประกันความยั่งยืน สันนิษฐานว่า สหรัฐฯ เองก็ตระหนักดีว่า "การกระจายตัวสู่โลก" กำลังเกิดขึ้นแล้ว และกำลังพยายามเข้ายึดครองตำแหน่งทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจที่ได้เปรียบที่สุดในระยะยาว

สหภาพยุโรปและสกุลเงินยูโรอาจเข้ามามีบทบาทรองอย่างมากได้ในสถานการณ์นี้ จากการกระทำของพวกเขาต่อหนึ่งในผู้จัดหาพลังงานรายใหญ่ของสหภาพยุโรป รัสเซีย นักการเมืองในยุโรปยืนยันว่าพวกเขายึดมั่นในหลักการตลาดของอเมริกา จากการปฏิเสธที่จะซื้อพลังงานจากรัสเซีย ตลาดสหภาพยุโรปจึงได้ถูกควบคุมโดยบริษัทน้ำมันของอเมริกาอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในปี 2022 ผลประกอบการของ Exxon Mobil ได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 40% ผลประกอบการของ Chevron ได้เพิ่มขึ้น 57% และผลประกอบการของ Shell ได้เพิ่มขึ้นเกือบ 46%

นั่นคือประเด็นสำคัญของประโยคที่ว่า "แกตายก่อนวันนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันค่อยตาย"

เกิดอะไรขึ้นกับสหภาพยุโรป?

เหตุใดสหภาพยุโรปและสกุลเงินของสหภาพยุโรปจึงไม่สามารถท้าทายสหรัฐฯ ได้? หากไม่คำนึงถึงแง่มุมทางภูมิรัฐศาสตร์และลักษณะส่วนบุคคลของนักการเมืองยุโรป แล้วมุ่งความสนใจไปที่องค์ประกอบทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว คำตอบนั้นง่ายมาก ๆ นั่นคือ ความแตกต่างของเศรษฐกิจ

เป็นเวลา 40 ปีแล้วที่ EU ให้ความสำคัญกับการขยายพรมแดนและการบูรณาการ จนไม่ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาทางเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกัน หากเราดู GDP ของ 27 ประเทศในสหภาพยุโรปก็จะเห็นภาพดังนี้:

ช่องว่างระหว่างประเทศเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของสหภาพยุโรป (เยอรมนี) และประเทศเศรษฐกิจอันดับสอง (ฝรั่งเศส) อยู่ที่ประมาณ 50% ในปี 2021 หากเราเปรียบเทียบเยอรมนีกับกรีซ ช่องว่างก็จะห่างกันประมาณ 20 เท่า อัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP ในปัจจุบันของเยอรมนีอยู่ที่ 66.3% ในขณะที่ของกรีซอยู่ที่ 171.4% อัตราส่วนในสเปน (ไม่ใช่เศรษฐกิจที่เล็กที่สุดในสหภาพยุโรป) คือ 113.2% กล่าวอีกนัยหนึ่ง วลีที่ว่า "เบอร์เกอร์ชาวเยอรมันจ่ายสำหรับทุกสิ่งได้" นั้นไม่สมเหตุสมผล นี่เป็นเพียงแค่ปัจจัยหนึ่ง

ถัดไปก็คือหนี้ของสหรัฐฯ ที่มีต่อสหภาพยุโรป โดยรวมแล้วสหภาพยุโรปถือครองหนี้ต่างประเทศของสหรัฐฯ ประมาณ 1:15 นายธนาคาร Jean Paul Getty เคยกล่าวว่า "ถ้าคุณเป็นหนี้ธนาคาร $100 นั่นจะเป็นปัญหาของคุณ แต่ถ้าคุณเป็นหนี้ธนาคาร $100,000,000 นั่นจะเป็นปัญหาของธนาคาร" สิ่งนี้ถูกปรับใช้กับสหรัฐอเมริกาได้โดยสมบูรณ์ ซึ่งในที่นี้สหภาพยุโรปก็คือธนาคาร ปัญหาของวิกฤตการณ์ในปัจจุบันคือ ในแง่หนึ่ง สหรัฐฯ ไม่สามารถที่จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อจะเร่งตัวขึ้น ในทางกลับกัน หากเพิ่มอัตราดอกเบี้ยมากเกินไป สหรัฐฯ ก็กำลังเพิ่มค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้ ซึ่งส่งผลให้งบประมาณขาดดุลเพิ่มสูงขึ้น แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาชดเชยการขาดดุล? ถูกต้อง ก็จากการออกพันธบัตรเพิ่มและขายให้กับเหล่าพันธมิตรยังไงล่ะ

ด้วยการจัดระเบียของระบบเศรษฐกิจ การกระจายตัวของลูกหนี้รายใหญ่ของสหรัฐฯ จะค่อย ๆ เริ่มขึ้น ผลที่ตามมาคือหนี้ของสหรัฐฯ ต่อสหภาพยุโรปที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบต่อ EURUSD

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

ในทางเทคนิค EURUSD อยู่ในแนวโน้มขาลงทั่วโลก เส้นแนวโน้มกำลังมุ่งหน้าลง และค่าเฉลี่ยการเคลื่อนที่ทั้งหมดก็ลดลงเช่นกัน

การเคลื่อนไหวในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาถือเป็นการปรับฐาน ราคาได้ทำลายการปรับฐานที่ระดับ Fibo 50% และได้แตะเกือบถึง 1.2226 (61.8% ของการปรับฐาน Fibo)

โดยมีความเป็นไปได้สูงขึ้นที่ราคาก็จะร่วงลงไปเรื่อย ๆ

Picture1.png

สรุป ภาพรวมแนวโน้มของ EURUSD

ตอนนี้เราเห็นสถานการณ์ทั่วโลกที่เป็นไปได้ 2 สถานการณ์ ซึ่งทั้งสองสถานการณ์ต่างก็ไม่เอื้อประโยชน์ต่อ EUR

สถานการณ์ที่ 1 การรวมตัวของสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปที่แนบแน่นมากยิ่งขึ้น

ในสถานการณ์นี้ เป็นไปได้ที่จะเพิ่มการกู้ยืมของหลายประเทศในสหภาพยุโรป กล่าวคือ เพื่อเพิ่มการพึ่งพากันทางเศรษฐกิจของยุโรปกับอเมริกา

สถานการณ์ที่ 2 การล่มสลายของบางประเทศในสหภาพยุโรป การแตกแยกบางส่วนของสหภาพยุโรป

สถานการณ์นี้เป็นไปได้ก็ต่อเมื่อมีวิกฤตการณ์ทางการเมืองภายในที่สำคัญภายในแต่ละประเทศของกลุ่มยุโรป และหากสหรัฐฯ "ปล่อย" "กบฏ" ดังกล่าวออกจากอิทธิพลของตน นี่ก็เป็นเส้นทางที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็คงจะเป็นไปได้ในอนาคตอันไกลโพ้น

เทรดตอนนี้

คล้ายกัน

การล้มของธนาคารในสหรัฐฯ : FBS อธิบาย
การล้มของธนาคารในสหรัฐฯ : FBS อธิบาย

เมื่อวันศุกร์ที่ 10 มีนาคม ธนาคารขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 16 ของสหรัฐฯ ล้มอย่างกะทันหัน การล้มละลายในครั้งนี้ถือเป็นการล้มละลายที่ใหญ่เป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ของธนาคารพาณิชย์ของอเมริกัน ในบทความนี้ เราจะมาดูสิ่งที่เกิดขึ้นและผลกระทบที่อาจเกิดกับเราทุกคนกัน

แนวโน้มตลาดหุ้น
แนวโน้มตลาดหุ้น

ตลาดหุ้นมักจะถูกมองว่าเป็นตัวบ่งชี้ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น เทรดเดอร์หลายคนจึงมองดัชนีว่าเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญของสิ่งที่คาดหวังจากเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทั่วโลก

แนวโน้มของดอลลาร์สหรัฐก่อนที่ NFP ของเดือนมีนาคมจะออกมา
แนวโน้มของดอลลาร์สหรัฐก่อนที่ NFP ของเดือนมีนาคมจะออกมา

ในขณะที่เรารอการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในวันที่ 3 มีนาคม ดูเหมือนว่าในฝั่งทางด้านเทคนิคจะไม่เอื้ออำนวยต่อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมากนัก มาดูกันว่าสกุลเงินดอลลาร์นั้นเป็นอย่างไรในฝั่งทางด้านเทคนิค

ข่าวล่าสุด

NASDAQ มีโอกาสลงต่อได้ ถ้าราคาสามารถเคลื่อนที่ลงไปถึง 17,700 จุด ได้
NASDAQ มีโอกาสลงต่อได้ ถ้าราคาสามารถเคลื่อนที่ลงไปถึง 17,700 จุด ได้

ก่อนหน้านี้ เรามีการประเมินว่า ให้รอเข้าเทรด BUY NASDAQ (US500) ที่ระดับ 17,200 จุด โดยสามารถตั้งจุด TP ได้ที่บริเวณ 19,300 จุด และตั้งจุด SL

ฝากเงินกับระบบการชำระเงินในประเทศของคุณ

ประกาศการเก็บรวบรวมข้อมูล

FBS เก็บรักษาข้อมูลของคุณไว้เพื่อใช้งานเว็บไซต์นี้ เมื่อกดปุ่ม "ยอมรับ" ถือว่าคุณยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเรา

โทรกลับ

ผู้จัดการของเราจะโทรหาคุณในเร็ว ๆ นี้

เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์

เราได้รับคำร้องของคุณแล้ว

ผู้จัดการของเราจะโทรหาคุณในเร็ว ๆ นี้

คำขอโทรกลับครั้งต่อไปสำหรับหมายเลขโทรศัพท์นี้
จะพร้อมใช้งานใน

หากคุณมีปัญหาเร่งด่วนโปรดติดต่อเราผ่านทาง
สนทนาออนไลน์

เกิดข้อผิดพลาดภายใน กรุณาลองใหม่อีกครั้งในภายหลัง

อย่ามัวเสียเวลา - ติดตามดูว่า NFP ส่งผลกระทบอย่างไร ต่อ USD แล้วทำกำไรเลยสิ!

คุณกำลังใช้เบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่ากว่านี้

อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดหรือลองใช้เพื่อการเทรดที่สะดวกสบายและมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น

Safari Chrome Firefox Opera