นักวิเคราะห์มั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆว่าราคาน้ำมันเบรนท์จะทะลุ $100 ต่อบาร์เรล แล้วน้ำมันจะขับเคลื่อนตลาดรุนแรงแค่ไหน แลัวมันจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางไหน? ไปหาคำตอบกัน!
วิกฤตทั่วโลก: ปัจจุบันและอดีต
อัปเดทแล้ว • 2020-03-25
เมื่อไวรัสโคโรน่ากลายเป็นสาเหตุของวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่เลวร้ายที่สุดไปแล้ว มันก็สมเหตุสมผลที่จะนำมาเปรียบเทียบกับปัญหาทั่วโลกที่เราเคยเผชิญมาก่อนหน้านี้ แต่ก่อนที่เราจะไปเปรียบเทียบผลทางเศรษฐกิจของการระบาดใหญ่ในปัจจุบัน ให้เรามาเปรียบเทียบความเสียหายของมนุษย์จาก COVID-19 กับโรคระบาดอื่นๆที่เคยเกิดขึ้นทั่วโลกที่โลกเคยเผชิญมาจนถึงทุกวันนี้ ทำเช่นนี้เพียงเพื่อวางสิ่งต่างๆเอาไว้ในมุมมอง
การทำแผนที่ไวรัส
นี่คือความเสียหายที่เกิดขึ้นจากไวรัสโคโรน่าจนถึงปัจจุบัน มีผู้ได้รับการยืนยันการติดเชื่อมากกว่า 330,000 ราย และมีผู้เสียชีวิต 14,474 รายทั่วโลก แผนที่ด้านล่างแสดงการแพร่กระจายของการติดเชื้อ ซึ่งตอนนี้นอกเหนือจากจีนแล้วมีการระบาดหนักที่สุดในยุโรป, สหรัฐอเมริกา และอิหร่าน
ที่มา: Bloomberg
ในขณะที่การแพร่กระจายของไวรัสทั่วโลกเป็นภาพที่น่ากลัว (ซึ่งน่ากลัวยิ่งขึ้นอีกเมื่อสื่อได้แพร่ข่าวออกไป) ตอนนี้ให้เราเปรียบเทียบความเสียหายของมนุษย์ที่เกิดจากไวรัสกับกรณีอื่นๆในอดีตที่โลกได้เผชิญมาแล้ว
ความเสียหายที่มีมนุษย์
ที่มา: www.sciencenews.org
นี่คือแนวทางที่จะทำให้เห็นภาพซึ่งจะทำให้ความกลัวลดลง จากข้อเท็จจริงที่ว่าจำนวนผู้ป่วยในประเทศจีนซึ่งว่ากันว่าเป็นต้นกำเนิดของไวรัสนั้นได้ผ่านจุดสูงสุดของการติดเชื้อทั้งหมดมาแล้วสองสัปดาห์ แล้วเราน่าจะได้เห็นภาพเดียวกันนี้ทั่วโลกในอีกประมาณสองสัปดาห์หากไม่เร็วไปกว่านี้ ดังนั้นความเสียหายของมนุษย์โดยรวมคาดว่าจะต่ำกว่าการระบาดใหญ่ในอดีตอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้อย่างที่คุณทราบในข้อมูลเก่า: มีผู้เสียชีวิต 2,763 รายทั่วโลก ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ซึ่งก็คือประมาณหนึ่งเดือนที่ผ่านมา และนั่นถือว่าเป็นข่าวดี: สถิติบอกว่าโรคดังกล่าวได้แพร่กระจายเร็วกว่าการเติบโตจากเกือบ 3,000 เป็น "เพียงแค่" 14,400 คนที่เสียชีวิตในสี่สัปดาห์ เห็นได้ชัดว่าคำว่า "เพียงแค่" นี้เป็นเพียงการรับรู้ทางคณิตศาสตร์ของการแพร่กระจายของไวรัส และเพียงต้องการที่จะบอกว่าการขยายตัวของโรคไม่ได้มีความเร็วแบบเอกซ์โปเนนเชียล แต่เพิ่มขึ้นค่อนข้างเป็นเส้นตรง มิฉะนั้นแต่ละคนที่เพิ่ม
ทีนี้เมื่อเรามองเห็นจุดจบของเรื่องนี้ อีกเรื่องหนึ่งก็เริ่มที่จะเปิดเผยตัวเองต่อผู้สังเกตการณ์เนื่องจากอันตรายที่แท้จริงของโลกไม่ได้อยู่ในไวรัส แต่เป็นผลกระทบที่มีเศรษฐกิจ
แผ่ขยายสู่เศรษฐกิจ
ไวรัสมาแล้วก็ไป คร่าชีวิตมนุษย์ไปหลายพันชีวิต - นั่นคือความเป็นจริงของผลกระทบที่เกิดขึ้นทันที แล้วผลกระทบแบบเต็มที่ล่ะ?
ผู้สังเกตการณ์ได้มองว่าผลกระทบของไวรัสได้รุกคืบเศรษฐกิจทั่วโลกแถมยังมองไม่เห็นว่าจะหยุดเมื่อไหร่ แล้วเศรษฐกิจแย่แค่ไหน? พูดได้ว่าคล้ายๆกับปี 2008?
ตลาดหุ้น
วิกฤติในปี 2008 บีบให้ S&P ร่วงลงจาก 1,600 เป็น 700 นั่นคือลดลงกว่า 56% ปัจจุบันตัวบ่งชี้อยู่ที่ 2,200 - หลังจากที่อยู่จุดสูงสุดตลอดเวลาที่ 3,400 มันร่วงลงถึง 35% บางคนคาดการณ์ว่าเบวร้ายที่สุดก็จะลดลงถึง 2,000 แต่ถึงกระนั้นการลดลงไม่ควรจะเกิน 41% ซึ่งจะถูกพิจารณาว่าโซนสีแดง ดังนั้นจากมุมมองในเรื่องหุ้น ไวรัสโคโรน่านั้นไม่ใด้สร้างความเสียหายร้ายแรงมากไปกว่าวิกฤตสินเชื่อในปี 2008 ถึงแม้จะมีความคิดเห็นว่าเวลาแห่งการฟื้นฟูนั้นมีอยู่จริง แต่เราจะได้เห็นมันก็ต่อเมื่อเราไปถึงจุดนั้นแล้วเท่านั้น
ลักษณะเฉพาะ
ในเวลาเดียวกัน ก็มีความเห็นว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะแย่กว่าปี 2008
ตัวอย่างเช่น จำนวนคนตกงานในสหรัฐอเมริกาอาจเกิน 1 ล้าน ตามการวิเคราะห์เบื้องต้น - ซึ่งสูงกว่าปี 2008 อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องด้วยอัตรการว่างงานนั้นเป็นปัจจัยพื้นฐานฯอย่างหนึ่ง มันอาจนำไปสู่เกิดผลกระทบร้ายแรงเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนนี้
ปัจจัย"ข้างเคียง" เช่นสงครามราคาน้ำมันก็ยังซ้ำเติมสถานการณ์บีบให้ตลาดโลกเข้าสู่ภาวะซบเซาและปั่นป่วน ปัจจัยข้างเคียงอาจอ่นแอกว่าแต่พอมันซ้อนทับกับผลกระทบของไวรัส, สงครามราคาน้ำมันที่ยกระดับขึ้น มันก็กลายเป็นปัจจัยหลักแทน
นอกจากนี้ความร่วมมือระหว่างประเทศก็อยู่ในระดับต่ำกว่าของปี 2008 ลัทธิโดดเดี่ยวและความเป็นปัจเจกนิยมของรัฐเป็นนโยบายระหว่างประเทศที่สำคัญมานาน - มันไม่เป็นเช่นนั้น (อย่างน้อยก็ไม่ถึงขนาดนี้) เมื่อ 12 ปีที่แล้ว มันสำคัญมากที่จะต้องพิจารณาเรื่องนี้เพราะไฟทางเศรษฐกิจอาจจะดับได้ง่ายขึ้นและเร็วขึ้นหากเผชิญหน้ากัน แต่สิ่งนี้ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น ในโลกใบเก่าสหราชอาณาจักรเป็นแกนกลางของ Brexit แถมไม่เต็มใจและไม่มีกฎหมายใดๆที่จะนำพายุโรปออกจากวิกฤตการณ์ทางการเงิน ยุโรปเองก็ดูเหมือนจะแตกแยกกันมากกว่าในปี 2008
ด้วยเหตุนี้ ปัจจัยพื้นฐานฯที่มากเกินไปทำให้สถานการณ์ปัจจุบันแตกต่างจาก 10 ปีที่แล้ว สิ่งนี้สร้างความซับซ้อนให้กับการเปรียบเทียบใดๆ และทำให้ผู้สังเกตการณ์หวาดกลัวมากยิ่งขึ้นเนื่องจากพวกเขาไม่รู้จริงๆว่าพวกเขากำลังเผชิญกับอะไรอยู่
ในที่สุด
ปี 2008 เป็น“เพียง” วิกฤติสินเชื่อที่ - มันเป็นปัญหาที่มนุษย์สร้างขึ้นและสามารถควบคุมได้ ไม่มีใครตายและรัฐก็ไม่จำเป็นต้องปิดพรมแดน แต่ในเวลานี้มันแตกต่างกันเป็นอย่างมาก: โลกกำลังเผชิญกับภัยคุกคามทางธรรมชาติที่มาจากสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กสิ่งที่ฆ่าคนได้และไม่สามารถจัดการได้ด้วยการทำให้งบดุลโปร่งใส ดังนั้นกลุ่มปรากฏการณ์นี้ทำให้เราใช้ชีวิตอย่างระมักระวัง ให้เรามีความหวังว่าสิ่งที่ดีที่สุดจะเกิดขึ้น และเตรียมพร้อมให้ดีก่อนทำการซื้อขาย
คล้ายกัน
อาลีบาบากรุ๊ปโฮลดิ้ง จำกัด ให้คำมั่นสัญญา 100 พันล้านหยวน (15.5 พันล้านดอลลาร์)
ดูเหมือนว่าจะมีการขาดทุนเพิ่มขึ้นในวันอังคาร หลังจากคำกล่าวของ Gary Gensler
ข่าวล่าสุด
ก่อนหน้านี้ เรามีการประเมินว่าให้รอเข้าเทรด SELL XAUUSD ที่ระดับ 2,180 ดอลลาร์ โดยสามารถตั้งจุด TP ได้ที่บริเวณ 2,130 ดอลลาร์ และตั้งจุด SL
ก่อนหน้านี้ เรามีการประเมินว่า ให้รอเข้าเทรด BUY NASDAQ (US500) ที่ระดับ 17,200 จุด โดยสามารถตั้งจุด TP ได้ที่บริเวณ 19,300 จุด และตั้งจุด SL
ก่อนหน้านี้ เรามีการประเมินว่า ให้รอเข้าเทรด BUY S&P 500 (US500) ที่ระดับ 4,850 จุด โดยสามารถตั้งจุด TP ได้ที่บริเวณ 5,200 จุด