การวิเคราะห์ทางเทคนิค
การวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับมือใหม่
ในส่วนนี้ของสื่อการเรียนรู้ของเรา คุณจะพบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และข้อมูลที่เข้าใจได้ง่ายมากที่สุดเกี่ยวกับเครื่องมือ TA คุณจะได้เรียนรู้การวิเคราะห์ทางเทคนิค และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวโน้มและตัวบ่งชี้ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับตรรกะและเครื่องมือของ TA เป็นกุญแจสำคัญในการเทรดที่ประสบความสำเร็จ
การวิเคราะห์ทางเทคนิค (TA) เป็นวิธีการคาดการณ์ทิศทางในอนาคตของราคาของสินทรัพย์ (ในกรณีของเราคือราคาของคู่สกุลเงิน) โดยพิจารณาจากผลการดำเนินงานในอดีตของมัน
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือนักวิเคราะห์ทางเทคนิค ทำการศึกษาแผนภูมิทางการเงิน เพื่อพิจารณาว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับราคาต่อไปในอนาคต
ในทางกลับกัน การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานนั้นเกี่ยวข้องกับ "มูลค่า" ของสินทรัพย์นั้นๆ แต่การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะสนใจเพียง ราคา ปริมาณ และข้อมูลทางการตลาดอื่นๆ เทรดเดอร์บางรายเลือกที่จะใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค หรือไม่ก็การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ในขณะที่บางรายเลือกที่จะนำสองวิธีนี้มารวมกัน เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเทรด
TA นั้นเป็นไปตามทฤษฎี Dow ซึ่งเป็นแนวทางในการวิเคราะห์แผนภูมิที่เสนอโดย Charles Dow (1851–1902) ผู้ร่วมก่อตั้ง Dow Jones and Company และบรรณาธิการคนแรกของ The Wall Street Journal อีกสิ่งที่จะมาช่วยสนับสนุนการวิเคราะห์ทางเทคนิคได้อย่างมากนั้น มาจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการใช้แผนภูมิประเภทใดประเภทหนึ่ง เพื่อติดตามราคาข้าวตั้งแต่ช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1600
อ่านการวิเคราะห์ทางเทคนิคของตลาดโดยนักวิเคราะห์จาก FBS ทุกสัปดาห์
การวิเคราะห์ทางเทคนิคมีสมมติฐานหลัก หรือการคาดการณ์หลักอยู่สามประการ:
- ตลาดได้สะท้อนทุกอย่างไปหมดแล้ว นักวิเคราะห์ทางเทคนิคคิดว่า ราคาของสินทรัพย์ทางการเงินได้สะท้อนข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว รวมถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจต่างๆ และจิตวิทยาของตลาด ด้วยเหตุนี้ในการคาดการณ์ราคาในอนาคต จึงจำเป็นต้องวิเคราะห์แผนภูมิเท่านั้นและไม่ต้องใช้อะไรเพิ่มอีก
- ราคาจะเปลี่ยนแปลงไปในแนวโน้ม ตามที่นักวิเคราะห์ทางเทคนิคกล่าว การเปลี่ยนแปลงของตลาดมีจังหวะที่แน่นอน มีลำดับขั้นของมัน การเคลื่อนไหวของราคานั้นจะเป็นเส้นทแยง (ขึ้น ลง หรือบางครั้งก็เป็นแนวนอน) ที่เรียกว่าแนวโน้ม มันจำเป็นต่อการวิเคราะห์ตลาดโดยเฉพาะในการหาแนวโน้ม หากมีแนวโน้ม ราคามักจะมีแนวโน้มที่จะยังคงเคลื่อนไหวไปตามทิศทางนี้ มากกว่าที่จะเปลี่ยนทิศทาง สมมติฐานนี้เป็นพื้นฐานสำหรับกลยุทธ์การเทรดอื่นๆ เยอะแยะมากมาย
- ประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอย เชื่อกันว่าการเคลื่อนไหวในอดีตของราคาจะเกิดขึ้นอีก ในปัจจุบัน และอนาคต มันเกิดขึ้นเนื่องจากเทรดเดอร์มักจะตอบสนอง ต่อสิ่งที่เฉพาะเจาะจงที่พวกเขาเห็นบนแผนภูมิในลักษณะเดียวกัน ด้วยเหตุผลทางจิตใจและอารมณ์ มันสามารถที่จะระบุรูปแบบที่เฉพาะเจาะจงได้ และคาดว่ารูปแบบเหล่านี้จะเกิดขึ้นในอนาคต ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของราคาแบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ข้อสรุปคือจำเป็นต้องศึกษาประวัติแผนภูมิ เพื่อให้สามารถอ่านสัญญาณของการเคลื่อนไหวของราคาที่กำลังจะเกิดขึ้นได้
การวิเคราะห์ทางเทคนิคเกี่ยวข้องกับการศึกษาการเคลื่อนไหวของราคา ตลอดจนการใช้เครื่องมือทางเทคนิคและตัวชี้วัด คำว่า "Price Action" หมายถึงการเคลื่อนไหวของราคา การเทรดแบบ Price action หมายความว่าคุณใช้คำแนะนำที่ได้มาว่าจะซื้อหรือขาย โดยพิจารณาจากราคาที่คุณเห็นในแผนภูมิเท่านั้น วิธีดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า คุณไม่ได้ใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค หรือถ้าใช้ก็ให้น้ำหนักมันน้อยมากในการตัดสินใจของคุณ หากคุณรู้สึกมั่นใจมากขึ้นเมื่อเทรดด้วยตัวบ่งชี้ ก็ลุยให้เต็มที่ไปเลย! มีเครื่องมือมากมายที่จะช่วยคุณในการเทรด
- ประการแรก พิจารณาวางเส้นแนวโน้มและระดับแนวรับ / แนวต้านบนแผนภูมิของคุณ เส้นแนวโน้มจะช่วยให้คุณเห็นทิศทางหลักของราคาสินทรัพย์ แนวรับและแนวต้านจะระบุ "แม่เหล็ก" สำหรับราคา ซึ่งมีแนวโน้มที่จะกลับตัวหรือสะสมราคา
- ประการที่สอง ใน MetaTrader มีหลายตัวบ่งชี้ โดยตัวบ่งชี้จะแบ่งออกเป็นสี่กลุ่มหลัก ได้แก่ trend, oscillators, volumes และ Bill William's oscillators
การวิเคราะห์ทางเทคนิคของตลาดการเงิน
ความรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณต้องการเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพในตลาด Forex การวิเคราะห์ทางเทคนิคของ Forex ต้องการความเข้าใจเกี่ยวกับ แนวโน้ม, ระดับ, แผนภูมิและรูปแบบแท่งเทียน และ oscillators แฟน ๆ ของการวิเคราะห์ทางเทคนิคเชื่อว่า แม้ว่าคุณจะติดอยู่กับการวิเคราะห์พื้นฐาน และสับสนกับข่าวทั้งหมดที่ออกมาตลอดทั้งวัน การวิเคราะห์ทางเทคนิคของ Forex จะช่วยคุณได้เสมอ เนื่องจากราคาจะสะท้อนทุกอย่างออกมา
การวิเคราะห์ทางเทคนิคของตลาดหุ้น
หากคุณเทรดหุ้น เทคนิคขั้นสูงของการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะช่วยคุณได้เช่นกัน เนื่องจากเวลาในการซื้อขายที่จำกัด ราคาหุ้นจึงมักก่อให้เกิดช่องว่างในแผนภูมิ การวิเคราะห์ทางเทคนิคของหุ้นจะสอนวิธีการรับมือ และการรับผลลัพธ์ที่สำเร็จ สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือการวิเคราะห์แนวโน้มทางเทคนิคของหุ้น เป็นการระบุแนวโน้มหลักของหุ้น และช่วยให้คุณติดตามได้ แม้จะมีการปรับฐานกะทันหัน
เริ่มการเทรดอัปเดทแล้ว • 2023-02-06
บทความอื่นๆ ในส่วนนี้
- McClellan Oscillator
- กลยุทธ์การซื้อขายด้วยตัวบ่งชี้ Aroon
- ความแข็งแกร่งของสกุลเงิน
- กรอบเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเทรด
- Renko chart
- ประเภทของแผนภูมิ
- จะใช้ Heikin-Ashi อย่างไร?
- นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
- Pivot Points
- ตัวบ่งชี้ ZigZag คืออะไร?
- Moving Average: วิธีง่ายๆในการหาเทรนด์
- Williams’ Percent Range (%R)
- Relative Vigor Index (ตัวบ่งชี้ RVI) คืออะไร?
- โมเมนตัม
- Force index
- ตัวบ่งชี้ Envelopes คืออะไร?
- Bulls Power และ Bears Power
- Average True Range
- จะเทรดจากการตัดสินใจของธนาคารกลางอย่างไร?
- CCI (Commodity Channel Index)
- Standard deviation
- Parabolic SAR
- การซื้อขายด้วย Stochastic Oscillator
- Relative Strength Index (RSI)
- MACD (Moving Average Convergence/Divergence)
- ออสซิลเลเตอร์
- ตัวบ่งชี้ ADX: วิธีใช้สำหรับการวิเคราะห์แนวโน้ม Forex อย่างมีประสิทธิภาพ
- Bollinger bands
- ตัวบ่งชี้เทรนด์
- การแนะนำตัวชี้วัดทางเทคนิค
- แนวรับและแนวต้าน
- แนวโน้ม
- ธนาคารกลาง: นโยบายและผลกระทบ
- ปัจจัยพื้นฐาน
- การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานในการเทรด Forex และการเทรดหุ้น
- การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน vs การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค